จับโป๊ะสื่อดัง “นิวยอร์กไทมส์” ทำสกู๊ปข่าว อ้างหญิงชาวอิสราเอลถูกกลุ่มฮามาสข่มขืนก่อนฆ่าแล้วเผาในวันเปิดฉากโจมตีอิสราเอล 7 ต.ค.66 น้องสาวผู้ตายซัดมาสัมภาษณ์แล้วบิดเบือน ยันไม่มีการข่มขืน ขณะตำรวจอิสราเอลก็ยืนยันไม่หลักฐานชี้ว่าถูกข่มขืน เผยคนเขียนสกู๊ปเป็นอดีต จนท.ข่าวกรองอิสราเอล เพิ่งเขียนข่าวให้นิวยอร์กไทมส์หลัง 7 ตุลาฯ ปีที่แล้ว แต่กลับได้รับมอบมายให้เขียนสกู๊ปขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงการทำสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสซึ่งปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งทางฝ่ายอิสราเอลนั้นพยายามทำการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อสร้างความชอบธรรมในการกวาดล้างชาวปาเลสไตน์ ล่าสุด มีคนจับได้ว่าสื่อชื่อดังก้องโลกอย่างเช่นหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
โดยเป็นกรณีการตีพิมพ์เรื่องพิเศษเรื่องหนึ่งในช่วงปลายปีที่แล้ว พาดหัวเป็นภาษาอังกฤษ แปลเป็นไทยได้ว่า "เสียงกรีดร้องที่ไร้คำพูด ฮามาสใช้ความรุนแรงทางเพศเพื่อเป็นอาวุธอย่างไร ในวันที่ 7 ตุลาคม"
เนื้อหาของรายงานพิเศษ อ้างว่า จากการสืบสวนของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ เปิดเผยรายละเอียดใหม่ๆ ที่แสดงให้เห็นรูปแบบการข่มขืน การใช้ความรุนแรง และความโหดร้ายทารุณต่อผู้หญิงในการจู่โจมอิสรเอลของกลุ่มฮามาส
สกู๊ปพิเศษเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ในเว็บไซต์นิวยอร์กไทมส์เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม และตีพิมพ์ลงในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์วันที่ 31 ธันวาคม 2566
สกู๊ปชิ้นดังกล่าวของนิวยอร์กไทมส์ได้มีการอ้างว่า ได้ไปสัมภาษณ์สมาชิกในครอบครัวของหญิงสาวที่ชื่อ กัล อับดุช ที่เสียชีวิตพร้อมสามีในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2566 ที่กลุ่มติดอาวุธฮามาสได้บุกโจมตีอิสราเอล ระหว่างไปร่วมเทศกาลดนตรีซูเปอร์โนวา ในพื้นที่ใกล้ๆ กับฉนวนกาซา
ผู้สื่อข่าวนิวยอร์กไทมส์ อ้างว่า กัล อับดุช ถูกข่มขืนโดยนักรบฮามาสก่อนจะเผาร่างเธอเพื่อทำลายหลักฐาน แต่ประเด็นคือ ต่อมา ประเด็นที่ทำให้ทุกคนช็อก น้องสาวและน้องเขยของเธอออกมาปฏิเสธข้อมูลนิวยอร์กไทมส์ ที่บอกว่ากัล อับดุช ถูกข่มขืน นอกจากนี้ ยังเผยด้วยว่า นิวยอร์กไทมส์ได้หลอกลวงครอบครัวเธอและกุเรื่องราวขึ้นมา
นิวยอร์กไทมส์เขียนว่า จากหลักฐานซึ่งเป็นภาพวิดีโอ ซึ่งได้รับการตรวจสอบความถูกต้องโดยนิวยอร์กไทมส์แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจอิสราเอลกล่าวว่า พวกเขาเชื่อว่า อับดุช ถูกข่มขืน แล้วเธอกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความน่าสะพรึงกลัวที่ผู้หญิงและเด็กหญิงชาวอิสราเอลต้องเผชิญจากการจู่โจมในวันที่ 7 ตุลาคม
อย่างไรก็ตาม สุภาพสตรีชาวอิสราเอลชื่อ ไมรัล อัลเธอร์ ซึ่งเป็นน้องสาวของ กัล อับดุช ปฏิเสธเรื่องราวดังกล่าว โพสต์ข้อความบนอินสตาแกรมของเธอเมื่อวันที่ 2 มกราคม ที่ผ่านมา ระบุว่า เธอ (กัล อับดุช) ไม่ได้ถูกข่มขืน ไม่มีเรื่องพิสูจน์ว่ามีการข่มขืน มันเป็นเพียงวิดีโอเท่านั้น
นอกจากนี้ เธอยังชี้ "เส้นเวลา" หรือที่เรียกว่า ไทม์ไลน์ ระหว่างข้อความสุดท้ายของ กัล อับดุช ถึงครอบครัว กับเวลาที่รายงานการฆาตกรรมเธอนั้น มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย ภายในระยะเวลาแค่ 4 นาที เธอถูกข่มขืนและเผา เป็นไปได้หรือ
น้องสาวของกัล อับดุช สรุปว่า ที่นิวยอร์กไทมส์มาหาเราด้วยการอ้างว่าพวกเขาต้องการถ่ายทอดเรื่องราวเพื่อรำลึกถึงเธอ กัล และ นากี (สามี) คือเหตุผลที่เรายอมให้สัมภาษณ์ แต่ถ้ารู้ว่าเป็นการบิดเบือนข่าว เราคงไม่เห็นด้วย และไม่มีวันจะเห็นด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ครอบครัวผู้เสียหาย คือ กัล อับดุช ออกมาปฏิเสธ เปิดโปงเรื่องราวดังกล่าวจนกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวไปทั่วโซเชียลมีเดียแล้ว
“ปัจจุบันหนังสือพิมพ์ที่เคยเป็นไอดอลของผม ยังไม่เทกแอกชันหรือจัดการอะไรเกี่ยวกับข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงดังกล่าว ยังปล่อยให้มีการเผยแพร่ข่าวปลอมและข้อมูลอันเป็นเท็จดังกล่าวจนกระทั่งถึงปัจจุบัน” นายสนธิกล่าว
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่เพียงครอบครัวผู้เสียชีวิตออกมาทักท้วง แม้แต่ตำรวจอิสราเอลเอง เมื่อได้อ่านเนื้อหาในสกู๊ปของนิวยอร์กไทมส์ก็รีบออกมาแถลงการณ์เลยว่า ไม่มีพยานหรือหลักฐานใดๆ ที่เชื่อมโยงได้ว่า กัล อับดุช ถูกข่มขืนในวันที่ 7 ตุลาคม 2566
สำหรับเบื้องหลังของรายงานพิเศษชิ้นนี้ พบว่า นิวยอร์กไทมส์ใช้นักข่าวทิพย์ ซึ่งเป็นอดีตสายลับของกองทัพอิสราเอล ซึ่งไม่เคยเขียนข่าวมาเลย
เมื่อนิวยอร์กไทมส์ยังคงนิ่งเฉยกับการนำเสนอข้อมูลเท็จดังกล่าว จึงมีการขุดต่อไปว่าคนเขียนข่าวสกู๊ปเรื่องนี้เป็นใครกันแน่ ปรากฏว่า เมื่อดู Byline หรือชื่อคนเขียนข่าว ซึ่งหนังสือพิมพ์ฝรั่้งส่วนใหญ่จะระบุไว้อย่างชัดเจนว่าข่าวนี้ใครเขียน สกู๊ปนี้ใครทำ พบว่า สกู๊ปชิ้นนี้ นิวยอร์กไทมส์ระบุชื่อคนทำสกู๊ปไว้ 3 คน คนแรก คือ นาย Jeffrey Gettleman คนนี้เคยเป็นผู้สื่อข่าวนิวยอร์กไทมส์ และเคยได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ไพรส์ ซึ่งเป็นรางวัลชั้นนำอันดับหนึ่งของผู้สื่อข่าว คนในวงการหนังสือพิมพ์ คนที่สองเป็นผู้หญิง ชื่อ Anat Schwartz อายุ 45 ปี คนที่สามเป็นคนหนุ่ม อายุ 24 ปี เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ทำงานข่าวได้ไม่กี่ปี ชื่อ Adam Sella
ประเด็นอยู่ที่คนที่สอง ผู้หญิงที่ชื่อ Anat Schwartz เพราะเมื่อมีการสืบประวัติแล้วพบว่าเป็นชาวอิสราเอล เกิดที่เมืองไฮฟาห์ อดีตเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของกองทัพอากาศอิสราเอล ปัจจุบันทำงานในแวดวงภาพยนตร์/สื่อมวลชน แต่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานข่าวเลย
“นี่เป็นเรื่องที่ตกใจของสื่อมวลชนอเมริกาและสื่อมวลชนทั่วโลก คนที่ในชีวิตไม่เคยมีประวัติในการเป็นนักข่าวอย่างโชกโชน กลับมีชื่อ Byline เป็นผู้สื่อข่าวขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ระดับโลกอย่าง นิวยอร์กไทมส์ ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งในแวดวงข่าวสาร” นายสนธิกล่าว
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสืบเสาะไปแล้วกลับมีการค้นพบว่าผู้เขียนสกู๊ปนี้ คนที่สองกับคนที่สาม เป็นญาติกัน เมื่อลองไปค้นข่าวเก่าๆ ดู พบว่า Anat Schwartz เพิ่งจะมาเขียนข่าวนิวยอร์กไทมส์ หลังเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2566 ปัจจุบันในเว็บไซต์นิวยอร์กไทมส์ยังมีชื่อเธอใน Byline ในข่าวอีก 6-7 ชิ้น ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวที่ให้ร้ายกลุ่มฮามาส สร้างความชอบธรรมให้กองทัพอิสราเอลในการบุกเข้าไปเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์เป็นหลัก
“ท่านผู้ชมครับ ผมอยู่ในแวดวงข่าวมากว่า 50 ปี เป็นเจ้าของสื่อ ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร เว็บไซต์ โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ทั้งในประเทศและต่างประเทศมามาก ทุกวันนี้ผมมาจัดรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เป็นผู้เฒ่าเล่าเรื่องอย่างนี้ ให้ตายสิ ผมไม่เคยนึกไม่เคยฝันว่าวันหนึ่งผมจะเห็นความตกต่ำของสื่อตะวันตกที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบสื่อทั่วโลกขนาดนี้ ถึงขนาดที่สื่อก้องโลกอย่างนิวยอร์กไทมส์ตกเป็นเครื่องมือเผยแพร่ข่าวปลอม (Fake News) กลายเป็นเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อกระตุ้นให้มีการเดินหน้าเข่นฆ่าผู้คน สร้างความทุกข์ทรมานให้กับชาวโลกได้มากมายขนาดนี้ เมื่อเห็นข่าวนี้แล้ว ผมบอกได้เลยว่าเป็นสิ่งที่ผมหมดศรัทธาและเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก จนต้องนำเรื่องนี้มาเล่าเป็นอุทาหรณ์ เพิ่มเป็นตัวรู้ให้ท่านผู้ชมได้รับทราบ” นายสนธิกล่าว