สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แจงปมครูสาวนั่งเก้าอี้ ผอ. ล่าสุดสั่งตั้งคณะกรรมการลงพื้นที่สืบสวนหาข้อเท็จจริง พร้อมสั่ง ผอ.รายงานตัวเข้าปฏิบัติราชการที่เขตพื้นที่ตั้งแต่ 18 มี.ค. พร้อมให้ความคุ้มครองครู ยันให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
จากกรณีในโลกออนไลน์แห่แชร์เรื่องราวคุณครูถูก ผอ.ร.ร.ตำหนิเรื่องที่เผลอไปนั่งเก้าของ ผอ. สั่งให้ไปซื้อใหม่ พร้อมบอกว่าเสียใจจนแขนขาอ่อนแรง สมัยตนเป็นครูไม่เคยไปนั่งเก้าอี้ผู้บริหารเทียบบารมี ขณะที่ครูสาวชี้แจงว่า นั่งเก้าอี้ในห้องประชุมเพื่อควบคุมการฉาย VTR ขณะประชุม ไม่ได้นั่งเก้าอี้ส่วนตัวของ ผอ.ในห้อง
ล่าสุดวันนี้ (16 มี.ค.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ออกมาชี้แจงว่า “ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์กรณีข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ดโพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงข้อความที่ได้พูดคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนของตน โดยผู้อำนวยการโรงเรียนไม่พอใจที่ครูนั่งเก้าอี้ของตน และสั่งการให้เจ้าหน้าที่โรงเรียนจัดซื้อเก้าอี้ใหม่มาทดแทนนั้น
ว่าที่ร้อยตรี ธนุกล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้สั่งการศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1 เร่งติดตามและตรวจสืบข้อเท็จจริงเชิงลึกในทันที โดยในเบื้องต้นทาง สพป.ร้อยเอ็ด เขต 1 ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการกลุ่มกฎหมายและคดีตั้งคณะกรรมการลงพื้นที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงในวันนี้ (16 มีนาคม 2567) พร้อมทั้งมีคำสั่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวมารายงานตัวและปฏิบัติราชการที่เขตพื้นที่โดยทันที ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสืบสวน รวมทั้งให้ความคุ้มครองครู และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และรายงานต่อ สพฐ.เป็นระยะ โดย สพฐ.เน้นย้ำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรอบคอบ ได้ข้อมูลครบถ้วน เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และได้กำชับให้คณะกรรมการเร่งสืบสวนข้อเท็จจริงและรายงานผลต่อ สพฐ. ภายใน 7 วัน จากนั้นจะแจ้งผลความคืบหน้าให้สาธารณชนรับทราบต่อไป
“เรื่องสวัสดิภาพของครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงความปลอดภัยในสถานศึกษา เป็นนโยบายที่ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ.ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งเราไม่แบ่งแยกว่าเป็นผู้บริหารหรือระดับปฏิบัติการ หากเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นก็ต้องมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงให้กระจ่างเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกคนทุกฝ่าย หรือหากพบว่ากระทำการที่ไม่เหมาะสมก็ต้องได้รับการพิจารณาโทษเป็นกรณีไป ทั้งนี้ หากพบเหตุที่ไม่เหมาะสมใดๆ ขอให้ส่งข่าวแจ้งเหตุมายัง สพฐ. เราพร้อมดำเนินทุกมาตรการเพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยของทุกคนอย่างแท้จริง” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว