xs
xsm
sm
md
lg

รองโฆษก ก.พ.ค.ตร.โพสต์เฟซฯ คำวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์ "บิ๊กโจ๊ก" ออกได้ 4 แนวทาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



MGR Online - ธวัชชัย ไทยเขียว รองโฆษก ก.พ.ค.ตร.โพสต์คำวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์ "บิ๊กโจ๊ก" ออกได้ 4 แนวทาง กรรมการมีคำสั่งรับไว้พิจารณาแล้ว

วันนี้ (30 พ.ค.) นายธวัชชัย ไทยเขียว กรรมการ ก.พ.ค.ตร. และรองโฆษก ก.พ.ค.ตร. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “คำร้องอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองวินัยตำรวจทุกกรณี หลังกรรมการเจ้าของสำนวนได้รับคำร้องอุทธรณ์แล้ว จะเร่งทำการตรวจว่าเป็นสำนวนดังกล่าวที่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีลักษณะต้องห้ามก็จะสั่งรับไว้พิจารณาหรือไม่ ซึ่งกรณีคำร้องอุทธรณ์ของท่าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์นั้น กรรมการเจ้าของสำนวนได้มีคำสั่งรับไว้พิจารณาแล้ว

พิจารณาคำขอว่าเป็นอย่างไร ใครบ้างเป็นคู่กรณี และมีคำขอวิธีการคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่

กรรมการเจ้าของสำนวนก็จะมีคำสั่งให้คู่กรณีได้ทำคำแก้อุทธรณ์ และหรืออาจกำหนดประเด็นเพิ่มเติมให้ชี้แจงภายใน 30 วัน และพิจารณาชี้แจงทำความเห็นกรณีขอวิธีการคุ้มครองชั่วคราวภายใน 7 วัน หรือตามเวลาที่กรรมการเจ้าของสำนวนเห็นสมควร (ถ้ามี)

นอกจากนี้ หากกรรมการเจ้าของสำนวนเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความเป็นธรรมอาจมีคำสั่งเรียกทั้งพยานบุคคลมาไต่สวนและเรียกพยานเอกสารเพิ่มเติมก็ได้

อนึ่ง หากคำสั่งทางปกครองเกิดจากผู้มีอำนาจ คือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหรือนายกรัฐมนตรีก็ต้องส่งสำเนาคำอุทธรณ์และพยานหลักฐานทั้งหมดให้คู่กรณีทั้ง 2 ท่านทำคำแก้อุทธรณ์ส่งกลับมาตามเวลาดังกล่าวข้างต้น

อย่างไรก็ตาม คู่กรณีอาจยื่นขอขยายระยะเวลาการทำคำแก้อุทธรณ์เข้ามาพร้อมเหตุผล ซึ่งกรรมการเจ้าของสำนวนอาจอนุญาตให้หรือไม่ให้ตามระยะเวลาที่ขอขยายก็ได้ พยานหลักฐานที่ได้มาทั้งหมดต้องแจ้งให้คู่ความทุกฝ่ายทราบเสมอกันทั้งหมด

หลังได้รับคำแก้อุทธรณ์แล้ว กรรมการเจ้าของสำนวนจะมีคำสั่งให้ส่งไปให้ผู้อุทธรณ์ทราบและทำความเห็นแย้ง ซึ่งถ้ามีความเห็นแย้งก็ให้ส่งสำเนาความเห็นแย้งดังกล่าวไปให้คู่กรณีทราบด้วยเช่นกัน

เมื่อได้ข้อเท็จจริงเพียงพอ กรรมการเจ้าของสำนวนก็จะมีคำสั่งแจ้งกำหนดวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริงให้คู่ความทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 10 วัน ระหว่างนี้คู่ความยังส่งเอกสารเพิ่มเติมได้ แต่หลังวันพ้นกำหนดแล้วจะไม่รับไว้พิจารณา

ช่วงนี้กรรมการเจ้าของสำนวนจะสรุปความเห็นกระบวนการพิจารณา พร้อมร่างคำวินิจฉัย และทำบันทึกขอวันกำหนดวันพิจารณาวินิจฉัยจากประธานฯ พร้อมแจ้งให้คู่กรณีทราบวันดังกล่าวล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน โดยในวันพิจารณาวินิจฉัยคู่ความสามารถยื่นแถลงเป็นเอกสารหรือแถลงด้วยวาจาเพิ่มเติมอีกก็ได้

คำวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์ของ ก.พ.ค.ตร. จะออกมาได้ 4 ทาง คือ

1. ไม่รับอุทธรณ์ ด้วยเรื่องอุทธรณ์ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่ ก.พ.ค.ตร.จะรับไว้พิจารณาได้ เช่น เป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในอำนาจ หรือผู้อุทธรณ์ไม่ใช่ผู้มีสิทธิอุทธรณ์ตามกฎหมาย หรือยื่นพ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือเป็นเรื่องที่เคยอุทธรณ์ และ ก.พ.ค.ตร.ได้มีคำวินิจฉัยในเรื่องนั้นแล้ว หรือเคยอุทธรณ์มาแล้วและอยู่ระหว่างการพิจารณา ก.พ.ค.ตร.ก็จะมีคำวินิจฉัยไม่รับอุทธรณ์ และจำหน่ายออกจากสารบบ โดยไม่ต้องพิจารณาในเนื้อหาของอุทธรณ์ ซึ่งกรณีคำร้องอุทธรณ์ของท่าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กรรมการเจ้าของสำนวนมีคำสั่งรับไว้พิจารณาแล้วดังกล่าวข้างต้น

2. ยกอุทธรณ์ ด้วยคำสั่งทางปกครองที่นำมาอุทธรณ์นั้นเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่อุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น

3. ให้แก้ไข เพราะคำสั่งที่นำมาอุทธรณ์นั้นไม่ถูกต้องบางส่วน หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายบางส่วน จึงวินิจฉัยให้แก้ไขในส่วนที่ไม่ถูกต้อง

4. ยกเลิกคำสั่งลงโทษ และอาจมีคำสั่งให้เยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้อุทธรณ์ด้วยก็ได้ รวมทั้งเร่งรัดติดตามการเยียวยา หรือให้ดำเนินการอื่นใดเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม แต่จะมีคำวินิจฉัยให้เพิ่มโทษไม่ได้ เนื่องมาจากคำสั่งที่นำมาอุทธรณ์นั้นเป็นคำสั่งที่ออกโดยไม่ถูกต้อง หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย อุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์นั้นฟังขึ้น จึงวินิจฉัยให้ยกเลิกคำสั่ง ซึ่งมีความหมายเช่นเดียวกับให้เพิกถอนคำสั่ง

ในกรณีที่ผู้อุทธรณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ก.พ.ค.ตร. ให้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ทราบ หรือถือว่าทราบคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร.

ผู้บังคับบัญชาผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวให้ถือว่าเป็นการจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น

ระยะเวลาพิจารณาวินิจฉัย หากไม่แล้วเสร็จภายใน 120 วัน ก็ให้ขยายได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 60 วัน หรือรวมแล้วไม่เกิน 240 วัน ซึ่งปกติถ้าคู่กรณีไม่ขอขยายระยะเวลาทำคำแก้อุทธรณ์ และผู้อุทธรณ์ไม่มีประเด็นความเห็นแย้งในสาระสำคัญในคำแก้อุทธรณ์ดังกล่าว การพิจารณาวินิจฉัยก็จะใช้เวลาไม่เกินกว่ากรอบแรกตามที่กฎหมายกำหนด คือ 120 วัน เพราะเป็นสำนวนคดีดังกล่าวไม่ได้มีความยุ่งยากซับซ้อนอะไรมากนัก ฉะนั้น ขณะนี้เหตุจะช้าหรือเร็วจึงขึ้นอยู่กับว่าคู่กรณีได้ขอขยายเวลาทำคำแก้อุทธรณ์ หรือผู้อุทธรณ์มีความเห็นแย้งในสาระสำคัญดังกล่าวหรือไม่เท่านั้น






กำลังโหลดความคิดเห็น