องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเตือนการระบาดของโรคซิตตาโคซิส (Psittacosis) หรือโรคไข้นกแก้ว ที่กำลังระบาดหนักในหลายประเทศฝั่งยุโรป มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย
เมื่อวันที่ 5 มี.ค. องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาประกาศเตือนถึงเกิดการระบาดของโรคซิตตาโคซิส (Psittacosis) หรือโรคไข้นกแก้ว ส่งผลกระทบต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ในหลายประเทศในยุโรป
การระบาดของโรคซิตตาโคซิสเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2566 และกินเวลาจนถึงต้นปีนี้โดยมีรายงานผู้เสียชีวิต 5 ราย ซึ่งโรคไข้นกแก้วดังกล่าวเกิดจากแบคทีเรียในตระกูล Chlamydia ที่พบในนก สัตว์ปีกในป่า และสัตว์เลี้ยงหลายชนิด หากนกที่ติดเชื้อไม่ได้ดูเหมือนป่วยเสมอไป แต่นกจะปล่อยแบคทีเรียเมื่อหายใจหรือถ่ายอุจจาระ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention) ระบุว่า มนุษย์สามารถติดโรคซิตตาโคซิสได้โดยการสูดดมฝุ่นหรือสารคัดหลั่งจากนกที่ติดเชื้อ และอาจป่วยได้หากถูกนกกัด หรือหากจะงอยปากของนกสัมผัสกับจะงอยปากของมนุษย์
ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า โรคนี้ไม่แพร่กระจายโดยการกินสัตว์ที่ติดเชื้อ แต่โรคซิตตาโคซิสสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ แม้มีกรณีนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ในส่วนของเคสล่าสุด ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เคยสัมผัสกับสัตว์ปีกหรือนกป่า พร้อมมีอาการป่วยไม่รุนแรง เช่น ปวดศีรษะ, ปวดกล้ามเนื้อ, ไอแห้ง, มีไข้ และหนาวสั่นเป็นเวลาประมาณ 5 – 14 วัน ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ และแทบไม่มีผู้เสียชีวิต
โดยองค์การอนามัยโลกกล่าวว่าจะติดตามการระบาดต่อไปพร้อมกับประเทศที่ได้รับผลกระทบ พร้อมสนับสนุนให้แพทย์เฝ้าระวังการติดเชื้อ และเตือนเจ้าของนกที่เลี้ยงและคนงานที่ต้องสัมผัสกับนกบ่อย ๆ ให้รักษาสุขอนามัยและดูแลกรงให้สะอาดพร้อมสวมถุงมือและหน้ากากเมื่อทำความสะอาดกรงนก