พญ.พาณิพร แพทย์หญิงโรงพยาบาลขุนยวม พ้อรัฐ เผยจังหวัดชายขอบไม่ได้รับความยุติธรรม วอนช่วยซัปพอร์ตให้เท่าเทียม ชี้แพทย์ทำงานเยอะแต่ไม่ได้เงินเยอะตามงานที่ทำ วอนอย่ามาเปรียบเทียบกับที่อื่น ในเมื่อภาระงานทำไม่ได้เท่ากันทุกที่
วันนี้ (5 มิ.ย.) เฟซบุ๊ก “พาณิพร มณีวัฒนพร” หรือ หมอปุ้ย พญ.พาณิพร มณีวัฒนพร แพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลขุนยวม อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน โพสต์ถึงปัญหาในการทำงานของทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ในพื้นที่ห่างไกล โดยระบุข้อความว่า "ปัญหาโลกแตกที่ยังไม่มีใครแก้ได้ งานเยอะขึ้น คนทำงานไม่พอ ก็ต้องจ้างคนเยอะ พอจ้างเยอะขึ้นแล้วเงินก็จะไม่พอ ที่ร้ายไปกว่านั้น คือ ทำงานเยอะ แต่ไม่ได้เงินเยอะตามงานที่ทำ เงื่อนไขยิบย่อย เคลมยากเคลมเย็น สงสารคนอื่น พอเอ็นดูเขา เอ็นเราก็ขาด แต่เขาไม่เห็นเอ็นดูคนของเขาบ้างเลยนะแถมไม่เอ็นดูทางเราด้วย ดูแลให้อย่างดียังจะขี้เหนียวเรื่องค่าใช้จ่ายรายหัว แก้ไขตรงไหนได้บ้าง รู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม เจ็บปวดกับคำว่ากรอบ FTE ที่ไม่รู้ใครเป็นคนคิด แต่ที่แน่ๆ ไม่น่าจะใช่คนหน้างานคิด คนทำงานก็ตายแล้วตายอีกวนไปค่ะ อย่ามาเปรียบเทียบกับที่อื่น ในเมื่อภาระงานที่ต้องทำไม่ได้เท่ากันทุกที่ มีแต่คนหนีที่นี่อะ คิดดูก็แล้วกันว่าทำไม ตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไปแค่ไหนแล้ว กะจะให้ขึ้นเวรลงเวรทำแต่งานอย่างเดียวไม่ให้พักผ่อนนอนหลับหรือได้ใช้ชีวิตทั่วไปอย่างมีความสุขบ้างเลยรึ ไม่ได้มาเหนื่อยเท่าพวกเรา ไม่ได้มาลำบากเท่าพวกเรา ไม่ต้องพูด อยากขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่ช่วยกันในตอนนี้นะ คงทำได้เท่านี้แหละ ในเมื่อคุณภาพชีวิตดีๆ รัฐยังมีให้อย่างเท่าเทียมกันทุกพื้นที่ไม่ได้ คนก็หลีกเลี่ยงความเจ็บป่วยไม่ได้เช่นกัน
เรากลับมองต่างเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคนะว่าจะเป็นการทำให้คนมา รพ.ง่ายเกินไปรึเปล่า แต่สำหรับพื้นที่แห่งนี้ที่การเข้าถึงอะไรก็ยากไปหมด แม้แต่ถนนหนทางดีๆยังมีให้ชาวบ้านไม่ได้ ด้านสาธารณสุขคงเป็นสวัสดิการจากรัฐอย่างเดียวที่พอจะทำให้มีความรู้สึกเท่าเทียมที่อื่นได้บ้าง สักนิดหนึ่งก็ยังดี แต่จะให้ดีก็อยากให้ผู้มีอำนาจช่วย support คน/เงิน/ของ ให้มันพร้อมกว่านี้หน่อยเถอะ อยากได้คุณภาพก็ต้องใช้เงิน ไม่ใช่ให้บริหารงบที่ได้มาน้อยนิด เพราะจำนวนประชากรมีน้อยนิดจนได้กำไร ใช่เรื่องที่ไหน มันไม่มีทางเป็นไปได้สำหรับถิ่นทุรกันดารแบบนี้ มีแค่จิตอาสาอย่างเดียวมันใช้ชำระหนี้ตามกฎหมาย และขับเคลื่อนอะไรไม่ได้เต็มที่ และยั่งยืนหรอกนะคะ ถึงจะเป็นจังหวัดชายขอบ แต่พวกเราก็เป็นคนไทยไม่ควรถูกทอดทิ้งด้วยประการทั้งปวง แถมยังเผื่อแผ่ไปให้เพื่อนบ้านด้วยอีก เอ้า ยังหวังว่าสักวันคงจะมีอะไรมาเปลี่ยนแปลงระบบให้ดีกับทุกฝ่ายมากกว่านี้ ส่วนตอนนี้ก็ได้แต่ยิ้มอ่อนแรง แก่แล้วเริ่มเหนื่อยง่าย ขี้บ่น ปวดหลังด้วย"
ทั้งนี้ หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่มีชาวเน็ตสนใจจำนวนมาก โดยทุกคนต่างส่งกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ตามชายขอบหรือพื้นที่ห่างไกล และขอให้ภาครัฐให้ความสำคัญต่อเรื่องที่เกิดขึ้น และคุณภาพชีวิตบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้การบริการเข้าถึงประชาชนมากที่สุด และยังพบว่า พญ.พาณิพรนั้นเคยได้รับการชื่นชมจากโซเชียลฯ พร้อมทั้งจากแพทยสภา และศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี เพราะให้การดูแลรักษาส่งต่อผู้ป่วยเด็กที่ได้รับสารพิษไซยาไนด์ได้ทันเวลา และได้รับการรักษาปลอดภัยตามที่เคยนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
คลิกอ่านโพสต์ต้นฉบับ