ศาลจังหวัดชลบุรีพิพากษายกฟ้องคดี “ทนายธรรมราช” ฟ้อง “จตุรงค์ จงอาษา” ข้อหาหมิ่นประมาท กรณีกล่าวพาดพิงในรายการโหนกระแส ชี้การกระทำของจำเลยถือเป็นการติชมโดยสุจริต โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าเสียหายอย่างไร จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย 2 ล้าน
จากกรณีนายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความ ซึ่งปัจจุบันเป็นทนายความให้ครอบครัวของ “น้องไนซ์ เชื่อมจิต” ได้ยื่นฟ้องนายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการศาสนาในข้อหาหมิ่นประมาท กรณีไปออกรายการ “โหนกระแส” ตอน “ครูบาไก่ขุดพระ” เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2566 โดยในรายการ นายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกร ได้ถามว่ารู้สึกอย่างไรกับทนายคนนี้ นายจตุรงค์ตอบว่า “รู้สึกกระดากปากที่จะพูดถึงคนคนนี้ ทนายเพื่อพุทธศาสนาอะไรไม่รู้จักอะไรผิดอะไรถูก อะไรดีอะไรชั่ว” เป็นเหตุให้นายธรรมราชไม่พอใจนายจตุรงค์ และรายการโหนกระแส จึงฟ้องนายจตุรงค์ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
ล่าสุดวันนี้ (24 พ.ค. 2567) ศาลจังหวัดชลบุรีได้อ่านคำพิพากษาในคดีดังกล่าว โดยสรุปว่า การที่จำเลยพูดข้อความดังกล่าวเพราะตัวโจทก์เองได้แสดงออกในที่สาธารณะและสื่อมวลชนจนเป็นกระแสสังคม โจทก์จึงต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างกว้างขวาง การที่รายการโหนกระแสตีแผ่นั้นก็เพื่อให้ผู้ชมผู้รับฟังรู้ในแง่มุมหลากหลาย เป็นเรื่องที่วิญญูชนทั่วไปสามารถรับรู้ได้ และเป็นเจตจำนงที่ดีของรายการโทรทัศน์ จำเลยที่เป็นนักวิจารณ์และนักวิชาการด้านศาสนาจึงมีความชอบที่จะกระทำได้ ซึ่งการกระทำของจำเลยจึงถือเป็นการติชมโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(3) ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง
อนึ่ง โจทก์ไม่สามารถนำสืบได้จริงว่าโจทก์เกิดความเสียหาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 2 ล้านบาท
นายอรรณพ บุญสว่าง ทนายจำเลย กล่าวว่า ดีใจกับผลคำพิพากษาในวันนี้ ถ้าคุณพูดกับสาธารณะ คุณก็ต้องใจกว้างพอเมื่อสาธารณะพูดถึงคุณ ถ้าคุณสร้างกระแสกับสาธารณะ คุณก็ยิ่งต้องใจกว้างพอเมื่อกระแสสาธารณะตีกลับคุณ
อนึ่ง นายธรรมราชผู้เป็นโจทก์ มิได้มารับฟังคำพิพากษาในวันนี้แต่อย่างใด