xs
xsm
sm
md
lg

#MGRTOP7 : โจ๊กเพ้อ “4 คูณ 100” | สารวัตรแจ๊ะฟ้องหมิ่นฯ ทนายดัง | ปิดกิจการ VOICE TV

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รวบตึงทุกเรื่องราว คัดข่าวเด็ด เบ็ดเสร็จในที่เดียว ... MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com

(สรุปข่าวประจำวันที่ 20 - 27 เม.ย. 2567)


อันดับ 1 : โจ๊กเพ้อ “4 คูณ 100” เสพติดอำนาจ อุทธรณ์คําสั่งให้ออก-ร้อง ป.ป.ช. บิ๊กต่ายทำใจพร้อมถูกมองคู่ขัดแย้ง

หลังจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพราะต้องคดีพัวพันเว็บพนัน BNK Master และฟอกเงิน ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา บิ๊กโจ๊กเคลื่อนไหวทั้งยื่น ป.ป.ช.เอาผิดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง และ คณะพนักงานสอบสวน อ้างว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ระบุว่าถูกขบวนการกลั่นแกล้งเล่นงานสกัดไม่ให้เป็น ผบ.ตร.เพราะเป็นแคนดิเดตอันดับ 1 แต่ตอนหลังยื่น ป.ป.ช.ถอน คำร้องเอาผิดนายกฯ อ้างว่าไม่ติดใจเอาผิดแล้ว แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้ยื่นถอน

วันต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยื่น ป.ป.ช.ให้ดำเนินคดีอาญา พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และพนักงานสอบสวนกว่า 200 นาย ตามมาตรา 157 ส่วนนายกรัฐมนตรีเชื่อว่าถูกหลอกให้เซ็นคำสั่ง จากขบวนการตำรวจสกัดขึ้นเป็น ผบ.ตร. โดยคนที่อยู่ในขบวนการเป็นผู้ที่ไปพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล อีกวันหนึ่งยื่นหนังสืออุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ อ้างว่าเป็นขบวนการ 4 คูณ 100 ที่มักใช้ในขบวนการค้ายาเสพติด ใช้อำนาจมีลักษณะทำเป็นกระบวนการ หลังจากนี้จะยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ แต่ถ้าอยากรอดต้องมาบอกกับตนว่าใครเป็นคนสั่ง

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า พร้อมถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มองว่าเป็นคู่ขัดแย้ง ยืนยันว่าทุกขั้นตอนยึดตามกฎหมาย ไม่มีปัจจัยอื่นแทรกแซง ส่วนที่ว่าไปหลอกนายกฯ นั้น ตนคือตำรวจคนหนึ่ง จะเอาอะไรไปหลอกลวงระดับผู้บริหารประเทศ


อันดับ 2 : สารวัตรแจ๊ะฟ้องหมิ่นฯ ทนายดัง 5 ล้าน หลังโพสต์กล่าวหาจับแพะคดีอนาจารเด็ก ยันทำตามหลักฐาน

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือ สารวัตรแจ๊ะ สว.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วย น.ส.อาชิรญาณ์ ธนาพีระพงศ์ ทนายความ ยื่นฟ้อง นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 5 ล้านบาท กรณีโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวหาว่าสารวัตรแจ๊ะจับแพะ ติดคุกฟรีปีกว่า โดยสารวัตรแจ๊ะกล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 ช่วงที่ตนลงไปทำคดีน้องชมพู่ แม่ของเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ร้องว่าลูกสาวถูกคนร้ายก่อเหตุอนาจาร ศาลออกหมายจับ ซึ่งทำไปตามพยานหลักฐาน แม้ศาลฎีกาจะยกฟ้องก็เพราะยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย

อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊ก "ทนายตัวแสบ:Badass Attorney" เปิดเผยใบแจ้งความ สภ.กกตูม ระบุว่า แม่ของเด็กหญิงวัย 5 ขวบแจ้งความไว้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. ว่าถูกจำเลยในคดีนั้นกับทนายความรายหนึ่ง มากดดันให้กลับคำให้การ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 5 ล้านบาท แล้วจะให้เงินส่วนแบ่ง โดยเนื้อหาใบแจ้งความระบุว่า ทนายความรายหนึ่งได้ทำหนังสือถึง ผอ.โรงเรียนบ้านกกตูม ขอข้อมูลการมาโรงเรียนของเด็กหญิงวัย 5 ขวบ อีกทั้งทนายความโทรศัพท์บีบให้แม่ให้การว่าเป็นคนสอนให้เด็กพูดและชี้รูปภาพ และเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาเอง ซึ่งเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยเลยมาแจ้งความ


อันดับ 3 : ปิดกิจการ Voice TV หยุดออกอากาศดาวเทียม-ออนไลน์ เผยชินวัตรใช้เงินกับธุรกิจนี้กว่า 3,000 ล้าน

หลังดำเนินกิจการมาเกือบ 15 ปี สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ประกาศเมื่อวันที่ 26 เม.ย. ระบุว่าผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นมีความเห็นว่าปิดกิจการ โดยจะทยอยหยุดออกอากาศทั้งบนทีวีและออนไลน์ภายในเดือน พ.ค. เนื่องจากประเมินกิจการและภาวะวิกฤตในอุตสาหกรรมสื่อแล้ว เห็นว่ากลไกตลาด เทคโนโลยีแพลตฟอร์มมีผู้ผลิตมากมายและหลากหลาย ที่สามารถสานต่อภารกิจสังคมต่างๆ ได้ ขณะที่ประชาธิปไตยกำลังลงหลักเพื่อเริ่มต้นต่อไปได้ จากนี้จะจ่ายชดเชยให้พนักงานทุกคนตามกฎหมายอย่างเป็นธรรม ด้านผลประกอบการที่ผ่านมาพบว่าขาดทุนทุกปี ในปี 2565 รายได้รวม 97.5 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 106.3 ล้านบาท

สำหรับสำหรับวอยซ์ทีวีประกอบธุรกิจอินเทอร์เน็ตทีวี โดยเริ่มออกอากาศบนทีวีดาวเทียมเมื่อเดือน มิ.ย. 2552 กระทั่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2552 ภายใต้การบริหารงานของนายพานทองแท้ ชินวัตร น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายทรงศักดิ์ เปรมสุข อดีตผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ต่อมาวอยซ์ทีวีประมูลทีวีดิจิทัลประเภทช่องข่าวและสาระ และชนะการประมูล ได้หมายเลขช่อง 21 ด้วยมูลค่า 1,338 ล้านบาท แต่ได้คืนใบอนุญาตเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2562 หันมาเช่าสัญญาณดาวเทียมออกอากาศบางช่วงเวลาพร้อมกับเฟซบุ๊กไลฟ์และยูทูบ

ก่อนหน้านี้ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา เปิดเผยผ่านรายการ Divas Cafe ว่า 14 ปีที่ผ่านมาวอยซ์ทีวีไม่เคยทำกำไร ตระกูลชินวัตรใช้เงินไปกับธุรกิจนี้แล้วกว่า 3,000 ล้านบาท แม้จะพยายามก้าวไปเป็น TV Commercial แต่ถูกจอดำหลายครั้ง


อันดับ 4 : สาวจีนขอบคุณ จนท.อุทยานฯ ผาแต้มช่วยชีวิต สามีผลักตกหน้าผาหวังฮุบสมบัติ ฎีกาคุก 33 ปี 4 เดือน

เรื่องราวความประทับใจของนักท่องเที่ยวจีน เมื่อวันที่ 20 เม.ย. นางหวัง หนาน นักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือจากอุบัติเหตุพลัดตกหน้าผาภายในอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ได้เดินทางกลับมายังอุทยานฯ เพื่อแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ให้การช่วยเหลือจากเหตุการณ์พลัดตกหน้าผาอเล็กซานเดอร์มหาราช เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2562 โดยในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ชุดกู้ภัยประจำอุทยานฯ ให้การช่วยเหลือส่งไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลโขงเจียม อาการปลอดภัย ต่อมาตำรวจสืบสวนสอบสวนพบว่าสามีเป็นผู้ผลักให้ตกจากหน้าผา ซึ่งถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว

ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน นางหวัง ซึ่งตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนมาเที่ยวชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาแต้ม ถูกสามีผลักตกมาจากหน้าผาเพราะหวังจะฮุบสมบัติ แต่ที่ไม่บอกแต่แรกเนื่องจากเกรงว่าสามีจะทำร้ายตนและลูกในท้อง กระทั่งวันที่ 16 มิ.ย. 2562 ตำรวจจับกุมนายยู เสี่ยวตง ผู้เป็นสามี ขณะเข้ามาเยี่ยมดูอาการภรรยาที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 5.8 ล้านบาท ต่อมาศาลอุทธรณ์กลับคำตัดสินเป็นจำคุก 10 ปี และเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2566 สำนักข่าวสเตรทส์ไทมส์ รายงานว่า ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 33 ปี 4 เดือน ในข้อหาพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน


อันดับ 5 : รสสวาทสันป่าเหียง ครูหนุ่มนอกใจแฟนคบ 9 ปี  แอบแซ่บครูรุ่นน้อง ไม่สนประจำเดือน-ชุดลูกไม้สยิวกิ้ว

เรื่องชาวบ้านสนั่นโซเชียลฯ เมื่อวีนที่ 24 เม.ย. บนโซเชียลฯ แชร์โพสต์จากสาวรายหนึ่ง ระบุว่า ถูกแฟนหนุ่มซึ่งเป็นข้าราชการครูที่คบหากันนาน 9 ปีนอกใจ โดยคบหากับครูหญิงรุ่นน้องในโรงเรียนเดียวกัน ก่อนหน้านี้สังเกตว่าฝ่ายชายมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหลายอย่าง เช่น ถึงบ้านแต่ชอบนั่งอยู่ในรถนานๆ หรือเข้าไปหมกอยู่แต่ในห้องน้ำ เจอแชตที่คุยกันในไอจีอย่างสนิทสนมถึงพฤติกรรมหลายอย่าง เช่น มีเพศสัมพันธ์แบบไม่สนว่าครูหญิงรุ่นน้องมีประจำเดือน ชอบให้ครูหญิงรุ่นน้องใส่ชุดลูกไม้ และถึงขั้นพาไปมีเพศสัมพันธ์บนเตียง วันที่แฟนไปสัมมนา ที่ทั้งคู่ตั้งใจซื้อเพื่อนอนด้วยกัน จากนั้นฝ่ายชายเริ่มใช้ความรุนแรง

ด้านสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 1 สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีครูรายหนึ่งในโรงเรียนสันป่าเหียง ต.มะเขือแจ้ อ.เมืองฯ จ.ลำพูน ถูกพูดถึงในโชลเชียลฯ ส่วนสาวเจ้าของเรื่องกล่าวว่า ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตหรือจะแฉใคร ต้องการเพียงให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับตัวเองและคนอื่นๆ เท่านั้น ส่วนครูหญิงรุ่นน้องดึงฝ่ายชายไปจดทะเบียนสมรสนั้นไม่ได้สนใจ ขณะที่โรงเรียนสันป่าเหียง แจ้งความคืบหน้า ขณะนี้ ทางโรงเรียนได้ดำเนินการตามระเบียบของกระทรวง โดยการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงเพื่อนำข้อเท็จจริงที่ได้ มาพิจารณาในขั้นตอนต่อไป ขออภัยทุกท่านที่ได้รับผลกระทบ


อันดับ 6 : ไหม้โกดังเก็บสารเคมี วิน โพรเสส ผ่านไปหลายวัน ดับไม่ได้สงบไม่ลงใช้น้ำหวั่นปะทุ ชาวบ้านกระทบหนัก

เมื่อเช้าวันที่ 22 เม.ย. เกิดเหตุเพลิงไหม้ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ตั้งอยู่ที่บ้านหนองพะวา หมู่ 4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ประกอบกิจการคัดแยกและฝังกลบสิ่งปฏิกูลรวมถึงวัสดุภัณฑ์ที่ไม่ได้ใช้แล้ว ด้านในพบถังสารเคมีจำนวนมาก ยังมีกลิ่นเหม็นจากสารเคมีหลายประเภทที่อยู่ในโรงงานฟุ้งกระจายทั่วบริเวณจนต้องรีบอพยพชาวบ้านใกล้โรงงานออกจากพื้นที่ พักอาศัยในศูนย์พักพิงของ อบต.หนองบัว และ อบต.บางบุตร รวม 67 คน ด้านอุตสาหกรรม​จังหวัดระยอง แจ้งความเอาผิดกับโรงงาน เพราะต้องทำตามคำสั่งศาลจังหวัดระยองบำบัดและกำจัดของเสียให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2566 แต่กลับไม่เสร็จ

การดับไฟเต็มไปด้วยอุปสรรคเนื่องจากเหลือจุดที่ยังมีเพลิงลุกไหม้อยู่เพียง 2 จุด คือ โกดังที่ 5 ที่มีเศษวัสดุ พลาสติก กระดาษ และถังน้ำมันขนาด 200 ลิตรที่วางทับถมกันจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ใช้รถแบ็กโฮ 3 คัน โกยกองเศษวัสดุดังกล่าวและระดมฉีดน้ำเพื่อเร่งดับไฟ ส่วนจุดที่ 2 คือโกดังที่ 3 ที่มีวัสดุประเภทอะลูมิเนียมดอช ที่ใช้น้ำดับไฟไม่ได้ เนื่องจากน้ำจะเข้าทำปฏิกิริยากับอะลูมิเนียมดอช และเมื่อสัมผัสกับออกซิเจนจะทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นมาอีก จึงต้องใช้ดินหรือทรายกลบเพื่อให้เย็นตัวลง ด้านนายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เตรียมยื่นศาลจังหวัดระยอง ขอให้ขนย้ายสารเคมีออกไปได้เร็วขึ้น


อันดับ 7 : อดีตผู้บริหาร Google เมาแล้วขับ แอลฯ พุ่ง 104 ขัดขืนใช้เท้าถีบรองผู้กำกับ ด่าตำรวจ “อีชั้นต่ำ”

สาวเมาแล้วขับทำร้ายเจ้าพนักงานเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. วันที่ 23 เม.ย. ขณะที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรตั้งจุดตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และกวดขันวินัยจราจร บริเวณถนนเลียบมอเตอร์เวย์ แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ ปรากฎว่ามีหญิงรายหนึ่ง ทราบชื่อคือ ดร.มนธ์สินี กีรติไกรนนท์ อดีตผู้บริหารกลุ่มองค์กรภาครัฐ Google Cloud ประเทศไทย ขับรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ สีดำ ทะเบียน 2 กร 151 กรุงเทพมหานคร ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ 104 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่กลับขัดขืนการจับกุม ด่าทอเจ้าพนักงาน ใช้เท้าถีบใบหน้าข้างขวาของ พ.ต.ท.ดาราธร ขจรศิลป์ รอง ผกก.5 บก.จร.

เมื่อมาถึงที่ สน.ประเวศ ดร.มนธ์สินี ยังกล่าวกับตำรวจที่ควบคุมตัวว่า “อีชั้นต่ำ” และยังมีท่าทีขัดขืนการจับกุม จากการตรวจสอบเคยถูกดำเนินคดีข้อหาเมาแล้วขับเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา เจ้าตัวยอมรับว่าเมาแล้วขับ แต่ไม่ยอมรับข้อหาขัดขืนเจ้าพนักงาน และทำร้ายเจ้าพนักงาน ก่อนประกันตัว 60,000 บาทออกไป ขณะที่ พ.ต.ท.ดาราธร ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ฝากเตือนประชาชนว่าเมาอย่าขับ เพราะสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอันดับหนึ่งมาจากเมาแล้วขับ และอยากให้เปลี่ยนความเชื่อว่า เมาแล้วขับไม่ได้ไปฆ่าใครตาย เพราะส่งผลทำให้เกิดการเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บของคู่กรณี

ขณะที่เฟซบุ๊ก “Monsinee Keeratikrainon” อ้างว่าข้อมูลที่ออกไปมีข้างเดียว บางอย่างไม่เป็นความจริงและถูกบิดเบือน ยังไม่มีการให้ปากคำใดๆ ทั้งสิ้น รายละเอียดจะอยู่ในชั้นสอบสวน ได้มอบหมายทนายความเป็นผู้ดำเนินการแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น