ทนายอาร์ม อดีตผู้สมัคร ส. โพสต์ชี้แจงปมถูกตำรวจสืบนครบาลนำกำลังพร้อมหมายจับบุกเข้าจับกุมข้อหาข่มขืน ยัน ไม่ได้ทำแต่ถูกฝ่ายหญิงแบล็กเมล์ ท้าให้ไปเอาคลิปจากกล้องของโรงแรมมาเปิด จะได้รู้ว่าข่มขืนหรือสมยอม
จากกรณีตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือสืบนครบาล จับกุมทนายอาร์ม สุวรรณรักษา อายุ 34 ปี ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้น อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หลังผู้เสียหายเพศหญิง วัย 26 ปี ตัดสินใจกระโดดจากดาดฟ้าเรือหลวงจักรีนฤเบศร เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2566 แต่ พ.จ.อ.ดาวลอย นาธงไชย และพลทหาร กูฮัทซัน สมัย ช่วยชีวิตหญิงสาวคนดังกล่าวไว้ได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่ผู้เสียหายคนดังกล่าวจะให้การตำรวจสืบนครบาลนำไปสู่การจับกุมทนายอาร์มในที่สุด โดยพบว่า เฟซบุ๊กทนายอาร์ม อดีตผู้สมัคร ส.ส.สงขลา ที่ตำรวจสืบนครบาลจับกุมในคดีข่มขืนลูกความ พบกำลังจะลงสมัครนายก อบจ.สงขลา ชูนายก อบจ.ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศ ให้โหวตจะเลือกไหม
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ทนายดังสงขลา อดีตผู้สมัคร ส.ส.โพสต์ชี้แจงไม่ได้ขืนใจลูกความ อ้างถูกฝ่ายหญิงแบล็กเมล์ โดยได้ชี้แจงพร้อมกับเผยไทม์ไลน์เหตุการณ์ในมุมตัวเอง โดยได้ระบุข้อความว่า
“โพสต์ก่อนนี้ โดนบังคับลบ!!
คงต้องชี้แจงข้อเท็จจริงหน่อยเดี่ยวจะมีคนเข้าใจผิด
เมื่อตุลาฯ 65 ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเคยคบหากับผม มาขอให้ทำคดีให้ค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000 ผมก็ทำให้โดยไม่ได้รับเงินถือว่าคนเคยรู้จักกัน ก็จบทำคดีออนไลน์ไม่เคยเจอกันเลย
เมื่อมีนาฯ 66 ผมมาธุระที่กรุงเทพฯ เลยทักหา น้องก็มาหาผมจากชลบุรี มาถึงโรงแรม เที่ยงคืนน้องขอเงินผมสองพันผมโอนให้ นึกว่าทุกอย่างจะจบ เธอได้ทั้งค่าทนายและเงินจากผม
แต่เธอเริ่มระรานครอบครัวผม ไปหาเรื่องภรรยาผม จนผมต้องถามว่าต้องการอะไร เธอจึงแบล็กเมล์ผม 50,000 ผมจึงนำเรื่องแจ้งความดำเนินคดี ตำรวจทำสำนวนมีคำสั่งฟ้องแล้วตามภาพ
ต่อมาเธอไปแจ้งความหาว่าผมข่มขืน ซึ่งห่างจากวันเกิดเหตุเป็นสัปดาห์ และโรงแรมมีพนักงาน 24 ชั่วโมงไม่ใช่โรงแรมม่านรูด เธอขับจากกรุงเทพฯ ไปพัทยาทิ้งเวลาไปนานซึ่งไม่ใช่วิสัยของผู้เสียหาย
ในทางหลังบ้านเธอได้ขอให้ทนายมาติดต่อยุติเรื่องแต่ ทางหน้าฉากเธอร่ำร้องจะฆ่าตัวตายเรียกคะแนนความสงสาร
คดีนี้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกและผมได้ประสานรวมถึงทำหนังสือว่าจะเข้าพบ 10 มิถุนายน ซึ่งเป็นการแสดงเจตนาเข้าสู่ในกระบวนการยุติธรรมชัดเจน แต่กลับมีการขอหมายจับลับหลังที่ตกลงกัน ซึ่งผมทำงานมาไม่เคยเจอ เป็นการเจตนาทำลายชื่อเสียง
ทั้งนี้ทุกอย่างอยู่ในศาล ผมอยากให้รอฟังวันที่ศาลตัดสินซึ่งไม่นานคนผิดต้องโดนลงโทษ ผมไม่อยากให้กระทบครอบครัว แต่เรื่องจบแค่ทนายเลวขืนใจลูกความ กับอีนังคนเลวที่หาเงินด้วยการแบล็กเมล์คนอื่น เราจะรู้กัน
ผมขอให้ทุกคนใจเย็นๆ รอฟังคำตัดสิน ย้ำใครทำอะไรต้องรับผล”
นอกจากนี้ เจ้าตัวยังได้โพสต์ข้อความอีกว่า “ไม่โกรธไม่ว่า คนเรามีอารมณ์กันได้ ยิ่งกับเรื่องแนวนี้ แต่เราควรจะฟังดูว่าอีกฝ่ายว่าอย่างไร ทั้งข่าวก็เขียนซะเวอร์วังด้วยความเท็จ เมื่ออารมณ์โกรธอารมณ์แค้นลดลงลองฟังดู มันเจตนาทำร้ายทำลายชื่อเสียงผิดกระบวนการผิดรูปแบบ
สุดท้าย ผมยืนยัน ถ้าผมผิดจริงผมเลิกเป็นทนายตลอดชีวิต!!”
“พฤติการณ์ในคดี รับว่าเคยเป็นแฟนกัน บอกว่าผมชวนกินข้าวตอนเที่ยงคืน จึงขับรถมาจากชลบุรีแล้วก็พาขึ้นห้องชั้นสาม โดยเข้าใจว่าเอาของไปเก็บก่อนไปกินข้าว
ลองดูพฤติการณ์ไม่ต้องเอาข้อกฎหมาย สมยอมแล้วเรียกเงินหรือโดนข่มขืน ลองวางใจเป็นกลางแล้วคิดดูสิ”
นอกจากนี้ยังได้โพสต์ชี้พิกัดให้นักข่าวไปเอาคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดมาเปิดเผยเพื่อความบริสุทธิ์ โดยได้ระบุข้อความว่า
“ชี้ช่องนักข่าวทุกสำนัก ไปตามหาคลิปวงจรปิด โรงแรมดอนเมืองวันที่ 30-31 มีนาฯ 66 (ประมาณเที่ยงคืนถึงตีสี่) แล้วนำมาเปิดเผยสาธารณะ ท่านจะเห็นทุกอย่างว่าคนโดนกระทำที่ว่าเป็นจริงหรือไม่อย่างไร การเดินเข้าออกโรงแรมทุกคนพึงประเมินได้
ปล.หลักฐานนี้อยู่ในสำนวนคดีแล้ว แต่ถ้าอยากเล่นข่าวจริงๆ ลองไปหามาดูเลย..”