เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า (ECST) ชี้อังกฤษเตรียมเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้าและขึ้นภาษีบุหรี่ควบคู่กันตั้งแต่ตุลาคม 2569 เป็นต้นไป เพื่อนำรายได้ภาษีไปหนุนบริการสาธารณสุข และยังคงแรงจูงใจให้ผู้สูบบุหรี่หันไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทน ด้านตัวแทนองค์กรต้านการสูบบุหรี่ของอังกฤษชี้การเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นกำลังสำคัญในการหยุดการทะลักเข้ามาของบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัญหาเดียวกับที่ประเทศไทยกำลังประสบอย่างหนักในช่วงนี้
นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า หรือกลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST) และเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน เปิดเผยว่า “ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2569 เป็นต้นไป รัฐบาลอังกฤษมีแผนจะเริ่มเก็บภาษีใหม่จากบุหรี่ไฟฟ้า และเพิ่มอัตราภาษียาสูบ โดยคาดว่าภาษีสรรพสามิตสำหรับบุหรี่ไฟฟ้าจะอยู่ที่ 120 ล้านปอนด์ (ราว 5,469 ล้านบาท) ในปี 2569 ถึงปี 2570 และเพิ่มขึ้นเป็น 445 ล้านปอนด์ (ราว 20,282 ล้านบาท) ในปี 2571 ถึงปี 2572”
นอกจากนี้ Deborah Arnott หัวหน้าผู้บริหารของ Action on Smoking and Health หรือ ASH ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่รณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ได้กล่าวว่า “การเก็บภาษีสรรพสามิตจากบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเครื่องมือสำคัญของหน่วยจัดเก็บรายได้และกองกำลังป้องกันชายแดนในการหยุดยั้งการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายที่ทะลักเข้าสู่ท้องตลาด เช่นเดียวกับกรณีของผลิตภัณฑ์ยาสูบ ที่การจัดเก็บภาษีช่วยลดการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายได้ถึงร้อยละ 80 ในช่วงปี 2543 ถึงปี 2564 โดยสามารถปรับขึ้นภาษีจากบุหรี่มวนได้ตราบใดที่บุหรี่ไฟฟ้ายังคงมีราคาถูกกว่าบุหรี่มวน เพื่อสนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อช่วยเลิกบุหรี่และเปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทน ซึ่งนับเป็นวิธีช่วยเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างถูกกฎหมายเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน”
นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายฯ อีกราย ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าของประเทศไทยเพิ่มเติมว่า “การประกาศจัดเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้าแบบใหม่ของอังกฤษในครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าด้วยกฎหมายและมาตรการที่มีความชัดเจนแทนการแบน สามารถช่วยควบคุมการทะลักของบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนได้ ขณะที่เม็ดเงินภาษีมหาศาลที่จัดเก็บได้ก็จะถูกนำไปต่อยอดสร้างประโยชน์ให้แก่พี่น้องประชาชนได้อีก”
“นับตั้งแต่มาตรการแบนบุหรี่ไฟฟ้าถูกบังคับใช้เมื่อราวสิบปีก่อน บุหรี่ไฟฟ้ากลับไม่ได้หายไปจากสังคมไทย แต่ไปอยู่ในรูปแบบของบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนที่ทะลักเข้าสู่ประเทศไทยผ่านตลาดใต้ดิน และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะไม่กี่ปีให้หลังมานี้จากข้อมูลการส่งออกของทางการจีนพบว่ามีการส่งออกมายังไทยมากกว่า 1,500 ล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่ามาตรการแบนนั้นไม่สามารถปิดกั้นบุหรี่ไฟฟ้าได้ นอกจากนี้ยังทำให้ประเทศต้องสูญเสียโอกาสในการจัดเก็บรายได้ภาษีจำนวนมหาศาล รวมถึงโอกาสที่จะควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้พ้นมือเด็กและเยาวชนอีกด้วย”
“แม้การไม่สูบและไม่ใช้ทั้งบุหรี่มวนและบุหรี่ไฟฟ้านั้นถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดต่อสุขภาพ แต่ความพยายามของรัฐบาลอังกฤษที่ต้องการคงราคาบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกว่าบุหรี่มวน เพื่อสร้างแรงจูงใจด้านการเงินให้ผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทนการสูบบุหรี่มวนนั้น เป็นแนวคิดที่สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับความจริงและความพยายามที่จะสร้างประโยชน์ด้านสาธารณสุขในภาพรวมให้แก่ประชาชนเพราะสิ่งที่อันตรายน้อยกว่า ก็ควรถูกเก็บภาษีในอัตราที่น้อยกว่า เพื่อให้มีราคาที่ถูกกว่า และจูงใจให้ผู้สูบบุหรี่เลือกใช้มากกว่า” นายอาสากล่าวทิ้งท้าย
Source: ASH comment on Budget decisions on tobacco and vaping - ASH