กรกิจ ดิษฐาน นักเขียนด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมตะวันออก เห็นต่าง ชี้ พระโลหะที่ สปป.ลาว อาจจะเป็นพระเก่า เหตุจาก ฝีมือช่างพิสดารเกินฝีมือช่างปัจจุบัน
จากกรณี สปป.ลาวขุดพบพระพุทธรูปจมใต้น้ำโขงสามเหลี่ยมทองคำ ฝั่งเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว เป็นองค์พระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่สุด หน้ากว้างกว่า 2 เมตร อีกองค์กว้าง 1 เมตร สภาพสมบูรณ์
ต่อมา พบว่า นายพยุงศักดิ์ อัครเกื้อกูล หรือ อาจารย์ต๋อง หรือ ฉายา ครูบาทอง ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ชี้ โลหะจมดิน จมน้ำไม่ถึง 100 ปี มันจะยุ่ย ผุ กร่อน ทะลุจนพรุน ไม่มีเหลือเป็นองค์พระพุทธรูปสมบูรณ์แบบอย่างที่ขุดเจอนั่นหรอก ฟันธงเก่าไม่เกิน 50 ปีพร้อมท้านักวิชาการลาวพิสูจน์
ล่าสุด วันนี้ (17 พ.ค.) ผู้ใช้เฟซบุฟ๊ก “Kornkit Disthan” นักเขียนด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมตะวันออก ได้ออกมาเคลื่อนไหวโพสต์ข้อความเกี่ยวกับบพระพุทธรูปจมใต้น้ำโขงสามเหลี่ยมทองคำของทาง สปป.ลาว โดยเจ้าตัวเห็นต่าง และคิดว่าพระพุทธรูปที่เจอนั้นไม่น่าจะเป็นของใหม่ โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า
"ไม่ได้เขียนซะนานเลย กะว่าจะเขียนตั้งแต่เขาเจอพระที่เมืองต้นผึ้งใหม่ๆก็ยังไม่มีเวลา ตอนนี้เจอ "พระเจ้าตนหลวง" ขนาดใหญ่โตขุดได้จากริมโขง ใบหน้าทรวดทรงงามเสียจนผมว้าวในใจ แต่เกิดวิวาทะเรื่อง "พระเก่าพระใหม่" ขึ้นมา บางคนก็ว่า "หน้าจีน" (เพราะคิดว่าจีนมีส่วนเนื่องจากแถวนั้นมี "นิคมจีน" อยู่ไม่ไกล)
ก่อนอื่น พระองค์ล่าสุดที่เจอนั้นหน้าไม่จีนหรอกครับ ถ้าคุ้นพุทธศิลป์ลาวก็จะรู้ว่าคล้ายไปทางพระลาว แต่บางท่านก็ว่าผสมเชียงแสน ซึ่งแม้ว่าผมไม่ถนัดจะฟันธงเรื่องนี้ แต่โดย "ความรู้สึกส่วนตัว" คิดว่าออกไปทางพุทธศิลป์ลาว
ส่วนพระเก่าพระใหม่ ตอนแรกผมก็เอะใจ เพราะกะด้วยสายตาตอนแรกสงสัยว่าทำไมองค์ใหญ่ขนาดนี้ถึงได้หล่อได้ตลอดองค์ ซึ่งต่างไปจากพระโบราณที่จะหล่อแยกเป็นชิ้นๆ แล้วต่อเป็นองค์ด้วยลิ่มบ้างหรือด้วยหมุดบ้าง แต่ต่อมาได้เห็นชัดๆ ว่าพระที่เพิ่มขุดเจอนั้นเต็มไปด้วยรอยต่อและลิ่ม ผมจึงเชื่อว่า "นี่ทำใหม่ยากแล้ว" อีกทั้งพุทธศิลป์ขององค์นี้งามหมดจดมาก ทั้งฐานพระก็พิสดารเกินฝีมือช่างปัจจุบัน ผมจึงเชื่อว่า "ไม่ควรจะเป็นของใหม่"
เห็นแล้วผมนึกถึงพระโบราณที่ผมไปไหว้อยู่บ่อยๆ คือ "หลวงพ่อพระรวงทองคำ" พระสมัยสุโขทัย ที่วัดมหรรณพาราม กรุงเทพฯ เดิมท่านอยู่ศรีสัชนาลัย แต่ชลอมาตั้งรัชกาลที่ 3 หลวงพ่อท่านขนาดน่าจะเท่ากับหลวงพ่อที่เจอที่ต้นผึ้ง ใหญ่เล็กกว่ากันไม่เกินศอก แต่ท่านหล่อจากทองคำเปล่งปลั่ง 60% หลังจากที่ทางวัดเคลียร์พระวิหารอยู่หลายปีก่อน ผมค่อยเข้าไปดูหลังองค์ได้ จึงเห็นกับตาว่า องค์พระมีรอยต่อทั้งองค์ ที่ไหล่นั้นมีหมุดตอกไว้ รวมแล้ว 9 จุดรอยต่อ ผมถ่ายภาพแล้วอธิบายไว้อย่างที่เห็นแหละครับ แต่นี่แค่ครึ่งองค์ รอยต่อกลางบั้นเอวนั้นยาวรอบเหมือนองค์ที่พบที่ต้นผึ้ง เพียงแต่ท่ต้นผึ้งต่อด้วยลิ่ม ที่กรุงเทพฯ ต่อด้วยหมุด
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมหลวงพ่อที่เจอที่ต้นผึ้งพระไม่ผุ อันนี้ตอบยากเพราะไม่ถนัดโลหะวิทยา แต่ในโลกเรามีการพบประติมากรรมโลหะที่จมน้ำแล้วยังอยู่ดีไม่บุบสลายอยู่มากมาย แม้แต่ในไทยก็มีไม่น้อยเหมือนกัน ผมว่าผมจะไม่กล้าฟันธงอะไร เพราะยังไม่เห็นกับตา และยังไม่ได้ไปที่เกิดเหตุ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้การค้นพบนีมีน้ำหนักคือการพบ "เสาวิหาร" ที่มีลายปูนปั้นแบบล้านนาโบราณ
ตอนที่พบเสานั้นก็พบพร้อมกับพระล็อตแรกที่พบริมโขง ตอนแรกผมก็สงสัยว่า "คนในวงการปลอมพระเล่นตลกอะไรอีกหรือเปล่า?" แต่พอเห็นเสาต้นนั้นกับพระธาตุเจดีย์ที่มีแผ่นจังโก (ทองแดงหุ้มพระธาตุ) ผมก็หมดสงสัย อีกเรื่องที่น่าวิเคราะห์ก็คือ จุดที่พบนั้นคือจุดไหนในประวัติศาสตร์? บางคนบอกว่า "นั่นคือดอนแท่น" สถานที่ตั้งวัดวาอารามสำคัญสมัยเชียงแสน รวมถึงที่ตั้งอขงพระเจ้าทองทิพย์ (ที่พบแต่พระเมาลีอันใหญ่โต และบางคนเริ่มโยงว่าพระใหญ่ที่ต้นผึ้งจะเป็นพระเจ้าทองทิพย์หรือเปล่า?) แต่ที่ตั้งของดอนแท่นนั้นเป็นปริศนา แม้แต่คนท้องถิ่นก็ยังตกลงกันไม่ได้ นักวิชาการที่เขียนเรื่องพระเจ้าทองทิพย์ยังได้แค่สันนิษฐาน
ผมคอนนอกพื้นที่จึงได้แต่ฟังเขาวิเคราะห์ ไม่สามารถสู่รู้เกินผู้รู้ได้ แต่ก็ได้อ่านงานวิจัยชิ้นหนึ่งเรื่อง "ดอนแท่น ปริศนาที่เชียงแสน" โดย ฉัตรลดา สินธสอน ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน (วารสารศิลปากร ปีที่ 57 ฉบับที่ 5) งานวิจัยนี้ไล่เรียงประวัติศาสตร์และการสันนิษฐานที่ตั้งของเกาะดอนแท่นได้รัดกุมดีมาก
ที่ดีมากอีกอย่างคือมีภาพแผนที่เก่าประกอบให้เห็นด้วยว่า เกาะดอนแท่นนั้นเคยอยู่กลางแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับ สภอ.เชียงแสน แต่ตอนนี้หายไปแล้ว บางครั้งเรียกว่า "เกาะแดนแห้ง" ส่วนจุดที่พบพระพุทธรูปที่ฝั่งต้นผึ้ง ผมกะดูแล้วควรจะเป็น "หาดเกาะหลวง" ในแผ่นนี้เป็นแค่หาดทราย ตอนนี้กลายเป็นเกาะจริงๆ ไปแล้ว
บางทีพระต่างๆ และพระวิหารเจดีย์ที่ขุดเจออาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเกาะดอนแท่นก็ได้ แล้วกระแสน้ำพัดไปตกที่ฝั่งหาดเกาะหลวงที่แต่ก่อนอยู่ประชิดกัน ช่วยกันวิเคราะห์ครับ เพราะผมก็ไม่รู้"