xs
xsm
sm
md
lg

ศาลยกฟ้อง “อ.ไชยันต์” ตอกย้ำ “ณัฐพล ใจจริง” เขียนวิทยานิพนธ์ลวงโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คำพิพากษาศาลอาญาตอกย้ำ “ณัฐพล ใจจริง” เขียนวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกลวงโลก ยกฟ้องคดี “ไชยันต์ ไชยพร” หมิ่นประมาท ชี้เป็นการติชมด้วยความชอบธรรม หลังตรวจพบจุดบกพร่อง ใช้ข้อมูลบิดเบือน และยังกล่าวถึงสถาบันกษัตริย์โดยไม่มีแหล่งอ้างอิง คำพิพากษานอกจากเป็นชัยชนะส่วนตัวของ "อ.ไชยันต์" ยังถือเป็นชัยชนะของผู้ที่ต้องการความจริงเรื่องคณะราษฎร 2475



ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงกรณีศาลอาญามีคำพิพากาษายกฟ้องคดี ที่นายณัฐพล ใจจริง ผู้แต่งหนังสือ ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ และ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี ฟ้องนายไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ภาควิชาปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในข้อหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 โดยอ้างว่านายไชยันต์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของตัวเองต่างกรรมต่างวาระวิพากษ์วิจารณ์วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของนายณัฐพล ทำให้นายณัฐพลเสื่อมเสียชื่อเสียง เรียกค่าเสียหายอีก 1 ล้านบาท


คดีนี้ เมื่อวันอังคารที่ 5 มีนาคม ศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษา โดยได้ยกฟ้อง ซึ่งศาลระบุว่า เมื่อนายณัฐพลจัดทำวิทยานิพนธ์และผลงานโดยใช้เสรีภาพทางวิชาการ เพราะฉะนั้น นายไชยันต์ ในฐานะประชาชนทั่วไปย่อมมีเสรีภาพในการเห็นต่างจากเนื้อหาและข้อความผลงานนายณัฐพล เช่นเดียวกัน ข้อเท็จจริงปรากฏว่านายไชยันต์เป็นหัวหน้าโครงการงานวิจัยดำเนินการวิจัยผลงานต่างๆ ของนักวิชาการ จนตรวจพบจุดบกพร่องในวิทยานิพนธ์ของนายณัฐพล และนายไชยันต์แจ้งไปยังบัณฑิตวิทยาลัย ว่ามันมีข้อมูลผิด ที่นายณัฐพล อ้างอิงในวิทยานิพนธ์ จนบัณฑิตวิทยาลัยระงับคำสั่งเผยแพร่วิทยานิพนธ์ฉบับดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2562 แต่นายณัฐพล กลับนำเนื้อหาที่มีจุดบกพร่องดังกล่าวไปเขียนหนังสือ ผ่านสำนักพิมพ์ "ฟ้าเดียวกัน" ตีพิมพ์เผยแพร่สู่สาธารณชน

ศาลบอกว่า นายไชยันต์ ในฐานะประชาชนทั่วไปย่อมมีสิทธิตรวจสอบว่า เนื้อหาในบทความหรืองานเขียนดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ แม้ไม่มีหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบวิทยานิพนธ์ของนายณัฐพล หรือแม้แต่นายไชยันต์ จะไม่ได้รับผลกระทบจากเนื้อหาในวิทยานินพธ์ หรือบทความในหนังสือนายณัฐพล ก็ตาม


ยิ่งไปกว่านั้น ศาลพิพากษาว่า นายไชยันต์เป็นนักวิชาการซึ่งมีประสบการณ์และความรู้ ความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษา เมื่อนายไชยันต์ ตรวจสอบแหล่งอ้างอิง โดยมี ศ.ดร.สมบัติ จันทรวงศ์ มาเบิกความยืนยันว่า นายไชยันต์ได้ทำการตรวจสอบตามหลักวิชาการแล้ว ปรากฏว่าศาลได้ค้นพบว่าไม่มีข้อความที่นายณัฐพล เขียนจากแหล่งข่าวอ้างอิง อีกทั้งมีการตีความความเห็นโดยไม่มีข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง อันมีลักษณะที่นายไชยันต์ เห็นว่าเป็นการบิดเบือน นายไชยันต์ ย่อมมีสิทธิ์ทางวิชาการ หรือโต้แย้งนำเสนอต่อสาธารณชนได้ไม่ว่ารูปแบบใด เช่น สื่อออนไลน์ เว็บไซต์ แอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบข้อความอีกด้าน ทั้งนี้ เพื่อความเป็นธรรมต่อบุคคลที่นายณัฐพล ได้กล่าวถึงผลงาน โดยเฉพาะผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ไม่มีโอกาสโต้แย้ง หรือให้ข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อความเป็นธรรมต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งนายณัฐพล เขียนถึงโดยไม่ปรากฏแหล่งอ้างอิง การโพสต์ข้อความของจำเลย (นายไชยันต์) ตามฟ้อง นับว่าจำเลยได้ทำหน้าที่ของบุคคลในฐานะปวงชนชาวไทยในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 50 (1) รวมทั้งนับได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ ปรากฏตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) (3) อาจารย์ไชยันต์ (จำเลย) จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามฟ้อง ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังขึ้น ข้อเท็จจริงนอกจากนี้แล้วไม่จำต้องวินิจฉัย พิพากษายกฟ้อง


นี่คือคำพิพากษาศาลอาญายกฟ้องนายไชยันต์ ไชยพร ที่ไม่เป็นเพียงแต่ชัยชนะส่วนตัวของนายไชยันต์ซึ่งได้รับฉายาจากบรรดาอาจารย์และนิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ว่าเป็น "ไดโนเสาร์ตัวสุดท้าย" ของคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ แต่ยังเป็นชัยชนะของผู้ต้องการทำความจริงในเรื่อง "คณะราษฎร คณะโจร" การปฏิวัติ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 และความจริงเรื่อง "ขบวนการปล้นสมบัติชาติ" ที่ทางรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เอาข้อมูลมาเปิดเผยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาด้วย

ก็เพราะนักวิชาการ บทความ วิทยานิพนธ์ หนังสือพวกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาจากสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเต็มตัว บิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างหลักฐานอ้างอิงเท็จ ตีความให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมีอคติ ถือเป็นรากฐานในการปลูกฝังบ่มเพาะความนึกคิดของเด็กๆ เยาวชน และนิสิต นักศึกษารุ่นใหม่ให้เติบโตมาเป็นคนที่ต่อต้าน เกลียดชังสถาบัน ซึ่งหลายๆ เรื่องเป็นการปลูกฝังด้วยข้อมูลเท็จ ข้อมูลที่ผิดพลาด อย่างที่นายไชยันต์ ชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องในวิทยานิพนธ์และหนังสือของนายณัฐพล ใจจริง


คดีนี้ นอกจากนายณัฐพล หน้าด้านไปฟ้องนายไชยันต์ ทั้งๆ ที่ตัวเองทำผิด เพราะไปอ้างอิงหลักฐานประวัติศาสตร์อย่างมั่วซั่ว จนในที่สุดศาลยกฟ้องนายไชยันต์ไปแล้ว ยังมีคดีหลักอีกคดีหนึ่งที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ทายาทสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้ยื่นฟ้องนักวิชาการ บรรณาธิการ รวม 6 คน ฐานผิดละเมิด ไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท จำเลยที่ 1 คือ นายณัฐพล ใจจริง จำเลยที่ 2 คือ รศ.ดร.กุลดา เกษบุญชู มี้ด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ จำเลยที่ 3 นายชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือ "ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ" ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล จำเลยที่ 4 น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ "ขุนศึก ศักดินา พญาอินทรี" จำเลยที่ 5 ห้างหุ้นส่วนจำกัด สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน จำเลยที่ 6 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน


ซึ่งจำเลยที่ 2 นางกุลดา เกษบุญชู มี้ด ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ได้มาขึ้นศาลโดยนั่งรถเข็นมา ม.ร.ว.ปรียนันทนา สงสาร เห็นนั่งรถเข็น ดูแล้วสุขภาพไม่ค่อยดี อีกทั้งคำให้การของ น.ส.กุลดา ก็เป็นประโยชน์ ม.ร.ว.ปรียานันทนา ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้ ก็เมตตา ตกลงจะถอนฟ้องเฉพาะนางกุลดา แต่ไม่ได้ถอนฟ้องนายณัฐพล ใจจริง


“ท่านผู้ชมครับ จากหัวเชื้อที่บิดเบี้ยวอย่างนายณัฐพล ใจจริง ซึ่งจริงๆ แล้ว ต้องโดนถอนปริญญาเอกจากจุฬาฯ เพราะทะลึ่งเอาข้อมูลที่เท็จมาใส่ในวิทยานิพนธ์ของตัวเอง วิทยานิพนธ์ของนายณัฐพล เป็น "วิทยานิพนธ์ลวงโลก" จับผิดได้หมดหลายสิบจุด มโนข้อมูลอ้างอิงขึ้นมาเอง ตีความประวัติศาสตรืไปเอง ยังมีอ้างอิงข้อมูลไม่ถูกต้องอีกเป็นจำนวนมาก จุฬาฯ ต้องถอดถอนปริญญาเอกนายณัฐพลออก

“ส่วนมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ที่ให้นายณัฐพล ไปสอนหนังสือ ผมไม่รู้ว่าคุณเก็บคนที่โกหก คนที่ลงข้อมูลเท็จในวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกนั้นได้อย่างไร พวกคุณมีสติปัญญาแค่ไหน คณะกรรมการมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ช่วยตอบผมหน่อย

“จุฬาฯ นั้นเป็นพวกใช้การไม่ได้ พวกคุณไม่สำเหนียกหรือว่าล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ที่ก่อตั้งสถาบันของคุณ หลังจากพระมหากษัตริย์ในพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ต่างให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ร้อยกว่าปี แต่คุณนิ่งเฉย กลับปล่อยให้นักวิชาการบ่อนทำลายสถาบันลอยหน้าลอยตาอยู่ได้ หลักฐานชัดแจ้งอย่างนี้

“ส่วนอาจารย์ไชยันต์ ไชยพร ที่กล้าออกมาเปิดโปงเรื่องนี้แล้วต่อสู้โดยไม่เกรงกลัวต่อแรงกดดันจากนักวิชาการทั้งในคณะรัฐศาสตร์และแวดวงวิชาการภายนอกที่เป็นเครือข่ายพวกสามนิ้ว แล้วพวกคณะรัฐศาสตร์ทะลึ่งไปตั้งฉายาแกว่า "ไดโนเสาร์ตัวสุดท้าย" ไม่ใช่หรอกครับ อาจารย์ไชยันต์ เป็นคนดีและคนกล้าคนเดียว คนสุดท้ายของจุฬาฯ เสียมากกว่านายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น