xs
xsm
sm
md
lg

ได้อายสมใจ อัยการสั่งฟ้อง “สมยศ” ช่วย “บอส” หลุดคดี โดนจับโป๊ะแก้ไขวันสอบสวน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” อดีต ผบ.ตร. เจ้าของวลี “ใครไม่อาย ผมอาย” คราวนี้ได้อายสมใจ เมื่ออัยการสูงสุดสั่งฟ้องเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีเปลี่ยนแปลงความเร็วรถของ “บอส วรยุทธ” เพื่อให้อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีขับรถชนตำรวจตาย โดนจับโป๊ะแก้ไขวันสอบเรื่องความเร็วรถ ให้ตรงกับวันที่ตนเองอยู่ต่างประเทศ เพื่ออ้างว่าตนเองไม่เกี่ยว



ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงกรณี อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร.พวกอีก 8 คน ตามมติของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในคดีการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ “บอส” ทายาทเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เพื่อให้นายวรยุทธ์ ไม่ถูกสั่งฟ้องในคดีขับรถชนตำรวจจราจร สน.ทองหล่อเสียชีวิตเมื่อปี 2554


ทั้งนี้ เมื่อที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กับคณะ ได้ร่วมกันแถลงความคืบหน้าของคดีดังกล่าว โดยอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหา 8 คน โดยมีมีจำเลยที่ 1 คือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร.(ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ) จำเลยที่ 2 พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข(ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5) สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน จำเลยที่ 3 พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7)สมัยเป็นพนักงานสืบสวนสอบสวน สบ.3 สน.ทองหล่อ

นายเนตร นาคสุข
จำเลยที่ 4 นายเนตร นาคสุข (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอัยการสูงสุด และเป็นคนลงนามสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ จำเลยที่ 5 คือ นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9) พนักงานอัยการ จำเลยที่ 6 คือนายธนิต บัวเขียว (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12)

จำเลยที่ 7 คือ นายชูชัย หรือ พิชัย เลิศพงศ์อดิศร(ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13) ซึ่งนายชูชัย มีฉายาว่า "สว.ก๊อง" เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เป็นประธานกรรมาธิการแรงงาน เป็นประธานสโมสรฟุตบอลเชียงใหม่

นายชูชัย หรือ พิชัย เลิศพงศ์อดิศร
คนที่ 8 รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19) ผู้ที่บิดเบือนความเร็วรถของนายวรยุทธจาก 100 กว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้เหลือแค่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม
สำหรับผู้ถูกกล่าวหาอื่นๆ นั้น มี พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4) พ.ต.อ.วิวัฒน์ สิทธิสรเดช (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6) กรรมการ ป.ป.ช. กันเอาไว้เป็นพยาน

ส่วน พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ นามเมือง หรือ คทาธร พัชรนามเมือง (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8) พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 14) พล.อ.ท.สุรเชษฐ ทองสลวย ผู้ถูก(กล่าวหาที่ 15) คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตาม ป.วิ. อาญา และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 63

พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ
นอกจากนั้น ยังมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 11) ปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในโควตาของพรรคภูมิใจไทย ตอนนั้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นคนที่มีความเห็นไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้อง "บอส อยู่วิทยา" ของนายเนตร นาคสุข คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือ ก็มีมติไม่ชี้มูลความผิด เช่น นายธานี อ่อนละเอียด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พ.ต.ท.ทรงวุฒิ เจริญวิชยเดช ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นายวรพล โสคติยานุรักษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 16 นายอุสาห์ ชูสินธ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 17 นางสาวณัฎณิชา ทองชื่น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 18 พวกนี้ ป.ป.ช. ชี้ว่าไม่มีมูลความผิด

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่กล้าเอาเป็นเครดิตผมหรอก แต่ผมเป็นคนแรกที่พูดเรื่องนี้ รื้อฟื้นคดี "บอส อยู่วิทยา" ขึ้นมา ต้องถือว่าได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนจากต้นจนจบ ถึงขั้นที่ ป.ป.ช. เริ่มชี้มูลและส่งฟ้องศาลแล้ว อัยการเห็นด้วย อัยการก็ส่งฟ้องศาล” นายสนธิ กล่าว


ทั้งนี้ เรื่อง "บอส อยู่วิทยา" เป็นมหากาพย์การทุจริตประพฤติมิชอบ ความฉ้อฉลของระบบการเมือง วงวิชาการ ที่ดัดแปลงความเร็วของรถ ระบบอุปถัมภ์ ความเน่าเฟะของระบบกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ชั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเรื่อยไปจนถึงอัยการ แถมยังพิสูจน์ให้เราเห็นว่าเงินนั้นฟาดหัวได้หมด ไม่เว้นแม้แต่คนในชั้นนิติบัญญัติ ในสภานิติบัญญัติฯ กรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาตินั้นเป็นตัวตั้งตัวตีเปิดช่องให้ลูกมหาเศรษฐีตระกูล "อยู่วิทยา" ยื้อคดีมาได้เกือบสิบปี เอาอาจารย์สายประสิทธิ์ มาเปลี่ยนความเร็วรถ เพื่อเป็นเงื่อนไขให้รองอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องในที่สุด

ทั้งหมดนี้ หนึ่งในหัวเรือที่เกี่ยวข้อง และถือว่าเป็นคนในกระบวนการยุติธรรมที่มียศ มีตำแหน่งสูงสุด ที่การกระทำนั้นน่าอับอายขายหน้าที่สุด หนีไม่พ้นคนชื่อ "พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง" ผู้เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วย


พล.ต.อ.สมยศ เคยปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่รู้เรื่องนี้ ตนไม่เกี่ยวข้องเลย อ้างว่า ในช่วงที่ถูดพาดพิงระหว่างวันที่ 23-28 กุมภาพันธ์ 2559 พล.ต.อ.สมยศ ไม่อยู่ในประเทศไทย แต่เดินทางไปประชุมฟีฟ่าที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ได้อยู่ในห้องสอบสวนคดี และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการช่วยคดี "บอส"

“คุณสมยศ คุณเคยบอกว่าคุณไม่เกี่ยวข้อง แต่วันนี้ทำไมคุณตกเป็นจำเลยที่ 1 คนแรกที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องได้ แสดงว่าคุณใช่ไหมที่พาตำรวจเจ้าของสำนวนเข้าไปเจรจาเรื่องการเปลี่ยนความเร็วรถเฟอร์รารี จาก 177-179 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้เหลือไม่ถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แสดงว่าคุณโกหกอีกแล้วสิ คุณสมยศ

“เพราะการเจรจาเรื่องนี้เกิดขึ้นในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งคุณกลับมาจากสวิตเซอร์แลนด์แล้ว แต่มีการสั่งให้เปลี่ยนวันสอบเปลี่ยนความเร็วเฟอร์รารี เป็นวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เพื่อคุณจะได้อ้างว่าคุณไม่เกี่ยว คุณไม่อยู่เมืองไทย ผมจะไม่ย้อนเรื่องราวให้เสียเวลา เพราะเคยพูดมาหลายครั้งแล้ว

“คุณสมยศ คุณนี่มันสุดยอดจริงๆ โกหกซ้ำแล้วซ้ำอีก ยังไม่ละอายแก่ใจ ยังเชิดหน้าชูตาในสังคมได้ เอาเถอะ คุณจะโกหกอย่างไรก็โกหกไป เพราะความจริงที่เกี่ยวกับคุณ เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีคนที่รู้ข้อเท็จจริงอีกจำนวนหนึ่ง เรื่องรายละเอียดในการวิ่งเต้นช่วยเหลือ "ลูกกระทิงแดง" นั้น มีรายละเอียดและเบื้องลึกที่น่าสนุกอีกหลายเรื่อง เอาไว้โอกาสเหมาะๆ ผมจะเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ให้ท่านผู้ชมและประชาชนชาวไทยได้ทราบว่า คนที่เป็นเจ้าของคำพูดที่ว่า "ใครไม่อาย ผมอาย" นั้น ธาตุแท้เป็นอย่างไร”
นายสนธิ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น