กรุงเทพฯ - สภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน (TAITRA) เผยไต้หวันคืออีกหนึ่งผู้นำที่เต็มเปี่ยมด้วยประสบการณ์ด้านการจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยล่าสุดควงแขนผู้ประกอบการด้านงานสถาปัตยกรรมและวัสดุก่อสร้างกว่า 23 ราย การันตีด้วยรางวัล Taiwan Excellence ร่วมออกบูทในงานสถาปนิก' 67 (งานแสดงสถาปัตยกรรมชั้นนำของอาเซียน) เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ และความรู้กับผู้เชี่ยวชาญระหว่างกัน
พร้อมนำเสนอหลักการ 3Rs: Reuse, Recycle, Reduce ด้านพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมยั่งยืนตามแนวทางของ BCG ที่น่าสนใจ เช่น เทคโนโลยี ePaper ของ E Ink นวัตกรรมจอแสดงผลกระดาษแบบอิเล็กทรอนิกส์, ผลิตภัณฑ์ตรวจจับด้วยเซ็นเซอร์ เพื่อแจ้งเตือนความเสี่ยงจากการรั่วไหลของก๊าซพิษ, ธุรกิจวัสดุก่อสร้างเฉพาะทางที่มีคุณสมบัติช่วยเรื่องการถ่ายเทอากาศ และประหยัดพลังงาน ตอบรับความต้องการในยุคที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างต่างมุ่งสร้างอาคารสมัยใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุเป้าหมายสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2593
ปัจจุบันไต้หวันถือว่าเป็นหนึ่งในผู้นำที่มีประสบการณ์อย่างกว้างขวางในด้านการจัดการกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว ลมพายุ และน้ำท่วม อันเป็นผลพวงมาจากสภาวะโลกร้อนที่ทำให้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ขณะเดียวกันไต้หวันก็มีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของประเทศไทยที่ต้องการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมสู่รูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า BCG Economy Model (Bio-Circular-Green หรือเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว) กล่าวคือ เป็นการพัฒนาประเทศในด้านสังคม เศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
การมาออกบูทแสดงสินค้า Taiwan Excellence Pavilion ในงานสถาปนิก'67 (งานแสดงสถาปัตยกรรมชั้นนำของอาเซียน) ในครั้งนี้ นายไบรอัน ลี ผู้อำนวยการบริหารสายงานการตลาด Taiwan Excellence สภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน (TAITRA) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยกับไต้หวันถือว่าเป็นคู่ค้าและพันธมิตรที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน ประกอบกับยังคงมีผู้ประกอบการชาวไต้หวันเข้ามาเปิดโรงงานผลิต ตลอดจนเปิดบริษัทเพื่อลงทุนด้านการค้าขายอยู่ในประเทศไทยจำนวนมากมาย
ดังนั้น หน้าที่ของ TAITRA นอกจากจะช่วยผู้ประกอบการไต้หวันมุ่งหาพันธมิตรทางธุรกิจ (B2B) ภายในประเทศไทยแล้ว เรายังมีวิสัยทัศน์ที่ต้องการจะเข้ามามีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมระหว่างชาวไทยกับชาวไต้หวัน ในฐานะที่ไต้หวันมีประสบการณ์มากกว่าในเรื่องของการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และยังมีแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนตามแนวทางของ BCG ระดับนานาชาติเหมือนกับประเทศไทย
ยกตัวอย่างเช่นเรื่องแผ่นดินไหว ทางไต้หวันถือว่าเจอปัญหาเรื่องนี้มากกว่าประเทศไทย ดังนั้นเทคโนโลยี ประสบการณ์ความรู้ต่างๆ ในเรื่องของการก่อสร้าง เพื่อรับมือกับปัญหาเรื่องแผ่นดินไหวย่อมมีประสิทธิภาพในการจัดการและป้องกันมากกว่าประเทศไทย จึงเป็นวัตถุประสงค์หนึ่งที่ทำให้ TAITRA ได้พาผู้ประกอบการไต้หวันมาร่วมออกบูทจัดแสดงสินค้า Taiwan Excellence Pavilion ในงานสถาปนิก'67 ดังกล่าว
จะเห็นได้ว่ารูปแบบการจัดนิทรรศการของ Taiwan Excellence Pavilion ในงานสถาปนิก'67 ครั้งนี้ ซึ่งมีกว่า 23 แบรนด์ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความยั่งยืนตามแนวทางของ BCG (Bio-Circular-Green) หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว ด้วยการนำหลักการ 3Rs: ได้แก่ Reuse = การนำกลับมาใช้ใหม่ การลดปริมาณ Recycle = การรีไซเคิล การประยุกต์ใช้ และ Reduce = นำวัสดุที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลและใช้ซ้ำได้ถึง 96% เช่น แบรนด์ ePaper ของ E Ink ในฐานะผู้นำระดับโลก ได้มีการนำเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมจอแสดงผลกระดาษอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้คนในยุคของเมืองอัจฉริยะ ที่มีความโดดเด่นด้านการใช้พลังงานต่ำ แต่มีความสามารถในการแสดงข้อมูลดิจิทัลที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
รวมถึงโครงเหล็กที่ใช้ประกอบแต่ละบูท ภายหลังเสร็จงานแสดงสินค้า Taiwan Excellence Pavilion ในงานสถาปนิก'67 ก็สามารถถอดออกไปประกอบใช้เป็นประโยชน์ด้านอื่นๆ ต่อได้อีกในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพของผลิตภัณฑ์สถาปัตยกรรมก่อสร้างของไต้หวันในเรื่องของการรักษ์โลก ผ่านการนำหลักการเรื่อง 3Rs: มาใช้ นอกจากนี้ ทางไต้หวันยังมีเทคโนโลยีด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ตรวจจับด้วยเซ็นเซอร์ของเรา ที่เรียกว่า e+Autoff ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับติดตั้งบนเตาแก๊ส เพื่อช่วยตรวจสอบและแจ้งเตือนความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นภายในบ้าน เช่น การรั่วไหลของก๊าซหรือการปล่อยก๊าซพิษ นับเป็นนวัตกรรมอัจฉริยะที่ถูกคิดค้นเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของทุกคนในบ้าน
ขณะเดียวกัน ไต้หวันยังมีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับด้านวัสดุก่อสร้างเฉพาะทาง เช่น บริษัท Hiss, San Jeou, Walrus, Everlight และ AMA Tech ซึ่งเป็นบริษัทที่นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับการก่อสร้างอย่างยั่งยืน โดยมีคุณสมบัติที่ช่วยในเรื่องของการถ่ายเทอากาศ ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในยุคที่หน่วยงานภาครัฐ โรงงานอุตสาหกรรม และบริษัทรับเหมาก่อสร้างต่างมุ่งเน้นหันมาสร้างอาคารสมัยใหม่และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้ นายไบรอัน ลี กล่าวเสริมว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกคัดเลือกให้ได้รับรางวัล Taiwan Excellence ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติจากไต้หวันที่มอบให้กับแบรนด์ชั้นนำเท่านั้น ในฐานะที่เป็นตัวแทนของ "สุดยอดสินค้าคุณภาพจากไต้หวัน" เนื่องจากในแต่ละปีจะมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขา มาร่วมทำการคัดเลือกแบรนด์ไต้หวันที่มีคุณสมบัติที่สามารถสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านความยั่งยืน การออกแบบ การวิจัยและพัฒนา คุณภาพ และการตลาดในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ Taiwan Excellence ได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่เป็นที่ต้องการและรู้จักมากสุดในระดับโลก และยังเป็นพันธมิตรที่มีความน่าเชื่อถือในการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจอีกด้วย
นอกจากนี้ ในปี 2566 ที่ผ่านมา ไต้หวันก็ได้นำผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลการผลิตที่ได้รับรางวัล Taiwan Excellence มาจัดแสดงภายในงาน Manufacturing Expo 2023 เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันต่อการขับเคลื่อนยกระดับอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมสิ่งทอ, ยานยนต์ หรือแม้แต่งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีทางการแพทย์ระดับโลก และงาน "Taiwan Excellence Pop-up Store in Thailand" กว่า 29 แบรนด์ดังในสาขาต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์กลุ่มไลฟ์สไตล์ โซลูชันด้านการดูแลสุขภาพชั้นสูง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้ำสมัย อุปกรณ์กีฬาสันทนาการ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจแบบยั่งยืน (BCG) ทั้งหมด ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของไต้หวันในปัจจุบันว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยและการพัฒนาออกแบบนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เต็มไปด้วยโซลูชันด้านเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งครอบคลุมไปในทุกๆ ด้านของอุตสาหกรรม
