ไม่มีปีนเกลียว! ผู้จัด Cops Combat วอนลดอัตตา ย้ำมีกติกาชัดเจน ไม่ได้เลือกคู่ชกตามความพอใจ

ผู้จัดการแข่งขันกีฬาต่อสู้ป้องกันตัวของตำรวจ หรือ Cops Combat แจงเสียงวิจารณ์จัดแข่งกีฬาตำรวจต่อยกันเอง สร้างความแตกแยกภายในตำรวจ ทำระบบบังคับบัญชาพัง ย้ำทำตามมาตรฐาน มีการคัดเลือกตามน้ำหนัก ไม่ใช่ให้นักกีฬาเลือกคู่ชกโดยการท้าทาย หรือความพึงพอใจ ยืนยันวัตถุประสงค์ให้ตำรวจได้ทบทวนการต่อสู้ป้องกันตัวระยะประชิด ปรับใช้ในการทำงาน

วันนี้ (24 พ.ค.) จากกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้บรรจุกีฬาต่อสู้ป้องกันตัวของตำรวจ หรือ Cops Combat เข้าเป็นกีฬาชนิดใหม่ของการแข่งขันกีฬาตำรวจ ปี 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้าราชการตำรวจได้มีการทบทวนการต่อสู้ป้องกันตัว การต่อสู้ระยะประชิด และนำไปปรับใช้ในการทำงานเพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชน รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้ข้าราชการตำรวจได้สนใจในการออกกำลังกาย โดยมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เป็นประธานคณะกรรมการบริหารการกีฬาตำรวจประเภทต่อสู้และป้องกันตัว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ก.ก.ป.ต่อสู้และป้องกันตัว ตร.) มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะเป็นการสร้างความแตกแยกภายในตำรวจหรือไม่ เพราะลูกน้องจะปีนเกลียวผู้บังคับบัญชา ทำให้ระบบบังคับบัญชาเสียหาย นอกจากนี้ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการแข่งขันจำนวนมาก เช่น ค่าเดินทางไปกรุงเทพฯ ค่าอาหาร ค่าที่พัก

ล่าสุด เฟซบุ๊ก Cops Combat โพสต์อินโฟกราฟิกระบุว่า "วางยศ ลดอัตตา เกมกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย" อธิบายกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวในช่วงโค้งสุดท้ายของการสมัคร ซึ่งปิดรับสมัครไปแล้วก่อนหน้านี้ ระบุว่า "การแข่งขัน Cops Combat จัดขึ้นโดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬา ทำตามมาตรฐานการจัดกีฬาสากล มีการคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันตามน้ำหนัก และความเหมาะสม มิได้ให้นักกีฬาเลือกคู่ชกโดยการท้าทาย หรือความพึงพอใจ

จึงขอให้เชื่อว่าเราจัดกีฬาโดยคำนึงถึงพื้นฐานความถูกต้อง ความเหมาะสม และมาตรฐานสากล

และยังคงยืนยันวัตถุประสงค์ของกีฬา "Cops Combat" เช่นเดิมที่เคยประกาศไว้ คือ การทำให้ตำรวจได้มีการทบทวนการต่อสู้ป้องกันตัวระยะประชิด เพื่อนำไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยงต่อชีวิต

แม้ว่าการต่อสู้ระยะประชิดจะเป็นเพียงวิธีการหนึ่ง ที่มิใช่วิธีการที่ดีที่สุด แต่เมื่อใดที่เรามีความจำเป็นต้องใช้ในสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ "มือเปล่า" อาจทำให้เรารอดชีวิต เพื่อกลับไปหาครอบครัวได้"