xs
xsm
sm
md
lg

หนุ่มขับกระบะพุ่งลงแม่น้ำเจ้าพระยา ใต้สะพานพระราม 9 เสียชีวิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พบรถกระบะขับเข้าไปในไซต์งานก่อสร้าง พุ่งตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา ใต้สะพานพระราม 9 เสียชีวิต กู้ภัยร่วมกตัญญูนำศพและรถกระบะขึ้นจากน้ำ ตำรวจเผยลักษณะเหมือนจงใจพุ่งชนรั้วกั้น

วันนี้ (3 มี.ค.) เมื่อเวลา 06.40 น. ร.ต.อ.วิศรุต บัณฑิตขจร รองสารวัตร (สอบสวน) สน.บางคอแหลม รับแจ้งเหตุมีรถยนต์กระบะตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณใต้สะพานพระราม 9 ฝั่งธนบุรี ติดกับธนาคารกสิกรไทย สำนักราษฎร์บูรณะ ถนนราษฎร์บูรณะ แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุพบราวเหล็กถูกรถยนต์กระบะชนโดยมีรถกระบะจมลงไปในน้ำ

อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูใช้เวลาค้นหากว่า 1 ชั่วโมง กระทั่งเวลา 08.30 น. จึงพบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อภายหลังคือ นายอนุเทพ แต่สกุล อายุ 32 ปี ภูมิลำเนา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา สภาพสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงยีนส์ ไม่สวมรองเท้า จึงนำศพส่งไปยังนิติเวช โรงพยาบาลศิริราชเพื่อตรวจสอบต่อไป ต่อมาได้ทำการยกรถกระบะที่จมอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน 7 กจ 7676 กรุงเทพมหานคร ขึ้นมาได้ในช่วงเที่ยงวันเดียวกัน

จากการสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นรถยนต์กระบะขับเข้าไปในพื้นที่ก่อสร้าง โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ซึ่งอยู่ใต้สะพานพระราม 9 และสะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 แล้วขับพุ่งชนรั้วเหล็กลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนจมหายไป ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์อีกรายหนึ่งเห็นรถกระบะลอยอยู่กลางแม่น้ำ แล้วค่อยๆ จมลงไป จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้ ก่อนที่รถจะจมลงไปในน้ำ

ร.ต.อ.วิศรุตให้สัมภาษณ์แก่สถานีวิทยุ จส.100 ระบุว่า จากร่องรอยบนบกพบรอยล้อที่ไม่ใช่รอยเบรก แต่เป็นรอยล้อหลังส่ง เพราะรอยมีระยะสั้น เหมือนส่งล้อหลังให้พุ่งไปชนรั้วกั้น เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบแล้วพบว่ารอยที่พบไม่ใช่รอยเบรก แต่เป็นรอยเร่งเครื่องเพื่อส่งรถพุ่งตัวออกไป ลักษณะขับรถพุ่งออกตัวอย่างเร็ว ทำให้มีรอยอยู่ที่พื้น สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการจงใจ หรือตั้งใจทำ เพราะมีลักษณะการพุ่งลงไปในแม่น้ำ

ขอบคุณภาพ : มูลนิธิร่วมกตัญญู

ขอบคุณภาพ : มูลนิธิร่วมกตัญญู

ขอบคุณภาพ : มูลนิธิร่วมกตัญญู

ขอบคุณภาพ : มูลนิธิร่วมกตัญญู
กำลังโหลดความคิดเห็น