ผอ.นิด้าโพลชี้ "ทักษิณ" เลิกเหนียมอาย เคลื่อนไหวหวังดึงคะแนนเสียงกลับจากกลุ่มคนอายุ 46-60 ปี ซึ่งที่ผ่านมาสูสีก้าวไกล พอจะช่วงชิงมาได้ ส่วนอีกทางส่ง "อุ๊งอิ๊ง" ปั่นซอฟต์เพาเวอร์ หวังเข้าตาคนรุ่นใหม่
วันที่ 4 เม.ย. 2567 ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผอ.ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล ให้สัมภาษณ์ในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "รัฐบาลเพื่อใคร อนาคตสดใส คนไทยระทม?"
ผศ.ดร.สุวิชากล่าวในช่วงหนึ่งว่า กลยุทธ์เพื่อไทยตอนนี้มีสองขา ขาแรกคือ นายทักษิณ ไม่สนใจแล้วใครมองป่วยทิพย์ คนไม่ชอบก็ไม่เลือกอยู่ดี ไม่จำเป็นต้องเหนียมอายแล้ว แล้วคิดว่าถ้ารัฐบาลมีผลงานดี คนจะลืมไปเอง
ที่ทักษิณเคลื่อนไหว ไม่ได้จะเอาคะแนนใหม่ แต่กลับมาเอาแฟนคลับเดิม เอาคะแนนเก่ากลับมา จากกลุ่มคนที่อายุ 46-60 ปี จากโพลที่ออกมาเพื่อไทยชนะก้าวไกลกลุ่มเดียว คือกลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไป นอกนั้นแพ้หมดเลย ส่วน 46-60 ปี พอสูสีที่จะช่วงชิงกลับมาได้ จากโครงสร้างประชากร เด็ก 12-25 ปี มีแค่ 12 เปอร์เซ็นต์ ส่วน 26-35 ปี มีแค่ 29 เปอร์เซ็นต์เอง ส่วน 46-60 รวมกันประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เขาถึงโหมไปที่กลุ่มนี้เพื่อเอาคะแนนคืนมา
โพลก้าวไกลนำเพราะเด็กเทคะแนนรวมกัน ตั้งแต่อายุ 18-35 ส่วนคนอายุมากคะแนนกระจาย ทักษิณเลยต้องการรวมศูนย์คนอายุมากเพื่อเอาคะแนนคืนมา
ส่วนขาที่สอง ก็อาศัยอุ๊งอิ๊ง ในฐานะคนรุ่นใหม่ ปั่นเรื่องซอฟต์เพาเวอร์ ขึ้นกับว่าอุ๊งอิ๊งจะเข้าตาคนรุ่นใหม่ได้อย่างไร
ผศ.ดร.สุวิชายังกล่าวถึงแนวโน้มพรรคก้าวไกลถูกยุบว่า ยุบครั้งนี้มีแต่เสีย ไม่ใช่ยิ่งยุบยิ่งโต พรรคเล็กลงแน่นอน ต้องมีคนย้ายพรรค กรรมการบริหารหายไป 10 คน ส.ส.ไหลอออกมีแน่ การต่อสู้การเมืองในสภาก็จะลำบากมากขึ้น ถ้ามันเล็กลงกว่านี้ เหลือ 90 เสียง ประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลแน่นอน เพราะตรงความประสงค์เพื่อไทย ทำให้ฝ่ายค้านอ่อนแอไม่สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้
ที่สำคัญ เลือกตั้งครั้งหน้า ก้าวไกลใครจะเป็นผู้นำแถวสาม ขนาดพิธาเริ่มต้นคะแนนความนิยมก็ไม่ได้มาก เพิ่งมาพุ่งสูงช่วงก่อนเลือกตั้ง ใครคือหัวหน้าพรรค ค่อนข้างมีความสำคัญมากต่อการดึงคะแนนของก้าวไกล