GAC AION ผู้ผลิตรถยนต์ในเครือบริษัท กว่างโจว ออโตโมบิล กรุ๊ป หรือจีเอซี (Guangzhou Automobile Group) เพิ่งฉลองหลังทำสถิติยอดขาย 1,000,000 คัน (ภายในเวลา 4 ปี 8 เดือน) เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ด้วยระยะเวลาที่เร็วที่สุดในโลก
การเติบโตอย่างรวดเร็วและยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ AION คือผลลัพธ์ที่ GAC AION คิดค้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีเทคโนโลยีตัวชูโรงอย่าง แมกกาซีนแบตเตอรี่ (Magazine Battery) และแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้า AEP (AION Electric Platform) รวมถึงการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงระบบซัปพลายเชนและโรงงานผลิตรถยนต์อัจฉริยะระดับโลก ผนวกกับวิธีการผลิตของ GAC AION ที่นำมาซึ่งคุณภาพและประสิทธิภาพในระดับสูง
Guangzhou Automobile Group หรือ GAC (จีเอซี) เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทยานยนต์แบบครบวงจร โดยภายใต้ GAC Group มีแบรนด์รถยนต์ เช่น GAC AION แบรนด์รถไฟฟ้า 100%, GAC Trumpchi แบรนด์รถยนต์สันดาปและรถยนต์ Hybrid, รวมถึงยังมีการร่วมทุนกับแบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง GAC Toyota และ GAC Honda นอกจากนี้ ในเครือยังมีธุรกิจ R&D โรงงานผลิตและขายยานยนต์แบบครบวงจร ในปี 2022 GAC GROUP มีพนักงานมากกว่า 120,000 คน ทั้งซัปพลายเชนมากกว่า 800,000 คน มียอดการผลิตและการขายรถยนต์มากกว่า 2.4 ล้านคัน โดยมีรายได้มากกว่า 2.5 ล้านล้านบาท และถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 165 ในกลุ่ม Fortune Global 500 (เป็นการจัดอันดับบริษัทชั้นนำระดับโลกของนิตยสาร Fortune)
สำหรับ AION (ไอออน) เป็นแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่อยู่ในเครือ GAC Group โดย AION ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 มุ่งเน้นการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า 100% มีพนักงานมากกว่า 7,000 คน และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 120% ทุกปี และในปี 2023 นี้คาดว่าจะมีการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าได้ประมาณ 600,000 คัน ถือเป็นผู้เล่นอันดับต้นๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของโลก ปัจจุบัน AION มีรถยนต์ไฟฟ้า 2 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์ AION ซึ่งเน้นรถยนต์ไฟฟ้าระดับบัดเจ็ตที่จับต้องได้ง่ายและมีคุณภาพ และ Hyper แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับลักชัวรี ที่เน้นความหรูหราและเทคโนโลยี โดยทั้ง 2 แบรนด์ครอบคลุมทุกช่วงราคา ตั้งแต่หลักแสน ถึงหลักล้าน ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในทุกระดับ
ผู้นำในด้านแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และโรงไฟฟ้าพลังไฟฟ้า 100%
GAC AION ถือว่าเป็นผู้บุกเบิกโรงงานผลิตพลังงานสะอาดแห่งแรกในประเทศจีน และเป็นผู้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตด้วยเทคโนโลยี AI คุณภาพของตัวรถที่ดีเยี่ยม ระบบการผลิตที่ชาญฉลาด และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยข้อได้เปรียบ 4 ประการของ GAC AION คือ การใช้พลังงานอย่างครบวงจร, การผลิตเหล็กและอัลูมิเนียมที่สามารถยืดหยุ่นได้ การวางแผนแบบดิจิทัล และการกำหนดค่าแบบโต้ตอบ จนได้เป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกในด้านแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
GAC AION ได้สร้างโรงงานสีเขียวปลอดคาร์บอนจนสามารถลดการปล่อยคาร์บอนจนเหลือศูนย์ และได้สร้าง “Dark Factory” ซึ่งเป็นโรงงานที่ใช้พลังงานน้อยและจัดสรรกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยการนำเทคโนโลยีกว่า 100,000 แบบ รวมถึงเทคโนโลยีการผสมสีรถยนต์ถึง 25 รูปแบบนำมาประยุกต์ใช้ในโรงงาน โดยสายการผลิตของ GAC AION ใช้เวลาเพียง 53 วินาทีในการผลิตรถยนต์ 1 คัน ทำให้บรรลุเป้าหมายในด้านการวิจัย การผลิต การจัดส่ง และการขาย เพื่อการจัดสรรทรัพยากรที่คุ้มค่าที่สุดและเกิดความบกพร่องให้น้อยที่สุด
โรงงานเชิงนิเวศของ GAC AION เป็นโรงงานที่ได้รับรางวัลโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานไฟฟ้า 100% ระดับโลกเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับคัดเลือกจากเวที World Economic Forum และ McKinsey Consulting กลายเป็นผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและเป็นเทรนด์แห่งอนาคต
ประเทศไทยฐานส่งออกสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่นๆ
ปัจจุบัน GAC AION กำลังก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC จังหวัดระยอง ด้วยเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 2.3 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตมากกว่า 50,000 คันต่อปี โดยจะก่อสร้างเป็น 2 เฟส คาดว่าโครงการเฟสแรกจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2567
GAC AION วางกลยุทธ์ให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและฐานการวิจัยที่สำคัญ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และส่งออกไปยังภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ระดับโลกและความมุ่งมั่นในการขยายตลาด ในปี 2568 GAC AION วางแผนที่จะเข้าลงทุนในประเทศพม่า ลาว มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และมีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในไตรมาสแรกของปี 2567 อีกด้วย
AEP Platform ไม้เด็ดของ GAC AION
ในรถยนต์ไฟฟ้าหลายๆ รุ่นจะถูกสร้างขึ้นจากแพลตฟอร์มรถยนต์สันดาปที่ดัดแปลงให้สามารถติดตั้งชุดแบตเตอรี่ได้ แต่สำหรับ AION Y Plus จะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม AEP หรือ AION Electric Platform ที่ออกแบบมาเพื่อรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งแพลตฟอร์มที่ว่านี้มีข้อดีอยู่หลายประการ เช่น การกระจายน้ำหนักด้านหน้า-หลัง แบบ 50:50 ทำให้ตัวรถมีบาลานซ์ที่ดี ส่งผลให้มีฟีลลิ่งการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และยังสามารถติดตั้งชุดแบตเตอรี่ซ่อนไว้ในโครงสร้างแพลตฟอร์มได้อย่างเรียบเนียน ช่วยเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บเซลล์แบตเตอรี่ และยังลดโอกาสในการกระแทกได้มาก นอกจากนี้ยังทำให้รถที่ใช้ AEP Platform มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่มากกว่าเทียบกับรถแบรนด์อื่นๆ ในเซกเมนต์เดียวกัน โดย AEP Platform ของ GAC AION ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยทีมนักวิจัยถึง 200 ชีวิต ด้วยเวลานานถึง 30 เดือนและเงินลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท
มาตรฐานความปลอดภัยของ Magazine Battery
รถยนต์ไฟฟ้าของ GAC AION จะใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มีชื่อว่า Magazine Battery โดยทางแบรนด์เคลมว่าแบตเตอรี่นี้มี “ความปลอดภัยมากที่สุดในโลก” ผ่านการทดสอบโดยการใช้กระสุนปืนยิงทะลุแบตเตอรี่ ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางของรอยกระสุนที่ใหญ่กว่าการทดสอบแบบทั่วไปมากกว่า 7-8 เท่า ผลลัพธ์คือแบตเตอรี่ไม่มีการติดไฟหรือเกิดการระเบิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว และยังไม่เคยมีรถยนต์ไฟฟ้าของ AION เกิดเหตุการณ์ลุกไหม้แบตเตอรี่หรือเกิดการระเบิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ดีไซน์ที่โดดเด่น
แนวคิดการออกแบบ AION Y Plus 490 Premium ได้คำนึงถึงความสะดวกสบายและการใช้งานจริงเป็นหลัก ในขณะเดียวกันก็ได้รวมเอาความทันสมัย และฟังก์ชันการขับขี่อัจฉริยะเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร สำหรับจุดแข็งของรถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus 490 Premium ที่สำคัญคือ ระยะฐานล้อยาว 2,750 มิลลิเมตร ช่วยให้พื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่วางขาเบาะหลังที่ยาวถึง 1,020 มม. มากที่สุดในรถกลุ่มเดียวกัน
นอกจากนี้ ประตูรถยังเปิดได้กว้างสุดเกือบ 90 องศา ถือว่ามากที่สุดในรถกลุ่มเดียวกัน และขอบประตูราบเสมอพื้น ทำให้สามารถขึ้น-ลงรถได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุจะขึ้น-ลงรถสะดวก ซึ่งหากนั่งกัน 5 คนก็ไม่แออัด เรียกได้ว่าพาสมาชิกในครอบครัวครบทุกคนไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างสบายๆ
ขณะเดียวกัน เบาะด้านหน้ายังสามารถปรับให้แบนราบ เชื่อมต่อกับเบาะนั่งด้านหลังกลายเป็นเตียงขนาดใหญ่ สามารถนอนพักผ่อนได้สบายกว่าการนั่งทั่วไป และยังสามารถพับเบาะหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ ความจุรวม 1,200 ลิตรอีกด้วย
AION Y Plus 490 Premium รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่จาก GAC AIOIN ที่เปิดตัวในประเทศไทยไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา การันตีด้วยยอดจองจำนวน 4,568 คัน คิดเป็นอันดับสองของกลุ่มแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในงาน Motor Expo 2023 ซึ่งประสบความสำเร็จกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ด้วยราคาค่าตัวที่ 995,900 บาท มาพร้อมการอัปเกรดออปชันและฟีเจอร์ถึง 24 รายการ ทั้งภายในและภายนอก โดยภายนอกมาพร้อมกับระบบไฟสูงอัจฉริยะ พร้อมประตูฝาท้ายระบบไฟฟ้า และฟังก์ชัน V2L ภายในมีการเพิ่มระบบระบายอากาศ เบาะที่นั่งคนขับ เบาะผู้โดยสารตอนหน้าสามารถปรับได้ 4 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารสามารถปรับได้ตามจังหวะดนตรี เบาะหลังมีการติดตั้งพนักพิงศีรษะและที่วางแขนตรงกลาง รวมถึงระบบการขับขี่อัจฉริยะได้มีการอัปเกรดเพิ่มขึ้นถึง 12 รายการ ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะระดับ L2+ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ นอกจากนี้ยังได้แถมสาย Emergency Charging และสาย V2L ให้ลูกค้าที่ซื้อ AION Y Plus 490 Premium อีกด้วย
ปัจจุบัน AION ทำงานใกล้ชิดกับกลุ่มตัวแทนจำหน่ายหลายกลุ่มในประเทศไทย และภายในสิ้นปี 2567 นี้ AION มีแผนการที่จะสร้างศูนย์จำหน่ายและศูนย์บริการจำนวนกว่า 70 แห่งทั่วประเทศ และสร้างความมั่นใจในการบริการหลังการขาย ด้วยการจัดส่งอะไหล่ภายใน 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และสร้างความมั่นใจในการเดินทางสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า GAC AION ร่วมกับเครือข่าย ได้วางแผนสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จจำนวน 180 แห่งทั่วประเทศ