ป.ป.ช.อยู่ในสภาพปั่นป่วนที่สุดนับแต่ก่อตั้งมา “วัชรพล” จะหมดวาระเพราะอายุครบ 70 ในเดือน ก.ย.นี้ แต่ยังไม่รู้ใครจะขึ้นแทน ว่ากันตามอาวุโส และการยอมรับ “สุชาติ”เหมาะสุด แต่เมื่อถูก “โจีก” ร้องเรียน ก็ต้องมองหาคนอื่น ส่วนเลขาฯ คนใหม่ มีความพยายามดันเด็ก “บิ๊กกุ้ย” ขึ้นแทน ข้ามหน้าข้ามตาคนเป็นลุกหม้อองค์กรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกว่า
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงองค์กรปราบโกงอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ถูกลากเข้าไปพัวพันกับชะตากรรมของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ทั้งกรณีอุ้มช่วยคดี และตกแต่งบัญชีทรัพย์สิน รวมถึงล่าสุดที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร้องคัดค้านการทำหน้าที่ของ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช.
ขณะเดียวกัน ศึกใน ป.ป.ช. ก็เข้าขั้นเดือดปุดๆ ไม่แพ้กัน เพราะอีกไม่ถึง 5 เดือน ในวันที่ 9 กันยายน 2567 ก็ถึงวาระที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช.จะต้องพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ ส่งผลให้ต้องมีการเลือกประธานคนใหม่จากกรรมการ ป.ป.ช.ที่เหลืออยู่
โดยขณะนี้มี ป.ป.ช.ปฏิบัติหน้าที่อยู่เพียง 6 จากจำนวนเต็มตามกฎหมาย 9 คน ประกอบด้วย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ และนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์
ส่วนอีก 2 คน คือ นายพศวัจณ์ กนกนาถ และ นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสวุฒิสภาแล้ว แต่ยังต้องรอการโปรดเกล้าฯ นอกจากนี้ยังมีอีก 1 ตำแหน่งซึ่งสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ชุดปัจจุบันตีตก ชื่อ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่างทำให้ต้องเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่ และคาดว่า จะต้องรอ ส.ว.ชุดใหม่ เข้ามาชี้ขาด
ไล่เรียงตามรายชื่อ ป.ป.ช. และว่าที่ ป.ป.ช.ที่ว่าไป หากวัดในแง่ “อาวุโส” โอกาสก็มาตกที่ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ และ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ
ทว่าทั้งคู่ที่ได้รับการสรรหามาพร้อมพล.ต.อ.วัชรพลก็มีคิวที่จะครบวาระการทำหน้าที่ 9 ปี ในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 เช่นกัน ทำให้มีเวลาทำหน้าที่ประธานเพียงแค่ไม่ถึง 3 เดือนจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เหลือตัวเลือก 4 คน คือ “สุชาติ-เอกวิทย์-แมนรัตน์” และ“ภัทรศักดิ์”
ว่ากันว่า เดิมทีนายสุชาติถือเป็นเต็งหนึ่งที่จะได้รับเลือกเป็นประธาน ป.ป.ช. ด้วยความที่มีความอาวุโสในการเข้าตำแหน่งก่อนใครเพื่อน และยังมีเป็นที่ยอมรับของคนใน ป.ป.ช.ด้วยกัน
แต่เมื่อนายสุชาติ ถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นตรวจสอบพฤติกรรม ตั้งแต่ก่อนเข้ามา และขณะดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. โดยแฉถึงเส้นทางการวิ่งเต้น โดยอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็อาจจะทำให้มีปัญหา
ส่วนรายชื่อทีเหลือนั้น วงใน ป.ป.ช. เชื่อกันว่า “แมนรัตน์” ที่มาจาก “สายปกครอง” และเหลือวาระยาวถึงปี 2574 มีโอกาสน้อยที่สุด เพราะ ป.ป.ช.ที่เป็นโหวตเตอร์รายอื่นล้วนแล้วแต่มาจาก “สายตุลาการ” ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ในบรรดา “4 อดีตบิ๊กตุลาการ” ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. ต้องยกให้ “ภัทรศักดิ์” อดีตรองประธานศาลฎีกา ในวัย 66 ปี มีอาวุโส-ดีกรีในสายตุลาการเหนือกว่า “เอกวิทย์” และ “สุชาติ” ที่อายุยังไม่ถึง 60 ปี และมีเรื่องถูกร้องเรียนอยู่
ตามรูปการณ์ทำให้คาดการณ์ว่า หาก “ภัทรศักดิ์” ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็น ป.ป.ช. ก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วย
นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่ความเปลี่ยนแปลงในระดับบอร์ดเท่านั้น ในระดับสำนักงานก็กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเช่นกัน เมื่อ นายนิวัติไชย เกษมมงคล กำลังจะเกษียณอายุราชการช่วงสิ้นเดือนกันยายน 67 นี้ และต้องเลือกผู้ที่จะมาเป็น เลขาธิการ ป.ป.ช.คนใหม่
มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ได้มีการวางตัว พล.ต.ต.อรุณ อมรวิริยะกุล รองเลขาธิการ ป.ป.ช. คนสนิทของ พล.ต.อ.วัชรพล ให้เป็นเลขาธิการ ป.ป.ช.คนใหม่ โดย พล.ต.อ.วัชรพล ได้วางตัว พล.ต.ต.อรุณ ที่เป็นนายเวรของ พล.ต.อ.วัชรพล สมัยเป็น ผบ.ตร. และมีพี่ชายชื่อ พล.ต.อมร อมรวิริยะกุล อดีตหัวหน้าสำนักงานรัฐนตรีกระทรวงกลาโหม สมัย พล.อ.ประวิตร เป็น รมว.กลาโหม ให้สืบทอดอำนาจในองค์กรปราบโกงแห่งนี้ไว้ หลังจากที่มีการโอนย้าย พล.ต.ต.อรุณ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มาเข้าไลน์ไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2562 ท่ามกลางข้อครหา
ทั้งนี้ หากเป็นไปตามเนื้อผ้าแล้ว ผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการ ป.ป.ช.คนใหม่ ควรเป็นคิวของ นายสุรพงษ์ อินทรถาวร ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการ ป.ป.ช. เมื่อปี 2563 อาวุโสอันดับ 2 ซึ่งเป็น “ลูกหม้อ” และมีผลงานด้านการปราบปรามการทุจริตเป็นที่ประจักษ์ เนื่องจาก นายอุทิศ บัวศรี รองเลขาธิการ ป.ป.ช. อาวุโสอันดับ 1 จะเกษียณในปีนี้เช่นกัน ส่วน พล.ต.ต.อรุณ แม้จะขึ้นเป็นรองเลขาธิการ ป.ป.ช.อย่างรวดเร็วเมื่อปี 2564 เป็นเพียงอาวุโสอันดับ 3
แต่กลับมีร่องรอยความพยายามผลักดัน พล.ต.ต.อรุณ อย่างแพ้ไม่ได้ โดย พล.ต.อ.วัชรพล และกรรมการ ป.ป.ช. ได้รื้อหลักเกณฑ์การพิจารณาแต่งตั้งเลขาธิการ ป.ป.ช. จากเดิมที่ยึดเรื่อง“อาวุโส”เป็นสำคัญเหมือนหน่วยงานอื่น ๆ ทั่วไป เป็นการนับว่าใครมี“เงินเดือนสูง”มาพิจารณาเป็นอันดับแรก และให้ถือเป็นผู้มีอาวุโสสูงสุด ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการ ป.ป.ช.
จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า องค์กรปราบโกง ป.ป.ช. กลับมีพฤติการณ์ “ล็อกสเปก” เสียเอง และเพราะจะเป็นการเผาเรือนตัวเองที่ ตามที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล สุมไฟ องค์กร ป.ป.ช.ทั้งองค์กรรอไว้ล่วงหน้าแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ทำให้กรรมการ ป.ป.ช.หลายคนหันมาให้การสนับสนุนนายสุรพงษ์ อินทรถาวร ที่มีความรู้ระดับเนติบัณฑิต ปริญญาโทด้านกฎหมาย และผ่านงานคดีและด้านกฎหมายในองค์กร ป.ป.ช. มาทุกระดับ ขึ้นมาสู้กับ พล.ต.ต.อรุณ เด็กสร้างของกลุ่ม พล.อ.ประวิตร
นี่คือความเคลื่อนไหว และเบื้องลึกเบื้องหลังขององค์กรอิสระที่ถูกวางหน้าที่และบทบาทให้เป็น “องค์กรปราบโกง” ต้องคอยจับตาดูและตัดสินเอาเองแล้วกันว่าองค์กรนี้ยังจะเป็นที่พึ่งให้ประเทศชาติ และประชาชนได้ต่อไปมากน้อยแค่ไหน
“ผมจะฝากความคิดส่วนตัวของผมให้กับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทุกท่าน ตั้งแต่ประธาน ไปถึงกรรมการ ไปถึงเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ ที่ทำหน้าที่ปราบโกง พวกคุณรู้หรือเปล่าว่า ชื่อเสียงคุณพินาศฉิบหายไปหมดแล้ว เหตุเกิดจากคนๆ เดียวเท่านั้นเอง ก็คือ สุรเชษฐ์ หักพาล
“ผมไม่ได้พูดโดยที่ไม่มีหลักฐาน ทำไมสุรเชษฐ์ หักพาล ถึงต้องการส่งเรื่องของตัวเองเข้าไปใน ป.ป.ช. เพราะตัวเองครอบงำเจ้าหน้าที่ระดับสูง ระดับกลาง ป.ป.ช. อยู่เยอะแยะไปหมด วันหลังผมจะเปิดให้ดูว่า สุรเชษฐ์ หักพาล เอื้อประโยชน์อะไรให้กับคนที่ตัวเองเรียกมารับใช้คดีของตัวเอง
“นั่นคือที่มาของคำพูดที่โอหังมมังการว่า ถ้าคดีผมไปที่ ป.ป.ช. รับรองว่าผมบริสุทธิ์แน่นอน ตบหน้าอธิบดีศาลอาญาที่ออกหมายจับสุรเชษฐ์ หักพาล ตบหน้าตำรวจที่ทุ่มเทตั้งใจทำงานอย่างไม่เข้าข้างใคร คนๆ นี้ไม่ได้เป็นอันตรายต่อองค์กรอย่างเดียว แต่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติอย่างมากมาย” นายสนธิ กล่าว