หลานอากู๋เปิดข้อความสุดท้ายของ 1 ใน 5 คู่กรณีบุกรุกบ้านอากู๋ก่อนตัดสินใจจบชีวิต บอกถูกสื่อกดดันทำคิดสั้น ทนายเดชาลั่น เป็นการใช้สิทธิโดยชอบ
จากกรณี 1 ใน 5 ผู้ต้องหาคดีครอบครองปรปักษ์บ้านอากู๋ ย่านรามอินทรา 58 ฆ่าตัวตายเสียชีวิตในบ้านพักตัวเอง ต่อมา ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เผยตนได้แจ้งให้อากู๋ทราบแล้วอากู๋ถึงกับช็อกและขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิต โดย ทนายของผู้ตายได้ออกมาเปิดเผยว่า เจ้าของบ้านใช้สื่อเป็นเครื่องมือกดดันทำลูกความตนเองเครียดจนต้องจบชีวิต
ล่าสุดวันนี้ (26 ก.พ.) นายซัน หลานอากู๋ เจ้าของบ้าน พร้อมทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ กรณีถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจสื่อกดดันจนทำให้ 1 ใน 5 ผู้ต้องหาคดีบุกรุก ครอบครองปรปักษ์เครียดหนักจนจบชีวิตตัวเองเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
นายซันระบุว่า เสียใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้ และยังได้แสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต และครอบครัวของผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ ขณะที่ ทนายเดชาเผยว่าทางฝ่ายอากู๋ และหลานชายขอแสดงความเสียใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น และอโหสิกรรมให้
ในส่วนของความคืบหน้าคดีการบุกรุกแรกเรื่อง ขณะนี้อยู่ในชั้นของพนักงานอัยการ ที่กำหนดเดิมมีกำหนดส่งฟ้องต่อศาลในวันที่ 6 มีนาคมที่จะถึงนี้ แต่กรณีที่มีหนึ่งในผู้ต้องหาในคดีเสียชีวิต ต้องมีการจำหน่ายคดีในส่วนของผู้เสียชีวิตออกไป จึงยังไม่ทราบว่ากำหนดการเดิมจะมีการเลื่อนหรือไม่ ซึ่งแนวทางที่อัยการจะสั่งฟ้องในวันที่ 6 มีนาคม มีทั้งหมด 3 แนวทาง คือ 1. สั่งฟ้องทั้งหมด 2. สอบเพิ่มเติม และ 3. สั่งไม่ฟ้อง
ทนายเดชาได้เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้สามีของผู้ตาย พร้อมกับสามีของผู้ต้องหาอีก 1 คนได้มาพบตนเองและโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยกับทนายเดชา ว่าภรรยาได้สำนึกผิดในการบุกรุกเข้าไปในบ้านของอากู๋ ยินดีแสดงความรับผิดชอบด้วยการชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด และติดต่อไปยังอากู๋ว่าต้องการที่จะเข้ากราบอากู๋ ก่อนที่จะเสียชีวิต ซึ่งมีความพยายามหลายครั้ง ตนเองก็พยายามที่จะเป็นคนกลางช่วยคุยกับอากู๋ทั้งค่าเสียหาย และเรื่องคดีต่างๆ
สำหรับประเด็นที่ทนายของผู้เสียชีวิตบอกว่าเหตุสลดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะฝ่ายตนใช้สื่อกดดันจนทนไม่ไหวถึงขั้นคิดสั้น ทนายเดชาเผยว่าไม่เป็นความจริง การร้องเรียนสื่อมวลชนเป็นเรื่องปกติ เป็นการใช้สิทธิโดยชอบ
ในช่วงท้ายของการแถลง นายซัน หลานอากู๋เหมทัศน์ ได้เปิดข้อความที่ผู้เสียชีวิตได้พยายามติดต่อมาทางคุณอาย ภรรยาของคุณซัน โดยระบุข้อความว่า "ยังไงก็คิดว่าทำบุญให้คนป่วยแบบพี่ด้วยนะคะ" ซึ่งถูกส่งมาเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ไม่มีการตอบกลับ