สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยืนยัน "เชื่อมจิต" ตามหลักพระไตรปิฎก - เถรวาท ไม่มีจริง ยอมรับไม่มีอำนาจระงับยับยั้งการเผยแพร่คำสอน แต่พร้อมประสานตำรวจ ใช้มาตรการทางกฎหมาย พร้อมเรียกสำนักพุทธทั่วประเทศ ทำเข้าใจ 29 พ.ค.นี้
จากกรณีที่มีประชาชนเรียกร้องให้ตรวจสอบ “น้องไนซ์” เด็กอายุ 8 ขวบที่อ้างตัวเป็นบุตรพระพุทธเจ้า สอนธรรมะด้วยการเชื่อมจิต
ล่าสุด วันนี้ (17 พ.ค.) มีรายงานว่า นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ออกมาเปิดเผยต่อกรณีดังกล่าวว่า
ทางสำนักพุทธฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการติดตามสถานการณ์มาตั้งแต่ต้น โดยมีกลุ่มงานคุ้มครองพระพุทธศาสนาได้มีการรวบรวมข้อมูลรายละเอียดต่างๆ โดยได้มีการขอคำปรึกษาจากมหาเถระ ผลกระทบซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจะส่งผลต่อเด็กและครอบครัว โดยขณะนี้ได้มีการได้ตั้งคณะกรรมการทำงานตรวจสอบ กลั่นกรอง ข้อมูล ข่าวสาร และ การกระทำอันอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา โดยมีนายบุญเชิด กิตติธรางกูร เป็นประธาน
แม้ว่าทางสำนักพุทธจะไม่ได้มีอำนาจในการห้าม แต่ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีการยกระดับกระบวนการที่มาตามกระบวนการทางกฎหมายตามที่หน่วยงานนั้น ๆ รับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้มีองค์กรภาคเอกชนยื่นเรื่องไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แล้ว จึงเป็นหน้าที่ของสำนักพระพุทธศาสนาให้ความกระจ่าง และข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ซึ่งในวันนี้จะแนะนำผลหลังการตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวรายงานต่อมหาเถระสมาคมรับทราบ ซึ่งจะมีแนวทางการดำเนินการอย่างไรต่อไป
ในส่วนของนายบุญเชิด กิตติธรางกูร คณะทำงานตรวจสอบ กลั่นกรอง ข้อมูล ข่าวสาร และการกระทำอันอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา กล่าวว่า ในกรณีการเชื่อมจิต ได้มีการตรวจสอบในพระไตรปิฎกแล้ว ไม่ปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎกแต่อย่างใด การเชื่อมจิตนั้นนอกจากไม่ปรากฏแล้ว ยังขัดต่อหลักธรรมคุณ 6 ประการ ซึ่งธรรมของพระพุทธองค์นั้น ผู้ใดปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตัวเอง ผู้ใดไม่ปฏิบัติ ไม่บรรลุ ผู้อื่นจะบอกก็เห็นไม่ได้ อีกทั้งวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ทั้งนี้ กรณีการเชื่อมจิตนั้น เป็นเรื่องไม่จริง ซึ่งมีการการันตีจากพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ไม่มีเรื่องดังกล่าวในพระไตรปิฎก