เปิดโผเด็กฝาก “โจ๊ก” เกลื่อน สตช.เพื่อตอบแทนเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.หลายคนที่ยอมเสี่ยงคุกช่วยเหลือทั้งเรื่องคดีและตกแต่งบัญชีทรัพย์สิน รวมทั้งตอบแทนคนสนิทอย่าง “เฮียอั้ง เมืองชล” ที่ช่วยแต่งเรื่องเช่าพระเครื่องอ้างเป็นแหล่งที่มาของเงิน 10 กว่าล้าน และ “เสี่ยแต๋ม อุดร” ที่เป็นพยานช่วยให้หลุดคดีส่วยคาราโอเกะ และเป็นนอมินีถือครองบ้าน 5 หลังใน ซ.วภาวดี 60 ฝากหลานเป็นตำรวจในฐานะผู้เชี่ยวชาญกีฬากอล์ฟ
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ในหลายระดับจึงช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แบบไม่เกรงกลัวความผิดถูก ไม่เกรงกลัวกฎหมาย เหมือนว่าบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป ไม่ว่าจะเป็น นายสมบัติ ธรธรรม อดีตที่ปรึกษากรรมการ ป.ป.ช. (พลตำรวจเอก สถาพร หลาวทอง) ซึ่งเกือบจะได้เป็น กรรมการ ป.ป.ช. เองเสียด้วยซ้ำ นายจัตุรงค์ พานิจเจริญ พนักงานไต่สวน ป.ป.ช. น.ส.อารยา งามล้วน เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เป็นต้น รวมไปถึงเซียนพระอย่าง “เซียนอั๊ง เมืองชล” นายสมภพ ไทยธีระเสถียร, “เสี่ยแต๋ม อุดร” นายชินรัตน์ วัฒนกูล ซึ่งยอมเป็นนอมินี หรือ ช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ในการตกแต่ง และแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ
คนแรก นายสมบัติ ธรธรรม นั้นในวงการตำรวจลือกันให้แซดว่า ได้ฝากหญิงสาวรายหนึ่งมี ชื่อเล่น น้อง ว.แหวน ชื่อจริง ธ.ธง อดีตเลขาฯ หน้าห้องบิ๊ก ป.ป.ช. ที่มีรอยสักดาวครอบมงกุฏที่สะบักหลังซ้าย ผ่านเส้นสายของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้เข้าเป็นตำรวจ ผ่านการอบรม "หลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุ หรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร” หรือ กอส.รุ่น 49 ประจำปี 2566 ได้รับราชการเป็นนายตำรวจสัญญาบัตร
เหมือนกับเป็นการตอบแทนที่นายสมบัติ ธรธรรม อนุกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ ป.ป.ช.ผู้อื้อฉาว ขอให้ละเว้นหลักเกณฑ์ เพราะมีบุญคุณที่ได้ช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินหลายกรณี ยกตัวอย่างเช่นกรณีชี้แจงค่านายหน้าการแนะนำพระเครื่องให้กับ “เซียนอั๊ง เมืองชล” มูลค่านับสินล้านบาท
ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ นายสมบัติ ธรธรรม กล้าเอ่ยปากขอให้ “น้อง ว.แหวน” ผ่านหลักเกณฑ์เข้าไปอบรมฯ ติดดาวออกมาเป็นตำรวจ ดังนั้นความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ก็ย่อมไม่ธรรมดา น่าจะคบหาลึกซึ้งกันอยู่พอสมควร
รายต่อมา เป็นหญิงสาวคนสนิท ของ “นายจัตุรงค์ พานิจเจริญ” พนักงานไต่สวน ป.ป.ช. ที่กำลังจะถูกดำเนินคดีในฐานะช่วยปกปิดบัญชีทรัพย์สินให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เช่นเดียวกัน
โดย นายจัตุรงค์ พานิจเจริญ ร่วมกับ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ตำรวจคนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล จัดทำเอกสารชี้แจงทรัพย์สินของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จ โดยเป็นผู้พิมพ์เอกสารยกร่างคำชี้แจงดังกล่าวทั้งที่ปรากฎข้อมูลอยู่แล้วว่าเป็นเท็จ เช่น กรณีที่มาของรถยนต์เล็กซัส ทำเอกสารโอนหุ้นลงวันที่ย้อนหลัง ยอดเงินซื้อขายที่ดินและรายละเอียดเกี่ยวกับนายหน้าซื้อขายพระเครื่อง เป็นต้น
หญิงสาวคนสนิทของ นายจัตุรงค์ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.นั้น ชื่อย่อ ก.ไก่ อดีตเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน สังกัดกองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ตอท. และได้รับความช่วยเหลือจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล โดยใช้วุฒิปริญญาตรี สาขาบัญชี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เข้าอบรมหลักสูตร กอส.รุ่น 49 รุ่นเดียวกันกับ “น้อง ว.แหวน”
ปัจจุบัน น้อง ก.ไก่ กำลังจะได้ติดยศ ร้อยตำรวจตรีหญิง เข้าดำรงตำแหน่ง รองสารวัตร ฝ่ายอำนวยการ บก.ตอท.นั่นเอง!
นอกจากจะฝากตำรวจหญิง ผ่าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แล้ว นายจัตุรงค์ พานิจเจริญ พนักงานไต่สวน ป.ป.ช. คนเดียวกัน ยังได้ฝากฝังญาติสนิทที่ชื่อ “นายพรศักดิ์ ศรีงามเมือง” กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ให้ช่วยเข้าทำงานในสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ได้งานไปได้ด้วยอีกคน
ส่วน “อั้ง เมืองชล” นายสมภพ ไทยธีระเสถียร ตัวละครหลักกรณีฟอกเงินผ่านนายหน้าพระเครื่องให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เพื่อมาตกแต่งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จนั้นแท้จริงแล้วมีการ บุตร หลาน บริวารใกล้ชิด ให้เข้ารับราชการตำรวจ และน่าจะได้รับความช่วยเหลือเรื่องหน้าที่การงานจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เมื่อครั้งยังเรืองอำนาจ อีกอย่างน้อย 3 คน
โดยข้าราชการตำรวจทั้ง 3 คน ล้วนใช้นามสกุล “ไทยธีระเสถียร” เช่นเดียวกับ “อั้ง เมืองชล” ประกอบด้วย
1.ว่าที่ พันตำรวจตรี กฤตย์ ไทยธีระเสถียร รองสารวัตร กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 จังหวัดระยอง
2.ร้อยตำรวจเอก หญิง อธิชา ไทยธีระเสถียร รองสารวัตร ศูนย์ข้อมูลวัตถุระเบิด สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน
3.ร้อยตำรวจโท ธีรภัทร ไทยธีระเสถียร รองสารวัตร กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งผู้หมวดหนุ่มรายนี้ ว่ากันว่าหัวดี มีความสามารถพอตัว เนื่องจากผ่านการทดสอบความรู้ภาษาต่างประเทศ ตามหลักสูตรของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้คะแนนเป็นอันดับต้นๆ ของรุ่นที่เปิดทดสอบ เมื่อปีงบประมาณ 2566
คนต่อมารายที่ 7 เป็นหลานชายของ “เสี่ยแต๋ม อุดรฯ” หรือ นายชินรัตน์ วัฒนกูล เจ้าของธุรกิจขนส่งรายใหญ่ ในภาคอีสาน ซึ่งเป็นพยานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ในคดีส่วยคาราโอเกะ และ ทำการถือครองทรัพย์สินแทน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล จำนวนมากไม่ว่าจะเป็นบ้าน 5 หลัง ที่ซอยวิภาวดี 60 ที่ตำรวจเข้าตรวจค้นเมื่อเดือนกันยายน 2566
วงการตำรวจนั้นรู้กันดีว่า หลานชายของ “เสี่ยแต๋ม อุดรฯ” ที่ชื่อ “ผู้กองป๊อบ” ร้อยตำรวจเอก ศุภสิษฎ์ วรโชติธิติรัตน์ ก็ได้รับความอนุเคราะห์จาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ให้เข้ามารับราชการด้วยเช่นกัน โดยใช้วุฒิปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง วิชาการบริหารจัดการกอล์ฟ เข้ามาอบรมเป็นตำรวจในหลักสูตร กอส. ประเภทวุฒิขาดแคลนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
“ผมเห็นข้อมูลแล้วก็อดขำไม่ได้ เพราะสงสัยว่า “กอล์ฟ” เป็นกีฬาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติขาดแคลน ต้องใช้ผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาบริหารจัดการ เพื่อผลประโยชน์ของทางราชการ มีความจำเป็นต่อประชาชน สังคม และประเทศชาติตั้งแต่เมื่อไหร่ !?!
“นอกจากนี้เมื่อเช็กไปเช็กมาก็พบว่า ปัจจุบัน “ผู้กองป๊อบ นักกอล์ฟ” หลาน “เสี่ยแต๋ม” คนนี้ มีตำแหน่งเป็นรองสารวัตร อยู่ที่สำนักงานกำลังพล กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งในขณะที่ “สุรเชษฐ์ หักพาล” ยังรับราชการ ได้ดึงตัวมาช่วยงานในฐานะ นายตำรวจประจำ
“นี่แหล่ะครับคือที่มาที่ไป และเหตุผลว่าทำไม เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ “สุรเชษฐ์ หักพาล” ถึงทำงานแบบถวายหัว และถวายตัวให้กับ นายตำรวจสีเทาสีดำผู้นี้แบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่สนความถูกผิด หรือ บาปบุญคุณโทษใด ๆ เลย” นายสนธิกล่าว