“สนธิ” ฟันธงเหตุชายตกท่อดับกลางกรุง ผู้รับผิดชอบหนีไม่พ้น กทม.ในฐานะเจ้าบ้ารวมถึง กฟน.,รฟม. รวมไปถึงกลุ่ม BTS ของ “คีรี กาญจนพาสน์” และ ซิโน-ไทย ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ในฐานะที่จับมือกันก่อสร้างและดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง แล้วร่วมกับ กฟน.เอาสายไฟฟ้าลงดิน มูลค่าโครงการหลักพันล้านบาท แต่ทำงานชุ่ย ๆ จนคนตกท่อตาย
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงกรณีเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2567 เกิดเหตุ ชายทราบชื่อภายหลังคือนายกำธรเสียชีวิตจากการเดินตกบ่อพักและท่อร้อยสายไฟลึก 15 เมตรบริเวณเกาะกลางถนน ใต้รถไฟฟ้า BTS สายสีเหลือง ช่วงซอยลาดพร้าว 49 ซึ่งมีเพียงฝาไม้อัดบาง ๆ ผุ ๆ ปิดอยู่
ถนนเส้นนี้อยู่ใกล้ๆ ตลาดสะพาน 2 มีร้านค้าเต็มไปหมด ฝั่งหนึ่งเป็นปากซอยลาดพร้าว 49 อีกฝั่งนึงเป็นป้ายรถประจำทาง เวลากลางวันมีคนพลุกพล่านมาก
หลังเกิดเหตุหน่วยงานทั้งหลายก็ปัดความรับผิดชอบกันวุ่น ออกมาขอโทษขอโพย ครอบครัวผู้เสียชีวิตผ่านสื่อกันไม่ทัน
คนแรก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รีบออกมาแก้ตัวทันที แต่กลับปัดความรับผิดชอบโดยบอกว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตแต่ท่อดังกล่าวเป็นโครงการของการไฟฟ้านครหลวง เป็นท่อร้อยสายไฟ ซึ่งมีการปิดที่ไม่สมบูรณ์ แต่อย่างไรก็ตาม กทม.พร้อมรับหน้าที่ประสานงานเยียวยาผู้เสียหายจากหน่วยงานต้นสังกัด ในฐานะ กทม. เป็นเจ้าบ้าน
“คุณชัชชาติ คุณลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ตอนคุณหาเสียงลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. คุณคุยนักคุยหนาว่า ศึกษาปัญหา กทม. มาอย่างละเอียดยิบ เอาเทคโนโลยีมาแก้ปัญหาโน่น นี่ นั่น แต่พอวันนี้ มีคนตกท่อตายในกรุงเทพมหานคร คุณกลับแก้ตัวง่าย ๆ ว่าไม่ใช่ ท่อ กทม. แต่เป็นท่อของ การไฟฟ้านครหลวงอย่างนั้นหรือ, กทม. มีหน้าที่ประสานงานเยียวยา แค่นั้นเหรอ” นายสนธิกล่าว
อีกหน่วยงานหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก็ให้ประชาสัมพันธ์ออกมาแจ้งกับสื่อมวลชนแบบง่าย ๆ ว่าบริเวณดังกล่าวไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง แต่เป็นการดำเนินงานของหน่วยงานสาธารณูปโภค ก่อนที่การไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน.จะออกมารับเป็นโครงการเอาสายไฟฟ้าลงดินของ กฟน.
โดยในวันเกิดเหตุ นายฐิติวุฒิ เงินคล้าย รองผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง รีบออกมาบอกว่าจุดเกิดเหตุอยู่ในระหว่างดำเนินการร้อยสายไฟใต้ดิน ของการไฟฟ้านครหลวง โดยมีบริษัทผู้รับเหมารับช่วงต่ออยู่ในขณะนี้ โดยท่อมีความลึกประมาณ 7 เมตร เดิมทีฝาท่อดังกล่าวเป็นโลหะ แต่ประสบปัญหาถูกคนขโมยฝาท่อไป กว่า 150 ชิ้น หรือเกือบทั้งหมดโครงการ จึงทำให้ผู้รับเหมาใช้ไม้อัดหนากว่า 10 มิลลิเมตร(มีนักข่าวไปวัดว่าฝาไม้อัดหนาประมาณ 16 มิลลิเมตร หรือ 1.6 เซนติเมตร)เข้ามาปิดฝาท่อเพื่อทำการทดแทนชั่วคราว ระหว่างรอสั่งทำแผ่นคอนกรีตมาปิดบริเวณฝาท่อ ซึ่งทางผู้รับเหมามองว่า ความหนาระดับดังกล่าวแข็งแรงเพียงพอ
น่าสังเกตว่า หลังเกิดเหตุสลด ในวันนั้น ผู้รับเหมาก็มีการเอาคอนกรีตมาปิดฝาบ่อพักท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินชั่วคราวแถวนั้นได้หมด ทันที
“แล้วก่อนหน้านั้นมัวไปทำอะไรกันอยู่ แสดงว่า ผู้รับเหมามีการเตรียมแผ่นปูนไว้พร้อมอยู่แล้วแต่ไม่คิดจะทำเพราะเวลาผ่านมา 7 เดือนนับจากที่ถูกขโมยฝาท่อ แต่ก็ยังไม่ปรับปรุงแก้ไขให้แล้วเสร็จ รู้ไหมว่าคนแถวนั้นเขาทนมานานแล้ว เพียงแค่เพิ่งมามีคนตาย ถึงรีบมาล้อมคอกกัน” นายสนธิ กล่าว
นอกจากนี้ วันเกิดเหตุ ในโลกโซเชียลก็มีการ ออกมาโพสต์ ภาพจากประชาชน ที่เคยร้องเรียนกับ กทม.ผ่านแอปพลิเคชัน “ทราฟฟี่ฟองดูว์” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริหารจัดการปัญหา กทม. ที่เปิดให้ประชาชนแจ้งปัญหาต่าง ๆ เข้ามา ซึ่งนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. โปรโมตนัก โปรโมตหนา
โดยมีคนแจ้งเข้ามาว่า มีหลุมไม่มีฝาท่อย่านลาดพร้าว หวั่นจะเกิดอันตรายกับประชาชนถึงชีวิตได้ ปรากฏว่า กทม. ได้ดำเนินการแก้ปัญหาด้วยการนำไม้มาวางพาดปากหลุมแบบมักง่าย ทั้งนี้ ทางเพจได้ระบุข้อความว่า “ลูกเพจฝากมา เขาว่ากรณีหลุมไม่มีฝาท่อแถวนั้น ยังมีอีกเพียบ เรียงเป็นตับเลย และแจ้งไปก่อนหน้านี้แล้ว เขาว่า "แก้ไขเสร็จสิ้น” ตามแบบในภาพ”
ที่แน่ ๆ พอเกิดเหตุ ญาติผู้เสียชีวิต เขาประกาศชัดแล้ว ยืนยันจะฟ้องร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผู้รับเหมาก่อสร้างที่ต้องรับผิดชอบดูแลฝาท่อที่อ้างว่าฝาท่อถูกขโมย เมื่อมีอุบัติเหตุถึงค่อยนำเอาแผ่นปูนมาปิด
งานนี้ต้องขอแสดงความเสียใจต่อญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพราะไม่ควรมีอุบัติเหตุเช่นนี้เกิดขึ้นจริง ๆ
“ผมฟันธงเลยว่า “ผู้ที่ต้องรับผิดชอบ” ต่อการตายของ คุณกำธรนั้นหนีไม่พ้น กทม. เจ้าบ้าน, กฟน.และ รฟม.ซึ่งให้สัมปทานรถไฟสายสีเหลืองด้วย” นายสนธิ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีอีกเจ้าที่เงียบกริบทั้งๆ ที่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย ก็คือกลุ่ม BTS ของ นายคีรี กาญจนพาสน์ เจ้าของสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และซิโน-ไทย บริษัทรับเหมาก่อสร้างของตระกูล "ชาญวีรกูล" ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย
ทำไมถึงบอกว่า เกี่ยวข้องด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คำตอบก็คือ
กลุ่ม BTS-ซิโน-ไทย จับมือกันก่อสร้าง และดำเนินการ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง จากนั้นก็ดำเนินการร่วมกับ กฟน. เพื่อเอาสายไฟฟ้าลงดิน โดยซิโน-ไทย ไปรับงานเพิ่มเติม จาก การไฟฟ้านครหลวง โดยมูลค่าโครงการน่าจะเป็นหลักพันล้านบาท แต่ทำงานชุ่ย ๆ จนคนตกท่อตาย สุดท้ายกลับ อ้างง่าย ๆ ว่า คนตายเพราะ “ฝาท่อโดนขโมย”!?!
คำถามของสังคมซึ่งก็เหมือนกับที่ญาติของผู้เสียชีวิตสงสัยว่า ทำไมมักง่าย ทำไมไม่ทำให้เสร็จ ปลูกต้นไม้ ปูหญ้าให้เรียบร้อย ติดที่กั้นห้ามเดินข้าม มาตรฐานของผู้รับเหมาที่รับผิดชอบต่อสังคมอยู่ตรงไหน!?
สรุปว่า งานนี้ไม่มีใครกล้าว่า กล้าลงโทษผู้รับเหมา และเจ้าของสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลืองหรือ เพราะเป็นกิจการของมหาเศรษฐี “เจ้าสัวคีรี” ที่มีอิทธิพล และเส้นสายทางการเมือง สายตรงไปถึงรัฐมนตรีคมนาคม รวมไปถึงกิจการรับเหมาก่อสร้าง ของตระกูลชาญวีรกูล ซึ่งมี คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหมาดไทยยืนจังก้าอยู่
น่าคิดว่า พอเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องร้ายแรงจนถึงขั้นมีคนตาย แต่การไฟฟ้านครหลวงรีบกระโดดออกมารับแทน ซึ่งต้องถามผู้ว่า กฟน. คือ นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ว่า ใครเป็นผู้รับเหมา บริษัทไหนเป็นคนเอาสายไฟฟ้าลงดิน ใต้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองกันแน่ เอาสัญญามาเปิดเผยให้ดูหน่อยสิ ?
ขณะที่ กทม. ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธ์ แค่พูดหล่อๆ ไปว่า กทม. พร้อมเยียวยาในฐานะเจ้าบ้าน แต่ปล่อยผู้รับเหมาไปได้อย่างไร!?
รฟม. ส่วนกระทรวงคมนาคม ภายใต้การกำกับดูแลของ“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” และ“สุรพงษ์ ปิยะโชติ” เพื่อนซี้ “เจ้าสัวคีรี” ทำไมไม่ลงโทษ ปล่อยผู้รับสัมปทานทำงานห่วย ๆ แบบนี้
“ล้อก็ร่วง รางก็หลุด ผมเคยตือนแล้วว่า จะรอให้มีคนตายก่อนหรืออย่างไร แล้ววันนี้เป็นอย่างไรครับ? ถึงวันนี้มีคนตายแล้ว
“ซึ่งผมเสียใจจริง ๆ เพราะผมเตือนไว้ก่อนแล้วว่า อุบัติเหตุเกี่ยวกับรถไฟฟ้าโมโนเรลที่สร้างและทำโดยบริษัทในเครือ BTS ที่เกิดขึ้นมาตลอดถี่ ๆ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จนถึง ณ วันนี้ ต้องรีบแก้ก่อนที่จะมีคนได้รับบาดเจ็บพิการ หรือ ถึงขั้นเสียชีวิตอย่าให้เกิดขึ้น
“คุณสุริยะ, คุณสุรพงษ์, คุณคีรี และ คุณอนุทิน วันนี้มีคนตายแล้ว พวกคุณจะรับผิดชอบยังไง” นายสนธิ กล่าว
สายสีเหลืองยังซ่อมอยู่ อนุญาตให้ BTS เปิดได้ไง?
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อ วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 เพจเฟซบุ๊กของ รถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลือง เพิ่งจะโพสต์ภาพพร้อมข้อความอัปเดตความคืบหน้าการซ่อมบำรุง อันเนื่องมาจากเหตุการณ์เดินรถขัดข้อง น็อตและชิ้นส่วนบางชิ้นร่วงหล่นจากรางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองไปเมื่อ วันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา จนทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเบื้องล่างไม่มั่นใจในความปลอดภัย
โดยหลังจากนั้น รถไฟฟ้าสายสีเหลืองก็มีการปรับรูปแบบการเดินรถ มีการปิดเบี่ยงจราจร ปิดบางสถานี ปรับความถี่การเดินรถ ต่างๆ นานา จนผู้โดยสารมึนไปหมด และกระทบกับการเดินทาง เหตุผลก็คือเพื่อซ่อมบำรุง
ถึงวันนี้ เวลาผ่านมาเดือนกว่า เกิดคำถามจากประชาชนว่า ซ่อมเมื่อไหร่จะเสร็จ จะเปิดไปซ่อมไป เปลี่ยนตารางการเดินรถไป ๆ มา ๆ อีกนานไหม ?
หลังจากโดนคนจี้ถามมากๆ วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 เฟซบุ๊กเพจรถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลือง ก็เลยออกมาระบุว่า รถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลือง แจ้งอัปเดตการซ่อมบำรุง โดยมีความคืบหน้าดังนี้
1. ปัจจุบันทยอยปิดพื้นที่ถนนศรีนครินทร์ ช่วงสถานีศรีอุดม - ถึงสถานีกลันตัน โดยทำการปิดเป็นช่วง ๆ เพื่อการขนย้ายรางจ่ายกระแสไฟฟ้าลงสู่ชั้นพื้นถนน และติดตั้งชิ้นใหม่
2. ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้ง และขั้นตอนต่าง ๆ ใช้เวลาในการแก้ไขทางเทคนิค ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ต้องทำการแก้ไขช่วงเวลาหลังจากปิดให้บริการเดินรถไปแล้ว ซึ่งมีเวลาประมาณวันละ 3-4 ชั่วโมง หลังจากรถไฟฟ้าปิดให้บริการแล้ว
3. ทางระบบได้ดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่องทุกวัน ไม่มีวันหยุด เพื่อให้การเดินรถสามารถกลับมาเป็นปกติได้เร็วที่สุด
4. เมื่อทำการแก้ไขแล้ว ต้องได้รับการตรวจประเมินความปลอดภัยจากเจ้าของสัมปทาน รวมถึงหน่วยงานอิสระทางวิศวกรรม เพื่อยืนยันว่าสามารถเปิดให้บริการประชาชนได้อย่างปลอดภัย
5. คาดว่าการแก้ไขจะดำเนินการแล้วเสร็จประมาณ ต้นเดือน มิถุนายน 2567
อย่างเร็วๆ ก็คือผู้โดยสารต้องทนกันไปอีกอีก 1 เดือนที่รถไฟฟ้าสายสีเหลืองจะต้องเปิดไปซ่อมไปแต่โดยหลักการสำหรับการบริหารจัดการระบบรถไฟฟ้า หรือ การคมนาคม และก่อสร้างไม่ว่าจะที่ใด “Safety First” หรือ “ความปลอดภัยต้องมาก่อน” ในอัพเดทการซ่อมบำรุงข้อ 4 ก็เขียนมาว่า"เมื่อทำการแก้ไขแล้ว ต้องได้รับการตรวจประเมินความปลอดภัยจากเจ้าของสัมปทาน รวมถึงหน่วยงานอิสระทางวิศวกรรม เพื่อยืนยันว่าสามารถเปิดให้บริการประชาชนได้อย่างปลอดภัย"
“แล้วผมถามคำเดียวว่า ที่เปิดให้คนโดยสารด้วย สลับกับการซ่อมไปด้วย มันปลอดภัยตรงไหน ถ้าเกิดมีชิ้นส่วนอะไรหล่น หลุด ร่วง มาในระหว่างที่การซ่อมแซมยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ใครจะรับผิดชอบ
“ผมเคยเตือนคุณคีรี และคุณอนุทินแล้ว ว่าถ้าคุณห่วงชีวิตประชาชนมากกว่าเงินในกระเป๋า ก็ควรที่จะปิดซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนที่จะเปิดให้บริการเดินรถเต็มรูปแบบ แต่พวกคุณก็ดันทุรังเปิดเพราะกลัวจะไม่ได้ค่าสัมปทาน แล้วเป็นไง” นายสนธิ กล่าว