“วิษณุ-ศิริญา เทพเจริญ” งานเข้าไม่พักหลังหุ้นใหญ่เรียกประชุมผู้ถือหุ้นเสนอถอดถอน ล่าสุดศาลรับฟ้องคดีอาญา 3 กรรมการ NUSA ละเมิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ 2535 แอบขายโครงการบ้านจัดสรรยกแปลงให้บริษัทน้องสาวโดยไม่แจ้งบริษัทฯ แม้บอร์ดมีมติให้ซื้อคืนยังเพิกเฉย
เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีความขัดแย้งภายในบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA หลังผู้ถือหุ้นใหญ่ได้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นที่มีวาระปลดนายวิษณุ เทพเจริญ และนางศิริญา เทพเจริญ ประธานกรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด ซึ่งเป็นกรรมการผู้ก่อตั้งบริษัทว่า สถานการณ์ของ 2 ผู้บริหารและกรรมการ NUSA ยังไม่หมดแค่นี้
ล่าสุดยังมีข่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมาศาลอาญาได้รับฟ้องคดีอาญา 3 ผู้บริหารและกรรมการ NUSA ประกอบด้วยนายวิษณุ เทพเจริญ, นางศิริญา เทพเจริญ และนายสมพิจิตร ชัยชนะจารักษ์ หลังจากบริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ถือหุ้น NUSA ได้เป็นโจทก์ฟ้องผู้บริหารและกรรมการทั้ง 3 รายเป็นจำเลย ฐานความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เป็นคดีดำหมายเลข อ.590/2567
แหล่งข่าวระบุว่า บริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ได้ยื่นฟ้อง 3 ผู้บริหารและกรรมการบริษัทในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจจากการนำโครงการบ้านกฤษณา-พระราม 5 ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ NUSA ไปขายให้กับบริษัทแห่งหนึ่งที่มีน้องสาวต่างบิดาของนางศิริญาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และนั่งเป็นกรรมการอยู่ด้วยในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน โดยได้รับการชำระเงินจากการขายสินทรัพย์เข้ามาเพียง 50% แต่ได้โอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อจนแล้วเสร็จไปแล้ว โดยไม่ได้รายงานรายละเอียดการทำธุรกรรมครั้งนี้ให้บริษัทฯ ทราบ ทั้งที่เป็นการทำรายการเกี่ยวโยงกันตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนภายใต้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ
ต่อมาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เรียกให้บริษัทชี้แจงประเด็นดังกล่าว ซึ่ง NUSA ได้ทำหนังสือลงวันที่ 30 พ.ย. 2566 ลงนามโดยนายวิษณุ ชี้แจงว่าบริษัทฯ ได้ทำธุรกรรมดังกล่าวจริงแต่อ้างว่าเป็นธุรกรรมที่มีข้อตกลงไว้ก่อนผู้ถือหุ้นใหญ่จะเข้ามา แต่จากการตรวจสอบพบว่าเข้าข่ายรายการเกี่ยวโยงกัน โดยไม่ได้ขออนุมัติจากคณะกรรมการตรวจสอบตามขั้นตอน และราคาขายอาจไม่สมเหตุสมผล คณะกรรมการตรวจสอบจึงมีมติไม่อนุมัติธุรกรรมดังกล่าว ทั้งยังมีมติให้ฝ่ายบริหารซื้อทรัพย์สินคืนกลับมา แต่ปรากฏว่าจนถึงปัจจุบันกรรมการทั้ง 3 รายยังไม่ได้ดำเนินการซื้อทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาแต่อย่างใด