สำหรับผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลรถ ‘CUSTOM’ อาจกล่าวได้ว่า งาน ‘BANGKOK HOT ROD CUSTOM SHOW’ ครั้งที่ 5 ที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ นับเป็นงานที่รอคอย ด้วยไม่เพียงได้ชมรถสวยๆ ละลานตาแล้ว ภายในงานยังมีรายละเอียดและความพิเศษที่ต่างจากปีก่อนๆ อยู่ด้วย
‘ผู้จัดการออนไลน์’ สัมภาษณ์ ‘นันทพัฒน์ อุ่นพิกุล’ ประธานจัดงาน BANGKOK HOT ROD CUSTOM SHOW ถึงความพิเศษที่ว่านั้น รวมทั้งความมุ่งหมายผลักดัน Custom Culture Thailand ให้เป็น Soft Power, การชู Concept คำว่า ‘We’ ด้วยนัยที่สื่อถึงพลังแห่งความร่วมแรงร่วมใจ, Highlight ต่างๆ ที่โดดเด่น อาทิ การเปิดตัว ‘BANGKOK BOY’ เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์ ผลงาน Builder ชาวไทยและเป็นตัวแทน BANGKOK HOT ROD ไปประกวดเวทีระดับโลก
ไม่เพียงเท่านั้น ประธานจัดงาน BANGKOK HOT ROD ผู้นี้ยังได้ทำการขนส่ง หรือ Shipping รถของเหล่า Builder จากญี่ปุ่นมานับ 10 คัน เพื่อให้คนรักรถได้เห็นผลงาน Builder ระดับโลก
การเล็งเห็นถึงศักยภาพ ความสามารถของ Artist และ Builder ชาวไทย, ความสนใจที่ชาวต่างชาติมีต่อฝีไม้ลายมือศิลปินชาวไทยในแวดวงรถ CUSTOM, การสะท้อนภาพความสำเร็จ, บอกเล่าถึงสิ่งผลักดันขับเคลื่อนที่ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ, การเปิดพื้นที่ให้กลุ่มใหม่ๆ ได้เข้ามาเติมเต็มและสร้างสรรค์ Custom Culture ให้มีสีสันร่วมกัน
ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ถูกบอกเล่าผ่านถ้อยคำนับจากนี้
ก้าวสู่ปีที่ 5 แห่งวิถี ‘CUSTOM’ สัญชาติไทย
ถามว่างาน BANGKOK HOT ROD CUSTOM SHOW ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 แล้ว มีอะไรที่ต่างไปจากงานครั้งก่อนๆ บ้าง
นันทพัฒน์ตอบว่างานในปีนี้ แตกต่างจาก 4 ครั้งที่ผ่านมา ด้วยรูปแบบของการจัดงานที่ไม่ซ้ำแบบใครและได้ย้ายสถานที่มาจัดงาน ณ IMPACT Arena เมืองทองธานี ในวันที่ 18 -19 พฤษภาคม 2024 ( Exhibition Center Hall 11-12 )
“สาเหตุที่ครั้งนี้เราจัดงานที่อิมแพ็ค เนื่องจากต้องการยกระดับงานของเราให้มีความ International หากเทียบกับงาน CUSTOM SHOW ในหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าในทวีปอาเซียน ทุกประเทศเขาจัดในฮอลล์
มีเพียง BANGKOK HOT ROD CUSTOM SHOW ของเราประเทศเดียวเท่านั้นที่การจัดงานในแต่ละปี เราเปลี่ยนสถานที่ทุกครั้ง”
“ปีนี้จึงเป็นปีแรกที่ผมอยากจะประกาศศักดาความเป็น BANGKOK HOT ROD CUSTOM SHOW ให้ทุกประเทศอาเซียนได้รับรู้ว่างานเรามีความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลมากขึ้นครับ”
‘We’ Concept แห่งความเป็น ‘เรา’
ทราบว่าในปีนี้ คุณมีความพยายามที่จะผลักดันศักยภาพของคนทำรถแต่ง ทำ CUSTOM ให้เป็น Soft Power
นันทพัฒน์ตอบว่า “Concept งานในปีนี้ เราใช้คำว่า ‘We’ โดย ‘วี’ ในความหมายแรกคือ ‘We’ ที่หมายถึง ‘พวกเรา’ อีกคำหนึ่งคือคำพ้องเสียงว่า ‘วี’ เช่นกัน แต่เป็นตัว ‘V’ ในสัญลักษณ์ของโรมันคือเลข 5 ก็หมายถึงงานของเราในปีนี้ที่จัดเป็นครั้งที่ 5”
สำหรับ ‘We’ ในความหมายแรกที่หมายถึง ‘พวกเรา’ นันทพัฒน์ อธิบายว่า BANGKOK HOT ROD CUSTOM SHOW ก็คืองานของพวกเราทั้งหมด ในทุกๆ ภาคส่วนของการเป็นงาน Custom Culture Thailand
“ปีนี้ BANGKOK HOT ROD จะเข้าไป Plug in กับทุกส่วน
ไม่ว่าในเรื่องของ Artist, Builder ชาวไทย รวมถึงแฟชั่นนิสต้า ทุกคนลงมาอยู่ในเรือลำเดียวกัน เป็นพื้นที่เดียวกันที่ทำ HOT ROD CUSTOM SHOW
"ดังนั้น ปีนี้ ทุกคนจะรวมพลังกัน เป็นงานที่เราชาว CUSTOM ผลักดันและขับเคลื่อนให้ทั้งภาครัฐ รวมไปถึงประเทศอื่นๆ ได้เห็นความเป็น Soft Power ของ Custom Culture ของไทย”
นันทพัฒน์มองว่า หากมีการสนับสนุนจากพี่ๆ น้องๆ ในทุกๆ ภาคส่วน ในหลายๆ วงการมาช่วยกันขับเคลื่อน ก็ย่อมทำให้ทุกคนทั้งในไทยและต่างประเทศได้เห็นว่า Custom Culture ของบ้านเราแข็งแกร่งมากๆ นับเป็น Soft Power Custom ได้อย่างไม่อายใคร
Artist ไทย ไม่ธรรมดา
ถามว่าอะไรคือเอกลักษณ์ของ Custom Thailand ที่ทำให้แตกต่างจากประเทศอื่นๆ
นันทพัฒน์ตอบว่า “รถ HOT ROD CUSTOM ของบ้านเรามีรูปทรง มีการ Present ที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนอยู่แล้ว ว่าใครชอบสไตล์ไหน แต่ถ้าลงลึกไปถึง Artist ของเรา เรียกได้ว่าคนเหล่านี้ คือผู้อยู่เบื้องหลังที่คอยรังสรรค์ความสวยงามให้กับรถคันนั้นๆ สำหรับผมแล้ว Artist บ้านเราจึงไม่แพ้ใคร ไม่ว่า ลวดลาย ลายเส้น งานดีไซน์ ประสบการณ์
“อย่างเช่น ผมเดินทางไปในประเทศโซนเอเชียอย่างมาเลเซียหรือญี่ปุ่นก็ดี ทำให้ได้เห็นว่า Artist, Builder บ้านเรา ทุกคนมีลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อหันกลับมามองงาน BANGKOK HOT ROD บ้านเราทั้ง 4 ครั้งที่ผ่านมา จึงทำให้เราได้รับการยอมรับจาก Artist, Builder ของประเทศอื่นๆ”
นันทพัฒน์เล่าว่าก่อนหน้านี้ เขาพา Artist ชาวไทยไปออกงานในประเทศกลุ่มอาเซียน สิ่งหนึ่งที่ได้รับ Feed Back ที่ดี คือได้ไปเปิด Workshop ให้กับ Artist ของประเทศนั้นๆ ด้วย เช่น ที่อินโดนีเซีย คนให้การยอมรับ Artist ชาวไทย ยกให้เป็นอาจารย์ ทั้งที่ประเทศเขาคือ Pioneer เป็นผู้บุกเบิกวงการนี้อยู่แล้ว
แต่เขาก็ยังอยากเรียนรู้เทคนิค การวาดปลายพู่กันของ Mr.Pinman ซึ่งเป็น Artist ชาวไทย รถ Lucky Draw ในงานเขา นอกจากให้เบอร์หนึ่งของโลกซึ่งเป็น Artist จากญี่ปุ่นเขียนแล้ว ทว่า ขณะเดียวกัน Mr.Pinman ก็ได้เขียนรถคันนี้ด้วย
“เพราะฉะนั้น มี Artist แค่ 2 คน ที่ได้เขียนรถคันนี้ คือ Artist ชาวไทย และญี่ปุ่น โดยไม่มี Artist ของอินโดนีเซียมาเขียนเลย ทั้งๆ ที่เป็นงานประเทศเขา
“สิ่งนี้ยืนยันได้ว่า ความเป็น Soft Power ของเรา ไม่ด้อยไปกว่าประเทศไหนแน่นอน
และปีนี้เราได้รับการยอมรับจาก Artist ระดับโลกที่เค้าเดินทางมาจากอเมริกาเพื่องานนี้ รวมทั้งประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เขาก็ซื้อตั๋วเข้ามาเพื่อมาออกบูธ ออกงานในปีนี้ด้วย
“ปีนี้จึงเป็นปีที่ผมทำให้เห็นว่า Soft Power ของเรา ในแขนงของความเป็น Artist นั้น ยิ่งใหญ่แค่ไหน”
ถามว่าในปีนี้ ศิลปินทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงคณะกรรมการ มาจากชาติใดบ้าง
นันทพัฒน์ตอบว่า “ในส่วนของคณะกรรมการ เราได้รับความร่วมมือและได้รับ Feed Back ที่ดี ในทุกๆ ปี สังเกตได้ว่าตั้งแต่ปี 2016 ที่เราเริ่มจัดงาน จากนั้น Guest ของเราเพิ่มขึ้นตลอด ปีล่าสุดของเรามี Guest 29 คน
และในปีนี้ มีมากกว่า 35 คน มาจากทั่วโลกครับ”
โดยหลักแล้ว ในโซนอาเซียนมากันหมด เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไน รวมถึงนอกอาเซียนอย่างไต้หวัน
นอกจากในเอเชียแล้ว ก็มีประเทศต่างๆ อาทิ อเมริกา อิตาลี สเปน อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส โดยมีทั้ง Guest หน้าเก่า ที่เคยมาแล้วและไม่พลาดที่จะมาอีก ในขณะเดียวกันก็ได้รับเสียงตอบรับจากศิลปินในประเทศต่างๆ มาร่วมงานด้วย
“ต้องบอกว่าเราได้รับความสนใจและได้รับการยอมรับแม้เราเป็นประเทศที่เป็นน้องใหม่ในการจัด HOT ROD CUSTOM SHOW ก็จริง เราจัดงานปีนี้เป็นครั้งที่ 5 ขณะที่ประเทศอื่นเค้าจัดกันมา 13 ครั้งแล้ว แต่ไม่มีใครรวบรวมคณะกรรมการได้มากที่สุดเท่าที่ประเทศไทยแล้วครับ ถ้าไม่นับงานแม่คือที่โยโกฮาม่า ญี่ปุ่น”
พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจและไอเดีย
ถามว่างานปีนี้ มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษบ้าง
นันทพัฒน์ตอบว่า “ปีนี้ผมต้องบอกเลยว่าผมก็ใส่สุดพลังเหมือนกัน มีหลักๆ ดังนี้ครับ
1. จัดในสถานที่ที่มีขนาดใหญ่และมีความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนล
2.ผลักดัน Soft Power ตามนโยบายของภาครัฐ ด้วยความเป็น Custom Culture Thailand
3. Highlight ที่สุดของงานคือการประกวดรถซึ่งเราเพิ่มพื้นที่คือฮอลล์เราใหญ่ขึ้น ทั้งในส่วนรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ เราขยายพื้นที่ให้มากขึ้น
ต่างจากงาน 4 ครั้งที่ผ่านมา รถเล็กไม่ได้เข้ามาในงาน เนื่องจาก cc เขาไม่ถึง เมื่อมาเจอรถใหญ่ๆ เขาสู้ไม่ได้ ปีนี้ผมจึงเปิดรุ่นตั้งแต่ 50 cc ขึ้นไปเลยครับ
ตอนนี้ร้านค้าเล็กๆ Shop ที่มีฝีมือ คุณเข้ามาได้เลย เป็นเวทีของพวกคุณทุกคน ผมไม่แบ่งค่ายไม่แบ่งรุ่น ปีนี้เป็นโอกาสของพวกคุณแล้ว
"นอกจากนั้น ผมยังไป Deal น้องๆ อาชีวศึกษา ในเรื่องเฉพาะด้าน ไม่ว่าเครื่องยนต์ การเชื่อมเหล็ก การทำศิลปะ ผมอยากผลักดันให้น้องๆ เหล่านี้ ได้เข้ามาดูงาน เพื่อที่เขาจะนำไปประกอบวิชาชีพ”
“ที่ผ่านมาใครไม่เห็นไม่เป็นไร แต่ปีนี้ ผมจะแสดงให้เห็นเองว่า BANGKOK HOT ROD ไม่ใช่ของผม อย่างที่ผมเคยพูดไป งานนี้ ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแต่เป็นของคนไทยทุกคน ถ้าคุณเปิดใจมาเดินงานนี้ ผมเชื่อเลยว่าคุณจะได้อะไรกลับไป คุณจะได้พบหนทางในการสร้างอาชีพของคุณ พบไอเดีย พบ Inspiration
และเป็นการโชว์ศักยภาพให้ต่างชาติได้เห็น เพราะเราเชิญกรรมการจากต่างชาติมาด้วย”
เปิดตัวสมาชิกใหม่ ‘BANGKOK BOY’
นอกจากความน่าสนใจของงานที่กล่าวไปแล้ว นันทพัฒน์เล่าว่า ปีนี้ BANGKOK HOT ROD จะมีสมาชิกใหม่ด้วย ชื่อว่า ‘BANGKOK BOY’ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่ง Highlight โดย BANGKOK BOY ก็คือผลงานของ Builder ชาวไทยที่จะไปประกวดงาน Builder ระดับโลก
“BANGKOK BOY เป็นรถมอเตอร์ไซค์ เป็นตัวแทนของ BANGKOK HOT ROD ไปประกวดเวทีระดับโลก ผมจะนำคันนี้ไปประกวด มีคนไทยสร้าง ทุกอย่างเมดอินไทยแลนด์ แล้วเราจะพารถคันนี้ไปคว้ารางวัลมาให้ได้
รถคันนี้เป็นตัวแทนของ Thailand Custom Culture ในการไปประกวดรถ Custom และประกาศศักยภาพว่าฝีมือคนไทยไม่แพ้ชาติไหนในโลก”
นอกจากนั้น งานปีนี้ยังมีพื้นที่สำหรับรถของดารา ศิลปิน เซเลบริตี้ ที่นำรถมาโชว์ในงานนี้เป็นครั้งแรก รวมแล้วไม่น้อยกว่า 20 คัน ซึ่งยังไม่เคยไปโชว์ที่ไหนมาก่อน
“รถเหล่านี้ นับว่า Rare item มากๆ ผมต้องขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ในวงการบันเทิง สะท้อนถึงคอนเซ็ปต์ของงาน คือคำว่า ‘WE’ งานของพวกเรา ชาว Custom ทุกคนคือฟันเฟืองที่ช่วยกันผลักดันและขับเคลื่อนงานนี้ให้ไปสู่ระดับสากลให้ได้”
Custom ไทย ไม่แพ้ใคร
นันทพัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้ เขาได้ทำการขนส่ง หรือ Shipping รถของเหล่า Builder จากญี่ปุ่นมานับ 10 คัน เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้เห็นว่า Builder ระดับโลก สร้างรถกันแบบไหน หวังให้เป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้ชม ว่าการ Build รถขึ้นมาหนึ่งคัน มีการใช้สี มีการดีไซน์ที่งดงามเพียงใด
โดยรถที่ Shipping มางาน BANGKOK HOT ROD ในปีนี้ ล้วนเป็นรถที่มาจากการประกวดจากงานแม่ที่ญี่ปุ่น คือ YOKOHAMA HOT ROD มาแล้วทั้งสิ้น ซึ่งรถทุกคันที่นำมานี้ ยังไม่เคยออกจากประเทศญี่ปุ่น แต่ทุกคันจะเดินทางมาที่ BANGKOK HOT ROD ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
ถามว่า มีอะไรอีกบ้างที่คุณอยากผลักดันให้เกิดขึ้นในงานครั้งนี้
นันทพัฒน์กล่าวว่า มีอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจ โดยเขาได้รับการติดต่อมาจาก กลุ่มคนรักรถที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อ Yamaha รุ่น SR ใน Nagoya ประเทศญี่ปุ่น คนกลุ่มนี้มักจะไปรวมตัวกันในทุกๆ อีเวนท์ที่มีการประกวดรถของญี่ปุ่น ซึ่งปีนี้ พวกเขาจะมาที่ BANGKOK HOT ROD เมืองไทยจึงเป็นประเทศแรกที่พวกเขามารวมตัวกันนอกจากที่ญี่ปุ่น
ทั้งนี้ สาเหตุที่พวกเขามางานในบ้านเรา เพราะเขารู้ว่าบ้านเรามี Benefit หลายๆ อย่าง
คนไทยฝีมือดี หากได้มาเจอกับร้านค้าในไทยที่สามารถ Made to order ให้ได้ เขาก็สั่งสินค้าจากไทย จึงเป็นการสร้างรายได้ให้ประเทศด้วย
“วงการรถ Custom ของไทยไม่แพ้ใครเลยครับ ขาวต่างชาติที่ชอบรถ Custom เขาไปญี่ปุ่นก็ได้ ไปประเทศอื่นก็ได้ ทำไมเขาไม่ไป ทำไมเขาเลือกมาเมืองไทย นั่นเพราะในตอนนี้ งานของเราได้รับการยอมรับจากหลายประเทศครับ”
ผู้ริเริ่มและมีส่วนวางรากฐาน งาน HOT ROD CUSTOM SHOW สัญชาติไทย ระบุทิ้งท้าย
………..
Text by : รพีพรรณ สายัณห์ตระกูล
Photo by : BANGKOK HOT ROD CUSTOM SHOW