อดีตรองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ชี้ภาพยนตร์ Animation 2475 ไม่มีข้อมูลไหนเป็นเท็จ แต่ยอมรับทำให้ภาพของอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ออกไปในทางลบ เชื่อเจตนาขณะนั้นต้องการให้ประเทศดีขึ้น คาดว่าเลี่ยงไม่ได้ที่จะจัดสร้างภาค 2 มีคนเสนอตัวสนับสนุนมากมาย และมีกระแสบวกลบเป็นเรื่องธรรมดา อย่าเพิ่งถอดใจ
วันนี้ (24 มี.ค.) รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "(พาดหัวข่าว) "ทายาทปรีดีโต้หนัง 2475 เปรียบตัวเองฝ่ายธรรมะ ถูกฝ่ายอธรรมโจมตีอภิวัฒน์สยาม" เป็นการพาดหัวข่าวของสำนักข่าวออนไลน์สำนักหนึ่ง และในเนื้อข่าวส่วนหนึ่งมีข้อความว่า "รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมามีการส่งต่อจดหมายที่ระบุว่า น.ส.สุดา พนมยงค์ และนางดุษฎี พนมยงค์ บุญทัศนกุล ทายาทหลวงประดิษฐ์มนูธรรม หรือนายปรีดี พนมยงค์ โพสต์จดหมายระบุว่า ข้อคิดเห็นบางประการเรื่องที่ฝ่ายอธรรมปลุกกระแส โดยสร้างและเผยแพร่ภาพยนตร์ 2475 อยู่ในขณะนี้..."
เนื้อความของจดหมายฉบับนี้คงได้เห็นหรือได้ฟังกันทั่วไปแล้ว สำนักข่าวส่วนใหญ่ก็จะเสนอข่าวในลักษณะนี้ ทำให้คนเข้าใจว่าทายาททั้งสองของ อ.ปรีดีเป็นผู้โพสต์เผยแพร่ ทั้งยังไม่ต้องพูดถึงว่า จดหมายฉบับนี้เป็นของทายาท อ.ปรีดีจริงหรือไม่ เพราะแม้แต่คุณวิวัธน์ จิโรจน์กุล ผู้สร้างและผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้กล่าวในรายการของแนวหน้าออนไลน์ว่า ยังไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นจดหมายของทายาท อ.ปรีดีจริงๆ เพราะในเพจของสถาบันปรีดีฯ ก็ไม่มีการโพสต์อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
อย่างไรก็ตาม หากสนใจติดตามเรื่องนี้สักหน่อยก็จะพบว่าจดหมายฉบับนี้คุณพิภพ ธงไชย เป็นผู้โพสต์บนเพจของตัวท่านเอง ก็ไม่ทราบว่าท่านมีจุดมุ่งหมายอะไร และได้รับจดหมายฉบับนี้มาอย่างไร แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครออกมาปฏิเสธว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่จดหมายของทายาทของ อ.ปรีดีจริงๆ ก็น่าจะอนุมานได้ว่าน่าจะเป็นจดหมายจริง เพียงแต่เป็นจดหมายที่ส่งให้กันภายในสถาบันปรีดีฯ ไม่ได้ต้องการเผยแพร่สู่สาธารณะแต่อย่างใด
จะอย่างไรก็ตามก็ต้องยอมรับว่า ภาพยนตร์ Animation 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ เป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอมุมมองที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรับรู้ และไม่มีอยู่ในบทเรียนที่เรียนกันในโรงแรียนต่างๆ แม้มุมมองนี้จะมีผู้นำเสนอในรูปแบบต่างๆ หลายรูปแบบ เช่นรูปแบบวิดีโอสารคดีและหนังสือ แต่คนที่ได้ดูได้เห็นก็มีเฉพาะผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์การเมืองไทยเท่านั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ทราบว่าไม่ได้ต้องการจะฉายในโรงภาพยนตร์ ต้องการเผยแพร่ใน Social Media เท่านั้น แต่จะด้วยการตั้งใจหรือไม่ก็ตาม การเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์เซ็นจูรี่เพียงรอบเดียว และเชิญบรรดาผู้มีชื่อเสียง และ Influencers มาชม หลังจากได้ชมแล้วก็ออกมาวิจารณ์ในเชิงบวกกันเป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นข่าวที่สื่อต่างๆ ทั้งสองฝั่งนำเสนอกันแทบทุกสำนัก มีทั้งบวกและลบแตกต่างกันไป แต่ก็ทำให้ภาพยนตร์ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ โด่งดังเป็นพลุ ได้รับการสนใจในวงกว้างมากกว่าภาพยนตร์สารคดีอื่นๆ และเป็นที่กล่าวขวัญถึงในทุกวงการอยู่ในขณะนี้
เนื้อหาของภาพยนตร์ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ อาจกล่าวได้ว่าไม่มีส่วนใดที่เป็นข้อมูลที่เป็นเท็จ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้บทบาทของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม หรือ อ.ปรีดี พนมยงค์ บุคคลสำคัญฝ่ายพลเรือนของคณะราษฎรดูด้อยลง กระทั่งออกไปในทางลบ ซึ่งขัดต่อความรู้สึกของทายาท และผู้ที่ให้ความเคารพเชิดชู อ.ปรีดี เช่น ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จำนวนมาก ทั้งยังนำเสนอไปในทำนองว่าการยึดอำนาจเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎร เป็นความผิดพลาด จึงเป็นการยากเกินกว่าที่บุคคลกลุ่มนี้จะยอมรับได้
สำหรับผมเอง ที่เคยเรียนตั้งแต่เด็กก็รู้เพียงว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎรในปี 2475 จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานรัฐธรรมนูญให้ โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทยชื่อ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ภายหลังพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงรับการรักษาพระเนตรที่ประเทศอังกฤษ และทรงสละราชสมบัติในเวลาต่อมา
เรารู้เพียงเท่านี้ เรื่องที่พระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว มารู้เอาเมื่อเรียนอยู่ต่างประเทศจากนักศึกษาไทยรุ่นพี่ที่กำลังเรียนปริญญาโทอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกันเป็นผู้เล่าให้ฟัง รวมทั้งเรื่องเค้าโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ หรือสมุดปกเหลือง อันล้ำสมัยของ อ.ปรีดี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงไม่เห็นด้วย เนื่องจากทรงเห็นว่าเหมือนของรัสเซีย และสมุดปกเหลืองนี้ก็เป็นสาเหตุหลักของความแตกแยกขัดแย้งระหว่างแกนนำในคณะราษฎรเอง
ต่อมาเมื่อเรียนจบกลับมาเป็นอาจารย์แล้ว แม้จะสอนวิชาที่เกี่ยวกับบริหารธุรกิจ แต่ก็มีความสนใจและได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองไทยไม่น้อย จึงได้รู้เรื่องต่างๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น การร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรฉบับแรก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีส่วนร่วม และพระราชทานข้อคิดเห็นอย่างสำคัญ แสดงว่าพระองค์มีความสนพระทัยเรื่องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และก็ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญให้ในวันที่ 10 ธันวาคม 2475
สิ่งที่ได้เรียนรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนยังมีอีกมากมาย เช่น มีการทำรัฐประหารครั้งแรกหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่เรียกว่า “รัฐประหารเงียบ” โดยพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายทหารของคณะราษฎร ในวันที่ 20 มิถุนายน 2476 บังคับให้พระยามโนปกรณ์ฯ ลาออก และพันเอก พระยาพหลฯ ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของประเทศไทย และพระยามโนปกรณ์ฯ นายกรัฐมนตรีคนแรกต้องลี้ภัยออกไปอยู่ปีนัง และไม่ได้กลับประเทศไทยได้อีกเลยจนถึงแก่อนิจกรรม และนั่นไม่ใช่การทำรัฐประหารครั้งแรก แสดงให้เห็นว่ามีการแย่งชิงอำนาจกันระหว่างคณะราษฎรด้วยกัน แทบไม่แตกต่างกับการชิงอำนาจกันในยุคปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังได้รู้ว่าหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ก็มีเจ้านายชั้นสูงหลายพระองค์ต้องเสด็จลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ เช่น สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นต้น และได้เรียนรู้ถึงสาเหตุที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติ ซึ่งทรงตัดสินพระทัยในช่วงเวลาที่ประทับอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสาระสำคัญที่ภาพยนตร์เรื่อง 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติพยายามจะสื่อให้คนที่ยังไม่รู้ได้รับรู้ถึงความขมขื่นและการเสียสละของพระองค์
หากใครต้องการจะเรียนรู้เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ เพิ่มเติม ขอแนะนำให้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าที่ถนนหลานหลวง ยิ่งถ้าใครไม่เชื่อว่าพระองค์ได้ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญไว้แล้วก่อนการยึดอำนาจ ก็จะสามารถหาหลักฐานได้ที่นี่ โดยเฉพาะฉบับที่ให้พระยาศรีวิศาลวาจาและนาย Raymon B. Stevens ซึ่งเป็นชาวอเมริกันเป็นผู้ร่าง
แม้ผมจะไม่ใช่ศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ แต่การได้ทำงานในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นเวลาถึง 34 ปี ย่อมต้องได้ยินได้ฟัง และซึมซับเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงประดิษฐ์มนูธรรม หรือ อ.ปรีดีพนมยงค์มาไม่น้อย ผมจึงเชื่อว่า การตัดสินใจก่อการของท่าน เป็นการตัดสินใจด้วยความปรารถนาที่จะทำให้ประเทศดีขึ้นจริงๆ แต่ผมคงไม่สามารถจะบอกได้ว่าหากไม่มีการยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 และรอให้พระราชทานรัฐธรรมนูญลงมา ประเทศไทยในปัจจุบันจะดีกว่านี้หรือไม่ ซึ่งตามบันทีกของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีระบุว่า อ.ปรีดีเองก็ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญเตรียมไว้แล้ว
คาดว่าคณะผู้สร้างภาพยนตร์ Animation 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่จะต้องสร้างภาพยนตร์ภาค 2 ต่อจากนี้ เพราะครั้งนี้จะมีคนเสนอตัวสนับสนุนช่วยเหลือมากมาย ไม่ยากลำบากเหมือนเรื่องแรก และยังจะมีคนรอชมเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันก็คงต้องมีคนวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในทางบวกและในทางลบซึ่งก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา
อย่าเพิ่งถอดใจนะครับ"