แตงโม เป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดแถบทะเลทรายในอาฟริกา แม้จะกำเนิดในถิ่นขาดน้ำ แต่กลับเป็นผลไม้ฉ่ำน้ำ มีน้ำถึง ๙๑ เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งซึ่งเป็นที่โปรดปรานของคนไทยคนเมืองร้อน มีรสหวานชื่นใจ แก้กระหายน้ำได้อย่างดี อีกทั้งยังนำมาประยุกต์เข้ากับอาหารคาว ตามสไตล์ของคนไทยที่ใช้ผลไม้เป็นกับข้าวอีกหลายชนิด
ตำรับอาหารไทยที่ใช้แตงโมนี้ คนสมัยนี้อาจจะไม่ค่อยรู้จัก แต่ในสมัยก่อนตำรับนี้เป็นที่ขึ้นหน้าขึ้นตาอย่างหนึ่งของอาหารชาววัง กล่าวกันว่ามีมาแต่กรุงศรีอยุธยา เรียกกันว่า “ปลาแห้งแตงอุลิด” คำว่า “อุลิด” เป็นคำสุภาพที่ใช้เรียกแตงโม ในปี ๒๓๕๒ สมัยสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ มีงานฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดารามในสมัยรัชกาลที่ ๑ มีจดหมายเหตุบันทึกว่า อาหารที่ถวายพระวันละ ๒,๐๐๐ รูปในงานนั้น มี “แตงโมปลาแห้งแตงอุลิด” รวมอยู่ด้วย
อาหารตำรับนี้คือนำปลาช่อนแห้ง ที่มีติดครัวอยู่เป็นประจำในสมัยนั้น เอามาย่างแล้วแกะเอาแต่เนื้อ ส่วนหนังและก้างไม่เอา จากนั้นก็โขลกให้ละเอียด นำไปคั่วจนได้กลิ่นหอม จึงใส่น้ำตาลทรายและหอมเจียวลงไป แค่นี้ก็ตักไปคลุกข้าวเปิบได้แล้ว
แต่เมนูนี้ดูจะฝืดคอไปหน่อย จึงปอกหรือตักเอาเนื้อแตงโมเป็นก้อนๆมาเป็นเครื่องเคียง ใส่ปากตามข้าวกับปลาแห้งผัด ก็จะหายฝืดคอ กลับชุ่มฉ่ำชื่นใจ เจริญอาหาร
แตงโมมาได้รับความสนใจอย่างมากอีกครั้งในราวปี ๒๔๖๐ เมื่อ ม.จ.สิทธิพร กฤดากร เจ้าของคำขวัญ “เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง” ได้สละชีวิตข้าราชการชั้นสูงไปบุกเบิกที่ดินห่างไกลชายทะเลตำบลบางเบิด อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำฟาร์ม นำสิ่งใหม่ๆที่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันในเมืองไทยหลายอย่างมาริเริ่ม เป็นผลให้แพร่หลายมาถึงปัจจุบัน อย่างเช่นการเลี้ยงไก่ไข่ นำไก่พันธุ์เล็คฮอร์นมาเลี้ยง นำยาสูบพันธุ์เวอร์ยิเนีย มาปลูกในเขตร้อนได้สำเร็จ รวมทั้งเอาแตงโมพันธุ์ “วัตสัน” ของอเมริกามาปลูก มีชื่อเสียงโด่งดังในชื่อ “แตงโมบางเบิด” นอกจากจะมาโด่งดังในกรุงเทพฯแล้ว ยังส่งไปขายถึงปีนังและมลายูด้วย
ที่เรากินแตงโมกันนั้น เราจะกินเฉพาะเนื้อสีแดงที่หวานฉ่ำ ในเนื้อแตงโมนั้นมีสารที่เป็นคุณประโยชน์แก่ร่างกายอยู่มาก เช่น คาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โพแทสเซียม วิตามินเอ เบต้าแคโรทีน เป็นต้น มีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคหอบหืด บำรุงสมอง บำรุงระบบประสาท ช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อ และยังช่วยบำรุงผิวบำรุงเส้นผมอีกด้วย สีแดงของแตงโมนั้นอุดมไปด้วยสารไลโคปีน ซึ่งพบในผลไม้สีแดงทั่วไป มีงานวิจัยพบว่าเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยยับยั้งการเกิดมะเร็งได้ถึง ๓๔ เปอร์เซ็นต์
ส่วนเนื้อสีขาวติดเปลือกแตงโมซึ่งปอกทิ้งกันไปนั้น ถ้ารู้ถึงคุณค่าแล้วคงไม่โยนทิ้งกันแน่ เพราะมีความมหัศจรรย์อย่างคิดไม่ถึงทีเดียว
เนื้อสีขาวของแตงโมขนาดประมาณ ๑ ลูกบาตรนิ้ว ให้พลังานเพียง ๑.๘ กิโลแคลอรีเท่านั้น แต่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ทำให้อิ่มได้นาน ช่วยควบคุมน้ำหนักในทางอ้อมแล้วยังอุดมไปด้วยกรดอมิโน ช่วยระบายท้องและย่อยอาหาร เป็นการช่วยลดน้ำหนัก ทั้งสามารถเพิ่มพลังในการอกกำลังกาย ถ้ารับประทานก่อนออกกำลังกาย จะช่วยลดอาการปวดของกล้ามเนื้อ แต่ถ้ารับประทานหลังออกกำลังกาย จะช่วยคลายอาการเจ็บปวด และยังช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
นอกจากนั้น ในเนื้อสีขาวนี้ยังมีคุณสมบัติเป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยขจัดปัญหาทางเดินปัสสาวะ กำจัดน้ำส่วนเกินในกระแสเลือด ช่วยลดความดันเลือด
ที่มหัศจรรย์อย่างคาดไม่ถึงก็คือ ในเนื้อสีขาวของแตงโม มีกรดอะมิโน “ซิทรูลิน” (Citrulline) สูงมาก ซึ่งกรดอะมิโนตัวนี้มีคุณสมบัติช่วยขยายหลอดเลือด ควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ ลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจ และยังเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆของร่างกาย รวมทั้งอวัยวะเพศชาย ทำให้แข็งตัวได้นานขึ้น ซึ่งเป็นคุณสมบัติเดียวกับยา “ไวอากร้า” ซึ่งช่วยขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศชาย ทำให้แข็งตัวอยู่ได้ ๓๐ นาทีหลังกินยา ๑ ชม. แต่ไม่ได้ช่วยกระตุ้นให้เกิดอารมณ์เพศแต่อย่างใด ถ้าไม่มีอารมณ์เพศกินเข้าถึงแข็งตัวก็ไร้ประโยชน์ซึ่งคุณสมบัตินี้มีอยู่ในเนื้อสีขาวของแตงโมเช่นกัน
รศ. นพ. อนุพันธ์ ตันติวงศ์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล เขียนไว้ใน “เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ” ว่า ยาไวอากร้าใช้เฉพาะชายที่มีปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศเท่านั้น แต่ไม่ได้ช่วยให้พลังทางเพศสูงขึ้นแต่อย่างไร และช่วยได้แค่ ๗ คนใน ๑๐ คน ไม่ได้ช่วยได้ทุกคน อีกทั้งต้องใช้ให้ถูกวิธี เพราะมีอันตรายถึงตายได้ คนที่กินยากลุ่มไนเตรต เช่น ไอซอดิล ไนโตรกลีเซอลีน ห้ามใช้ยานี้เด็ดขาด กินครั้งละ ๑ เม็ด ประมาณ ๑ ชั่วโมงก่อนมีเพศสัมพันธ์ ยาจะออกฤทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อมีการกระตุ้นทางเพศเท่านั้น และจะใช้งานได้นานประมาณ ๓๐ นาที
แต่กินเนื้อสีขาวของแตงโมไม่แพงอย่างไวอากร้า ทั้งยังไม่มีผลข้างเคียงถึงตาย ขณะนี้มีการสกัดซิทรูลินจากเนื้อขาวจากแตงโม บรรจุแคปซูลออกมาขายแข่งกับไวอากร้าแล้ว
คนไทยสมัยก่อนคงไม่รู้คุณสมบัติของเนื้อขาวของโตโมในเรื่องนี้ แต่ก็ใช้เนื้อสีขาวของแตงโมเป็นอาหารมานานแล้ว โดยแกงส้มกับกุ้ง คนสมัยนี้ก็เอามาทำสลัดเหมือนกัน
แต่แตงโมเป็นพืชที่มีศัตรูมาก การปลูกแตงโมจึงมีการใช้ยาฆ่าแมลงอย่างหนัก ทำให้หลายคนแขยงไม่กล้ากินแตงโม หรือจะซื้อก็ต่อเมื่อไว้ใจในแหล่งที่มาเท่านั้น แต่การปลูกแตงโมไว้กินเองก็ไม่ใช่เรื่องยาก มีที่ให้เถาแตงโมเลื้อยราว ๒.๕ เมตร หรือปลูกในกระถาง แล้วปักค้างให้แตงโมเลื้อยขึ้น เมื่อแตงโมออกลูกต้องหาตาข่ายมารองรับน้ำหนักให้หน่อย เพราะลูกแตงโมหนักเกินเถาจะรับไหว ใช้เมล็ดที่ขายเป็นซองปลูก หรือแคะเอาเมล็ดจากแตงโมที่ซื้อมากินปลูกก็ยังได้ ใช้น้ำหมักยาฉุนหรือน้ำส้มควันไม้ฉีดป้องกันแมลงไว้หน่อย ๒ เดือนกว่าๆก็ได้กินแตงโมปลอดสารพิษแล้ว
ยุคนี้เทคโนโลยีทุกสาขาของโลกได้ก้าวไปไกลมาก มีงานวิจัยทำให้รู้ถึงคุณสมบัติของสิ่งต่างๆที่บรรพบุรุษของเราใช้มาโดยประสบการณ์ จนพบความมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในผักและผลไม้ที่เรากินอยู่ทุกวันอีกมาก สนใจติดตามวิทยาการกันไว้ จะได้บริโภคผักผลไม้ให้ถูกทางกับการส่งเสริมสุขภาพของเรา และอย่ามุ่งกินแต่เนื้อขาวของแตงโมอย่างเดียวล่ะ จะเสียสุขภาพ