xs
xsm
sm
md
lg

หมูเถื่อนเจอตอ ... ฤา “เหยื่อ” ต้องทำใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โดย วลัญช์ ศรัทธา

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า “สินค้าราคาถูกที่ทะลักเข้าไทยมากมาย ทั้งที่ถูกกฎหมาย และผิดกฎหมายในลักษณะลักลอบนำเข้า และสำแดงเท็จ คล้ายกรณีสินค้า “หมูเถื่อน” ที่สำแดงเป็นอาหารทะเล ทำให้การตรวจสอบและควบคุมมาตรฐานสินค้าเป็นไปได้ยาก ซึ่งถ้ามาตรการควบคุมดูแลของประเทศไทยดีจะไม่กระทบภาคการผลิตของประเทศขนาดนี้ แต่เวลานี้ SME หลายรายต้องปิดตัว จึงเป็นเรื่องที่ภาคเอกชนกับภาครัฐต้องมาร่วมกันหาทางแก้ไขอย่างจริงจังก่อนที่จะสายเกินไป”

นับเป็นมุมมองที่สะท้อนว่า ถึงเวลาจำเป็นอย่างยิ่งแล้วที่ประเทศไทยต้องดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการควบคุมดูแลการนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าผิดกฎหมายทุกชนิด เพราะมันกระทบภาคการผลิตและเศรษฐกิจของประเทศอย่างประเมินค่าไม่ได้ แต่เมื่อหันมามองคดีหมูเถื่อนที่ยืดเยื้อมากว่า 2 ปี ก็สะท้อนใจว่า มาตรการดีๆ ที่ประธาน ส.อ.ท.พูดถึงจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ขนาดคดีดังอย่างหมูเถื่อนยังเจอ “ตอ” จนต้องสะดุดหยุดเดินหน้า และปล่อยให้เงียบหายไปกับสายลม

ฤา “เหยื่อ” อย่างคนเลี้ยงหมูไทย ต้องทำใจยอมรับความผิดหวังที่ไม่สามารถ จับกุม “ผู้บงการ” หมูเถื่อนได้ เพียงเพราะอิทธิพลระดับนักการเมืองมีเพาเวอร์มากพอที่จะทำให้ดำกลายเป็นขาว ผิดกลายเป็นถูก และไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหายมูลค่าหมื่นล้านของเศรษฐกิจชาติเลยแม้แต่น้อย

เรื่องราวของหมูเถื่อนถูกพูดถึงน้อยลง และค่อยๆ เจือจางจนเหมือนหายไป นับเป็นประโยชน์ต่อพวกมิจฉาชีพยิ่งนัก เสียงเรียกร้องของคนเลี้ยงหมูคงแผ่วเบาเสียจนผู้รักษากฎหมายไม่ได้ยิน ล่าสุด ที่เกษตรกรออกมาถามหาผลการตรวจสอบท่าเรือคลองเตยซึ่งพบตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็นตกค้างอีกหลายตู้ก็ “ไม่มีสัญญาณตอบรับ” ใดๆ จากการท่าเรือ หรือกรมศุลกากร ยิ่งทำให้คนเลี้ยงหมู “หมดใจ”

หากเกษตรกรต้องทำใจยอมรับว่า “ผู้ร้าย” คงลอยนวลเป็นแน่ อย่างน้อยก็ขอให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ สร้างรูปแบบการบริหารจัดการและป้องกันของเถื่อนเสียใหม่ อย่าให้เกิดเหตุการณ์ “หมูเถื่อน” เกิดขึ้นมาซ้ำรอยอีกในอนาคต ก็อาจจะยังพอต่อความมั่นใจให้เกษตรกรไทยประกอบอาชีพนี้ต่อไป

อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงมาตรการดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง ที่กำกับดูแลกรมศุลกากร ซึ่งเป็นด่านหน้าที่ต้องเปลี่ยนรูปแบบการตรวจสอบสินค้าเข้าประเทศให้เข้มข้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ดูแลกรมปศุสัตว์และกรมประมงที่ต้องมีสายตาสับปะรด รู้เท่าทันปริมาณผลผลิตในประเทศเชื่อมโยงถึงปริมาณสินค้าที่ลักลอบ หรือแม้แต่ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในที่ต้องกำกับการค้าขายเนื้อหมู ต้องจับสังเกตได้ถึงราคาที่ตกต่ำจากปริมาณเนื้อหมูที่มากเกินจริงและต้องส่งสัญญาณอันตรายไปยังหน่วยงานต้นน้ำ รวมถึงเร่งตรวจสอบห้องเย็นห้างร้านที่อาจวางจำหน่ายของเถื่อน ตลอดจนกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องเข้มบังคับใช้กฎหมาย หรือแม้แต่กระทรวงยุติธรรม ที่กำกับดูแล DSI หรือหน่วยงานที่พร้อมจัดการเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมือง ก็ต้องเข้มแข็งเด็ดขาดเช่นกัน ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐทำงานกันเป็นเครือข่ายใยแมงมุมเช่นนี้ ก็น่าจะปกป้องคนไทยให้ปลอดภัยจากการถูก “ของเถื่อน” รุกรานได้... เศรษฐกิจไทยจะไม่ชอกช้ำดังที่กำลังเกิดขึ้น

หรือสิ่งที่ขอนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น ... เหมือน “ของเถื่อน” และ “คอร์รัปชัน” ที่ไม่มีทางหมดไป


กำลังโหลดความคิดเห็น