จับตา “วิษณุ วรัญญู” ได้ขึ้นเป็นประธานศาลปกครองสูงสุดคนใหม่หรือไม่ หลังจากคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองมีมติเห็นชอบ เหตุมีอาวุโสสูงสุด ส่งชื่อให้วุฒิสภารับรอง ล่าสุดอยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติก่อนลงมติ พบข้อสงสัยหลายประการ ทั้งความสนิทสนมกับเครือข่าย “สามนิ้ว” เคยเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ให้ภรรยา “ปิยบุตร” รวมทั้งเป็นประธานงานแต่ง ท่ามกลางกลุ่ม “ล้มเจ้า” เต็มงาน เคยโพสต์แขวะ “พล.อ.เปรม” อดีตประธานองคมนตรี และมีข้อสงสัยเรื่องประสิทธิภาพการทำหน้าที่หลายเรื่อง
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงการคัดเลือกประธานศาลปกครองสูงสุดคนใหม่ เพื่อเพื่อดำรงตำแหน่งแทนนายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ประธานศาลปกครองสูงสุดคนปัจจุบัน จะมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์และจะต้องพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 นี้
โดยคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง หรือ ก.ศป. ได้มีมติเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 เป็นเอกฉันท์เห็นชอบเลือก นายวิษณุวรัญญู รองประธานศาลปกครองสูงสุด อาวุโสอันดับหนึ่ง ให้ดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดคนใหม่ ต่อจากนายวรพจน์
ทั้งนี้นายวิษณุ ปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มก่อตั้งศาลปกครองเมื่อ วันที่ 9 มีนาคม 2544 ช่วงใกล้เคียงกับนายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ โดยทั้งสองต่างเป็นรุ่นพี่-รุ่นน้อง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยได้เป็นตุลาการศาลปกครองยุคแรก ๆ ในเวลาไล่เรี่ยกัน
หลังจาก ก.ศป.มีมติแล้ว สำนักงานศาลปกครองได้ส่งรายชื่อและประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงานของนายวิษณุวรัญญูไปให้วุฒิสภา เพื่อให้ลงมติว่าจะเห็นชอบให้นายวิษณุเป็นประธานศาลปกครองสูงสุดคนใหม่หรือไม่
ขั้นตอนในขณะนี้ อยู่ระหว่างการที่วุฒิสภา ดำเนินการตรวจสอบประวัติของนายวิษณุ วรัญญู โดยมีคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของนายวิษณุ วรัญญู มีระยะเวลาการดำเนินงาน 60 วัน คาดว่ากรรมาธิการฯ จะสรุปรายงานและนำเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภา เพื่อให้วุฒิสภาชุดปัจจุบันลงมติได้ทันก่อนปิดสมัยประชุมในวันที่ 9 เมษายน 2567 นี้
ส่วนชื่อของ นายวิษณุ จะผ่านหรือไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา ก็ต้องไปลุ้นผลการลงคะแนนที่เป็นการลงคะแนนลับต่อไป
หากมองแบบผิวเผิน ตามตัวหนังสือแล้ว ประวัติการศึกษาและประวัติการทำหน้าที่ในศาลปกครองของนายวิษณุ วรัญญู ก็สามารถที่จะเรียกได้ว่า โปร์ไฟล์โดดเด่น ไม่แพ้ นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด คนปัจจุบัน
โดยพบว่า ตอนนายวิษณุ สอบเข้าเรียนที่คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ก็ทำคะแนนได้สูงสุด จนได้รับพระราชทานรางวัลจากทุนภูมิพล ในปี 2518 และเมื่อจบการศึกษาคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ในปี 2522 ก็สอบคัดเลือกจนได้รับการบรรจุให้เป็นอาจารย์ที่ธรรมศาสตร์ในปีที่จบการศึกษาทันที
จากนั้นได้สอบชิงทุนของรัฐบาลฝรั่งเศส จนได้ทุนไปศึกษาต่อ ปริญญาโทและเอก ที่ฝรั่งเศส ในสาขากฎหมายมหาชน และเมื่อจบปริญญาเอกแล้วก็ได้ทุนของรัฐบาลฝรั่งเศส ไปศึกษาอบรมในหลักสูตรต่างๆ ที่ฝรั่งเศสมากมายนับไม่ถ้วน เมื่อกลับมาเป็นอาจารย์ที่ธรรมศาสตร์ ได้รับการยอมรับว่าคือหนึ่งในกูรูด้านกฎหมายมหาชนของประเทศไทยอันดับต้น ๆ คนหนึ่ง
แต่หลังจากสอนที่ธรรมศาสตร์มาร่วม 22 ปี คือตั้งแต่ ปี 2522-2544 จนได้เป็นรองศาสตราจารย์ระดับ 9 ของคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เมื่อมีการเปิดศาลปกครองในประเทศไทย นายวิษณุ ก็ได้ไปสมัครคัดเลือกเป็นตุลาการศาลปกครอง และได้รับเลือกตามความคาดหมาย รวมเวลาแล้วนายวิษณุ อยู่ศาลปกครองมาร่วม 23 ปี คือตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน 2567 โดยผ่านมาแล้วทั้ง
-ตุลาการศาลปกครองกลาง
-ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง
-รองอธิบดีศาลปกครองกลาง
-ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
-ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด
-ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุด และ
-รองประธานศาลปกครองสูงสุด
ส่วนงานอื่นๆ ก็มีประสบการณ์โชกโชน เช่นเคยเป็นกรรมการสรรหาและเลขานุการคณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ที่ทำหน้าที่อยู่ในปัจจุบันหลายคน เป็นต้น
นายวิษณุ วรัญญู ปัจจุบันอายุ 66 ปี ถ้าฝ่าด่านวุฒิสภาไปได้ ก็จะทำหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุดไปอีกประมาณ 4 ปี จนอายุครบ 70 ปี
หากดูทรงวิษณุ แล้ว มีสเปกท่วมท้น ไม่ว่าการทำงานในศาลปกครอง มีประสบการณ์มายาวนาน หรือ ระดับการศึกษาที่มีปริญญาเอกเป็นสิ่งค้ำประกันแล้ว ยังเป็นที่ยอมรับว่าเป็นนักกฎหมายมหาชนชั้นเซียนของเมืองไทยด้วย ดังนั้นการจะก้าวขึ้นเป็นประมุขศาลปกครองของนายวิษณุ วรัญญู ก็เรียกว่า เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
รู้จักคน รู้จักหน้า ไม่รู้จักใจ
แต่ว่า คนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต พอทางวุฒิสภามีการตั้งกรรมาธิการตรวจสอบประวัติเชิงลึกของนายวิษณุ วรัญญู กลับไปพบเจอ ประเด็นปัญหาพฤติกรรมทางจริยธรรม และพฤติกรรมของผู้ที่วุฒิสภาต้องให้ความเห็นชอบขึ้นเป็นประธานศาลปกครองสูงสุดมากมาย ซึ่งมีการกล่าวหา และ สรุปออกมาเป็นหัวข้อต่าง ๆ แล้วรวม 6 ข้อ เป็นข้อมูลการร้องเรียน จากวงในจาก กมธ.วุฒิสภา ประกอบไปด้วย
1.อ้างตนใกล้ชิดกับบุคคลในสถาบันเบื้องสูง(เพื่อทำให้ตุลาการและข้าราชการไม่กล้าแตะต้องหรือวิจารณ์ตน)
2.เป็นนักวิชาการฝรั่งเศสเอนเอียงในทางกลุ่มแนวคิดล้มเจ้าฯ สนับสนุนให้ไทยเป็นประชาธิปไตยในระบบประธานาธิบดี(คำบรรยายใน มหาวิทยาลัยและความคิดเห็นผ่านสื่อออนไลน์ทั้งภาษาไทยและต่างประเทศทั้งในนามส่วนตัวและนามปากกา)โดยเป็นแกนหลักให้กลุ่มนิติราษฎร์, ฟ้าเดียวกัน, iLaw, กลุ่มธรรมศาสตร์เพื่อการชุมนุม เป็นอาจารย์และที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์ และประธานงานแต่งงานของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กับลูกศิษย์ชาวฝรั่งเศส โดยมีผู้ร่วมงานที่เป็นนักการเมือง นักวิชาการ สื่อมวลชน ผู้เป็นต้นคิด ผลักดัน หรือเป็นผู้ต้องหาคดี ม.112 นั่งอยู่หลายคน รวมถึงส่งวีดิโอเข้ามาแสดงความยินดี
ทั้งนี้ในงานแต่งงานของนายปิยบุตร นายวิษณุ วรัญญู กล่าวเอาไว้ตอนหนึ่งว่า“วันนี้ที่จริงผมมีความยินดีมากเป็นพิเศษนะครับ เพราะเห็นว่าได้เห็นทั้งสองคนที่ผมรู้จักค่อนข้างจะดีเขาพัฒนาความเป็นเพื่อน ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยกันแล้วก็ขึ้นมาสู่เป็นความรัก แล้วก็ไปสู่การแต่งงานร่วมกันเดินเข้ามาในงานนี้ มองตาก็ทะลุเข้าไปถึงใจกันหมดแล้วล่ะ สองท่านนี้ยิ่งรู้ใจมากยิ่งขึ้น...
บางคนอาจบอกว่า นายวิษณุ เป็นผู้ใหญ่ เป็นอดีตอาจารย์ธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นที่ทำงานของนายปิยบุตร เจ้าบ่าว กับที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ของเจ้าสาวพูดอย่างนี้ไม่เห็นแปลก ไปเป็นประธานงานแต่งงาน ที่ถูกตั้งฉายาว่าเป็น Red Wedding มีพวกที่มีแนวคิดล้มเจ้าไปร่วมงานมากมาย ไม่นับกับที่หนีคดีไปต่างประเทศแล้ววีดิโอคอลล์ หรือ ส่งคลิปวีดิโอมาร่วมอวยพรอีก แต่นายวิษณุ วรัญญู เจ้าตัวอาจจะไม่ได้มีแนวคิดสอดคล้องกับคนกลุ่มนี้ก็ได้
อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อน่าสงสัยว่าลึกๆ แล้วนายวิษณุมีแนวคิดทางการเมืองอย่างไร เมื่อดูจาการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเมื่อ วันที่ 21 กันยายน 2563 ซึ่งนายวิษณุ ได้แชร์โพสต์จากเฟซบุ๊กของ The Reporters ซึ่งรายงานข่าว เกี่ยวกับการรื้อถอนบ้านสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งเคยเป็นบ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี พร้อมกับเขียนข้อความกระทบกระเทียบ พล.อ.เปรม ว่า “เว้ย เฮ้ย ทุบทำลายโบราณสถานที่พำนักของไดโนเสาร์แห่งชาติ ทำได้ไงแว้”
ในภายหลังนายวิษณุได้ลบโพสต์ดังกล่าวไป แต่ก็มีผู้แคปภาพและข้อความดังกล่าวที่นายวิษณุเขียนเอาไว้ได้แล้ว
ปัจจุบัน นายวิษณุ วรัญญู ได้ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวกับเฟซบุ๊กของตัวเอง หรือ ให้เข้าถึงได้เฉพาะเพื่อน เกือบทุกโพสต์ โดยที่เปิดให้สาธารณชนเข้าถึงนั้นเป็นโพสต์เมื่อหลายปีมาแล้ว โดยเขียนแต่เรื่องธรรมะเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวนายวิษณุ วรัญญู อีกหลายประเด็น ได้แก่
1.มีข้อสงสัยเกี่ยวกับ ประเด็นคุณธรรม-จริยธรรม โดยมีการร้องเรียนว่าสร้างเรื่องเท็จร้องเรียนประธานศาลทุกคนที่ดำรงตำแหน่ง และว่าที่ฯ รวมทั้งคู่แข่ง เพื่อให้ตนเข้าสู่อำนาจโดยปราศจากคู่แข่ง ด้วยการใช้บัตรสนเท่ห์ และเป็นแหล่งข่าวกล่าวหาผ่านสื่อมวลชนบางสำนักที่มักคุ้นเป็นส่วนตัว(เอาความลับขององค์กรไปขาย อยู่เสมอ ด้วยการส่งข่าวให้สำนักข่าวบางแห่ง)
2.มีข้อสงสัยว่า อาจประพฤติมิชอบในการสรรหาคนเป็น กสทช. ไม่น้อยกว่า 3 ครั้งที่ผ่านมา โดยใช้ตำแหน่งเลขานุการ คณะกรรมการสรรหาฯ เลือกใช้ข้อมูลและปกปิดข้อมูลเพื่อช่วยเหลือบุคคลเป้าหมาย
3.ขาดประสิทธิภาพและคุณภาพการเขียนคำพิพากษา การตัดสินคดีและการบริหารจัดการคดีในทุกตำแหน่งที่ รับผิดชอบ โดยมีคดีค้างมากค้างนานแบบผิดปกติอยู่ในมือและในแต่ละขั้นตอนมากที่สุดในศาลปกครอง
4.นอกจากคดีค้างมาก และทำคดีนาน เช่น มีคดีค้าง 6 ปี ถึง 9 ปีแบบผิดปกติจำนวน 6 คดี โดยมีข้อสันนิษฐานว่าอาจจะมีสาเหตุมาจากการที่นายวิษณุมีภรรยาทำร้านอาหารอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ทำให้ในแต่ละปี ต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบวิษณุ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม วุฒิสภาได้เรียกนายวิษณุ วรัญญู ไปชี้แจง ในการชี้แจงใช้เวลาเริ่มตั้งแต่ บ่าย 2 โมง จนถึงราว ๆ 1 ทุ่ม เป็นการใช้เวลาซักถามและชี้แจงยาวนานที่สุด เท่าที่กรรมาธิการฯ เคยทำมากับการตรวจสอบประวัติบุคคลที่จะส่งให้วุฒิสภาลงมติ
โดยใน วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้สรุปผลตรวจสอบแล้ว รอประชุมลงมติชี้ขาดในสัปดาห์ต่อไป
ต้องลุ้นว่าที่ประชุมวุฒิสภาจะออกเสียงเกินกึ่งหนึ่งคือจำนวน 124 เสียง รับรองนายวิษณุ วรัญญู เป็นประธานศาลปกครองสูงสุด หรือไม่
ทั้งนี้ การประชุมจะต้องมีขึ้นก่อนวันที่ 9 เมษายน ที่จะสิ้นสุดสมัยประชุมสภา และวุฒิสภาจะหมดวาระ
ถ้านายวิษณุไม่ผ่านความเห็นชอบ ตกม้าตาย ก็ต้องหาคนใหม่มาแทน ยังมีเวลาอีกหลายเดือน
จากการตรวจสอบประวัติ พฤติกรรมเชิงลึก และความเชื่อมโยงกับบุคคลต่าง ๆ ของนายวิษณุ วรัญญู ที่ผ่านการสรรหาจาก คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง และส่งเรื่องมายังวุฒิสภา หากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบนายวิษณุให้ดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครอง ก็อาจจะเกิดเหตุซ้ำรอยกับ กรณีนายพศวัจณ์ กนกนาก อดีตประธานศาลอุทธรณ์ ซึ่งที่ประชุมวุฒิสภาเมื่อ วันที่ 8 สิงหาคม 2566 ลงมติด้วยคะแนน 168 เสียง ให้ความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แทนที่ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง ที่พ้นจากตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. เนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง 9 ปี
ทว่าถึงปัจจุบันเวลาผ่านไปกว่า 7 เดือนแล้วกลับไม่มีการโปรดเกล้าให้ นายพศวัจณ์ ดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช. คนใหม่แต่อย่างใด โดยมีการร่ำลือกันว่า เรื่องดังกล่าวอาจเกี่ยวโยงกับกรณีที่ มีการร้องเรียนว่ามีผู้พิพากษาระดับสูงในศาลอุทธรณ์ 2 ราย เรียกร้องเงินค่าตอบแทนในการช่วยเหลือการพิจารณาคดีของ แกนนำ กปปส. ในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นจำนวนเงินถึง 175 ล้านบาท
“นี่แหล่ะครับ เป็นเหตุผลที่ผมถึงต้องยกสำนวนสุภาษิตจีนโบราณที่ว่า“รู้จักคน รู้จักหน้า ไม่รู้จักใจ”ขึ้นมา เปรียบเทียบกับกรณีนี้ เพราะแม้บางคนจะมีการศึกษา เป็นครูบาอาจารย์ มีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงตุลาการ ประธานศาลโน่น รองประธานศาลนี่ แต่เมื่อขุดลึกลงไปแล้ว กลับมีความคิด และพฤติกรรมที่น่าสงสัย ซึ่งถ้าหากท่านสามารถชี้แจงข้อเท็จจริง ฝ่าด่านอรหันต์มาได้ผมก็ยินดีด้วย แต่ถ้าท่านมีพฤติกรรมเช่นที่เขากล่าวหาจริง ๆ ก็เป็นเรื่องเวรเรื่องกรรมที่ตัวท่านเอง ครอบครัวของท่าน ประเทศชาติ และประชาชนต้องรับไปก็แล้วกัน
"คุณวิษณุ วรัญญู ไม่ผิดหรอกครับที่ไปสนิทสนมกับกลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่มคนที่ล้มเจ้า สังเกตรูปต่างๆ ที่ผมเอาขึ้นมา หลายคน คุณวิษณุ พูดได้ว่าอยู่ในแวดวงของกลุ่มคนล้มเจ้าทั้งสิ้น ตลอดจนเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ให้กับภรรยาของ ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล
"จริงๆ ก็ไม่มีอะไรที่จะขัดขวางหรอกครับเรื่องนี้ คนเรารู้จักกันได้ แต่สิ่งแวดล้อมวันนั้นมันทำให้อดคิดไม่ได้ ในเมื่อศาลปกครองสูงสุดนั้นมีหน้าที่ที่จะพิพากษาปัญหาทางการปกครอง คำถามมีอยู่ว่า ถ้ามีอะไรที่มันเกี่ยวพันไปกับสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว คนก็ถามว่า จะให้เชื่อใจท่านวิษณุ วรัญญู ได้อย่างไร ว่าท่านมีความจงรักภักดีและมั่นคงในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นของคนที่อยู่ในแวดวงตุลาการ และยิ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นจะต้องยืนยันให้ได้ ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านการพิสูจน์มาว่าตัวเองนั้นได้อยู่ในสิ่งแวดล้อม ที่ไม่ใช่เป็นสิ่งแวดล้อมในการทำร้าย ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์
"แต่เผอิญ อาจจะเป็นโชคร้ายของคุณวิษณุ วรัญญู ก็ได้ เพราะคุณวิษณุ ดันเป็นคนที่เรียนจบจากฝรั่งเศส มีความสนิทสนมกับคุณปิยบุตร แสงกนกกุล และในงานวันแต่งงาน จะเห็นได้ชัดว่าคนที่มาร่วมงานแต่งงานของคุณปิยบุตร กับภรรยานั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีปัญหาในเรื่องมาตรา 112 คือเป็นผู้ที่ต้องการจะยกเลิกมาตรา 112 รวมทั้งคนที่โดนคดี 112 แล้วหนีไปอยู่ต่างประเทศ ถึงกับวิดีโอคอลเข้ามาเพื่อที่จะขอแสดงความยินดี
"คุณวิษณุ เป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ของคุณ Eugenie Merieau ภรรยาของคุณปิยบุตร ซึ่งภรรยาคุณปิยบุตร บอกในวิทยานิพนธ์ว่า สถาบันกษัตริย์ไทยนั้นเหมือนอังกฤษ รัฐธรรมนูญไทย การเมืองไทย กับสถาบันไทยต้องเดินตามก้นอังกฤษ บริบททางประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี พัฒนาการของเศรษฐกิจ บทบาททางวัฒนธรรมไทยกับอังกฤษ คุณวิษณุครับ ภรรยาคุณปิยบุตรครับ มันแตกต่างกันสิ้นเชิง ภรรยาคุณปิยบุตร พูดว่าสถาบันกษัตริย์นั้นเลียนแบบการก่อตั้งระบบกษัตริย์ในยุโรปมาก่อน อันนี้ผมต้องขอคัดค้าน
“ผมยังหวังว่า ให้คุณวิษณุ หลังจากสอบถามมาแล้ว และให้คำตอบกับคณะกรรมาธิการฯ น่าจะผ่านได้ แต่ผมก็ยังตะขิดตะขวงใจ เพราะว่าคนที่เคยอยู่ฝรั่งเศสมา เรียนหนังสือระดับปริญญาโท ปริญญาเอก อยู่ฝรั่งเศส สนิทสนมกับแนวการเมืองทางตะวันตก มีความเป็นไปได้สูงว่าคุณวิษณุ อาจจะซ่อนเร้นอะไรบางอย่างในเรื่องความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ในประเทศไทย แต่ไม่กล้าแสดงออก แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือแวดวงที่ใกล้ชิดคุณวิษณุ มีอยู่จำนวนไม่น้อยเลยที่มีเจตนาที่จะล้มเจ้า ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ หรือว่าผมคิดไปเองครับ
“นี่คือข้อคิดที่ผมจะฝากให้ท่านผู้ชมได้ฟัง และลองพิจารณาดู เพราะว่าสำหรับผมแล้ว ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ล้วนแล้วแต่เป็นเสาหลักและต้องยึดมั่นในหลักการของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เท่านั้น ไม่มีวันผิดเพี้ยนไปตามสิ่งแวดล้อมหรือตามอะไรก็ตาม แต่ถ้าคุณวิษณุ ไม่ผ่าน นั่นก็เป็นปัญหาที่คุณวิษณุ จะต้องไปพิจารณาด้วยตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือถ้าผ่านแล้ว ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ เหมือนกับอดีตประธานศาลอุทธรณ์ ที่ผ่านในการเป็นประธาน ป.ป.ช.แล้ว 7 เดือนก็ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ นั่นก็สุดแล้วแต่เวรแต่กรรมก็แล้วกันครับท่านผู้ชม” นายสนธิกล่าว