กระทรวงการคลังเตรียมพิจารณา "หวยเกษียณ" ขายสลากขูดแบบดิจิทัลใบละ 50 บาท ออกรางวัลทุกวันศุกร์ รางวัลใหญ่ 1 ล้าน รางวัลย่อย 1,000 มี 10,000 รางวัล เงินต้นไม่หายเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ ถอนออกได้เมื่ออายุ 60 ปี คาดประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปีเกิดขึ้น ไม่เกี่ยวกับกองสลาก หรือ พ.ร.บ.การพนันใดๆ
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณานโยบายสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ (สลากเกษียณ) หรือเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า "หวยเกษียณ" ซึ่งเป็นนวัตกรรมเชิงนโยบายที่รวมเอาลักษณะการชอบเสี่ยงดวงของคนไทยมาเป็นแรงจูงใจในการเก็บออม ที่สามารถถอนเงินที่ซื้อสลากทั้งหมดออกมาได้ตอนอายุ 60 ปี
สำหรับสลากเกษียณมีเป้าหมายในการเข้าไปช่วยแก้ปัญหาการออมของประเทศที่ยังขาดอยู่ ทำให้เกิดสังคมสูงวัยแต่ยากจน แก่แต่ไม่มีเงินเก็บ และนโยบายนี้จะใช้นิสัยของคนไทยที่ชอบเสี่ยงโชคมาเป็นแรงกระตุ้นและแรงจูงใจ เป็นการซื้อสลากที่ถูกกฎหมาย ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายสลากออมทรัพย์ แต่ไม่เหมือน เพราะเป็นระบบแรงจูงใจรูปแบบใหม่ เป็นการซื้อสลากที่เงินไม่หาย กลายเป็นเงินออมยามเกษียณ และยิ่งซื้อมากยิ่งได้ลุ้นมาก และได้เก็บเป็นเงินออมมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ จะดำเนินการผ่านกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ในการออกสลากขูดแบบดิจิทัล ใบละ 50 บาท เพื่อขายให้สมาชิก กอช. ผู้ประกันตน มาตรา 40 และแรงงานนอกระบบ ซึ่งมีเป้าหมายราว 16-17 ล้านราย ซื้อได้ไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน และสามารถซื้อสลากได้ทุกวัน แต่ออกรางวัลทุกวันศุกร์ เวลา 17.00 น.
ผู้ถูกรางวัลจะได้เงินรางวัลทันที โดยที่เงินค่าซื้อสลากถูกเก็บเป็นเงินออม แม้ว่าจะถูกรางวัลหรือไม่ก็ตาม โดยเงินรางวัลแบ่งเป็น รางวัลที่ 1 มูลค่า 1 ล้านบาท จำนวน 5 รางวัล และรางวัลที่ 2 มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 10,000 รางวัล โดยเงินรางวัลอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม และเงินค่าซื้อสลากทั้งหมดจะเป็นเงินออมของผู้ซื้อสลาก (เงินสะสม) ซึ่งจะนำเงินส่งเข้าบัญชีเงินออมรายบุคคลกับ กอช. โดย กอช.จะเป็นผู้บริหารจัดการเงินจำนวนดังกล่าว และเมื่อผู้ซื้อสลากอายุครบ 60 ปี จะสามารถถอนเงินทั้งหมดที่ซื้อสลากมาทั้งชีวิตออกมาได้
นโยบายนี้อยู่ระหว่างขัดเกลารายละเอียด และต้องใช้เวลาในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กอช. ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาราว 6 เดือน ถึง 1 ปี คงไม่เกิดขึ้นเร็วอย่างแน่นอน แต่จะเร่งรัดให้เร็วที่สุด โดยระหว่างนี้จะต้องหารือถึงรูปแบบสลาก การออกรางวัลเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากที่สุด โดยนโยบายนี้เป็นของพรรคเพื่อไทย ที่ได้ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายใต้นโยบายหวยบำเหน็จ แต่ที่ไม่ใช้ชื่อหวยบำเหน็จเพราะต้องการให้เกิดความยืดหยุ่น
ส่วนแหล่งเงินที่จะนำมาใช้เป็นเงินรางวัลนั้น จะมาจากงบประมาณ โดยเฉลี่ยสัปดาห์ละ 15 ล้านบาท เดือนละ 60 ล้านบาท และปีละกว่า 700 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับนโยบายเบี้ยคนชราที่ใช้งบประมาณปีละ 4-5 แสนล้านบาท อีกทั้งยืนยันว่านโยบายดังกล่าวไม่ได้เป็นการมอมเมา แต่เป็นการเอานิสัยของคนไทยที่ชอบเสี่ยงดวงมาผูกกับสิ่งที่ดี คือการออม ที่ยิ่งซื้อมากก็ยิ่งออมมาก ซึ่งการออกหวยเกษียณนี้เป็นการเพิ่มรายละเอียดในกฎหมายของ กอช. ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ พ.ร.บ.การพนันแต่อย่างใด