กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. คำนวณยอดหนี้คงเหลือใหม่ตาม พ.ร.บ.ฉบับที่ 2 กลุ่มเร่งด่วนที่ถูกบังคับคดี หรือถูกอายัดเงินกว่า 5 หมื่นราย พบบางรายมีสถานะปิดบัญชีได้ทันที ได้เงินคืนราว 3.4 พันราย โอนเข้าระบบพร้อมเพย์ผูกเข้ากับบัตรประชาชนเท่านั้น แต่รายใดยังมีหนี้คงค้างขอให้จ่ายส่วนที่เหลือต่อไป
วันนี้ (5 มี.ค.) นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า กยศ.คำนวณยอดหนี้คงเหลือใหม่ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ให้แก่ผู้กู้ยืมกลุ่มเร่งด่วนที่ถูกบังคับคดี หรือถูกอายัดเงินเสร็จเรียบร้อยแล้วจำนวน 50,614 ราย ทำให้ผู้กู้ยืมบางรายมีสถานะปิดบัญชีได้ทันที และมีผู้กู้ยืมที่จะได้รับเงินคืนในส่วนที่ชำระเกินจำนวน 3,494 ราย เป็นเงินประมาณ 97 ล้านบาท โดยจะจ่ายเงินคืนให้ผู้กู้ยืมผ่านระบบโอนเงินแบบพร้อมเพย์ (PromptPay) ที่ผูกบัญชีธนาคารด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้กู้ยืมเท่านั้น โดยเริ่มจ่ายคืนแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ กยศ.ได้มีการออกหนังสือแจ้งผู้กู้ยืมแต่ละราย ให้ลงทะเบียนรับเงินคืน และเริ่มดำเนินการจ่ายเงินคืนแล้วผ่านระบบโอนเงินแบบพร้อมเพย์ที่ผูกบัญชีธนาคารด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้กู้ยืมเท่านั้น ซึ่งมีความปลอดภัยและตรวจสอบได้แน่นอน ทั้งนี้ การคำนวณภาระหนี้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยนำรายการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมเงินแต่ละรายที่ได้ชำระเงินคืน กยศ. นับแต่วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ครั้งแรกมาคำนวณหนี้ใหม่ ตัดชำระเงินต้นเฉพาะส่วนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับตามลำดับ คิดดอกเบี้ยในอัตรา 1% ต่อปี และคิดเบี้ยปรับในอัตรา 0.5% ต่อปี
โดยหลังจาก กยศ.ปรับปรุงยอดหนี้ให้กับผู้กู้ยืมเงินแล้ว หากพบว่ารายใดไม่มียอดหนี้คงเหลือ ให้ถือว่าผู้กู้ยืมเงินได้ชำระหนี้ปิดบัญชีครบถ้วนแล้ว และหากพบว่าผู้กู้ยืมเงินรายใดมีเงินส่วนที่ชำระเกินจากยอดหนี้ที่ปรับปรุงใหม่ กยศ.จะคืนเงินส่วนเกินที่เกิดจากการชำระหนี้ให้ผู้กู้ยืมเงิน แต่หากรายใดยังมียอดหนี้คงเหลือ ผู้กู้ยืมเงินจะต้องชำระหนี้ตามยอดหนี้คงเหลือต่อไป โดย กยศ.จะทยอยดำเนินการปรับปรุงยอดหนี้ให้แก่ผู้กู้ยืมเงินแต่ละกลุ่มทุกราย และขอยืนยันว่าทุกคนจะได้รับสิทธิตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน