นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เผยสาเหตุของกลิ่นเหม็นไหม้ทั่วกรุงเทพฯ เกิดจากจราจรที่หนาแน่น ควันเสียจากรถ พอมีฝนตกหนักทำให้เกิดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และทำปฏิกิริยากับน้ำทำให้เกิดกรดกลื่นกำมะถัน
จากกรณีที่เกิดกลิ่นเหม็นไหม้ในหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล มาตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมาหลังเกิดฝนฟ้าคะนอง โดยมีลักษณะกลิ่นเหม็นไหม้คล้ายควันไฟ อีกทั้งเมื่อตรวจสอบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พบว่ามีค่าเป็นสีแดงในหลายพื้นที่ มีผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ ก่อนที่จะค่อยๆ กลับมาเป็นสีส้มและสีเหลืองในเช้าวันนี้
นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ให้สัมภาษณ์แก่สถานีวิทยุ จส.100 อธิบายสาเหตุของกลิ่นเหม็นไหม้ดังกล่าวว่า กรุงเทพฯ และจังหวัดนนทบุรี มีค่าฝุ่นในอากาศปริมาณสูง ซึ่งเกิดจากการจราจรที่หนาแน่น ควันเสียจากรถ ประกอบกับมีอากาศร้อนจัดติดกันหลายวัน พอมีฝนตกหนัก ทำให้เกิดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Sulfur dioxide หรือ SO2) ซึ่งเป็นก๊าซที่มีกลิ่นรุนแรงเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง
เมื่อไปรวมกับน้ำฝน ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี กลายเป็นกรดซัลฟิวริก (กลิ่นกำมะถัน) ทำให้มีกลิ่นเหม็นไหม้กระจายไปทั่ว แต่กลิ่นดังกล่าวไม่มีผลต่อร่างกาย เพราะเกิดการเจือจางไปแล้ว แต่ที่ยังมีกลิ่นอยู่เนื่องจากหลังจากฝนตกหนักแล้ว ลมไม่ค่อยแรง ลมนิ่ง ทำให้อากาศไม่ถูกพัดไปไหน กลิ่นยังคงอยู่ ซึ่งถ้ามีลมแรงกว่านี้ก็จะช่วยให้กลิ่นเหม็นไหม้หายไปได้