เมื่อวันที่ 27 มี.ค. สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยชี้แจงกรณีปรากฏเป็นข้อมูลในเพจเฟซบุ๊ก อุปนายก ว. สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยรับเงิน
นายจีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง เลขาธิการและโฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีบุคคลโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 มี.ค. 2567 ระบุว่า
"สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ ที่ออกมาโต้ตอบ ผมถามคำเดียว ว่าคุณได้ถาม "คนใน" คุณหรือยัง ว่าได้รับเงินใครไหม ผมใบ้ตัวย่อให้นะ ตำแหน่ง อุปนายก ชื่อ ว. เอาเลขบัญชีด้วยไหม ธนาคารกสิกรไทย 758xxxxxx" พร้อมกับระบุข้อความเพิ่มเติมในช่องแสดงความคิดเห็นว่า "ผมจัดเต็มอยู่แล้วครับ เพียงแต่ผมเป็นทนาย ผมก็ต้องระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลในระดับที่พอดี กับการไม่ถูกฟ้อง
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยยืนยันไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับเจ้าของโพสต์ดังกล่าว พร้อมกับตรวจสอบข้อมูลตามที่โพสต์ใน 2 ประเด็น ดังนี้
1. รายชื่อกรรมการบริหารชุดปัจจุบัน (พ.ศ. 2567-2569) ที่เริ่มทำงานเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา พบว่ามีกรรมการบริหารที่ชื่อจริงขึ้นต้น ว. มี 4 คน คือ 1. นายวัฒนะชัย ยะนินทร อุปนายกฝ่ายสวัสดิการและสมาชิกสัมพันธ์ จาก manager online 2. นายวีรพจน์ อินทรพันธ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ 3. นายวรพล เพชรสุทธิ์ นายทะเบียน จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และ 4. นายวิษณุ นุ่นทอง กรรมการฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ จาก The Better
จากการตรวจสอบภายในทั้ง 4 ท่านที่เป็นกรรมการบริหารยืนยันในความบริสุทธิ์ พร้อมให้ตรวจสอบ ไม่ได้รับเงินและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด พร้อมเรียกร้องให้ผู้โพสต์เปิดเผยชื่อ-นามสกุล ของบุคคลที่กล่าวอ้างตัวย่อ ว. เพื่อความชัดเจนและร่วมกันตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไป
2. กรณีระบุเลขบัญชี "ธนาคารกสิกรไทย 758xxxxxx" จากการตรวจสอบจากฝ่ายบัญชีสมาคมฯ ยืนยันสมาคมฯ ไม่ได้ใช้บัญชีธนาคารกสิกรไทย ใช้เพียงบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่เปิดด้วยชื่อบัญชี สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเท่านั้น และนโยบายธุรกรรมการเงินทั้งจากการจ่ายค่าบำรุงสมาชิก รวมทั้งการบริจาคสนับสนุนจากองค์กรหน่วยงานต่างๆ ไม่รับเงินสด รับเพียงเช็คเงินสด การโอนผ่านระบบธนาคาร และมีการออกใบกำกับภาษีใบเสร็จรับเงินทุกรายการ สามารถตรวจสอบงบดุลได้ที่หน้าเว็บไซต์สมาคมฯ ที่ www.tja.or.th
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยพร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบจากทุกฝ่าย เพื่อความโปร่งใสในวิชาชีพสื่อมวลชน
