เฟซบุ๊ก "อีซ้อขยี้ข่าว" ขุดภาพผัวเมียคู่กรณีแม่น้องการ์ตูนที่ขับรถชนร้านสเต๊กเมื่อปี 57 แต่ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย แม้ศาลพิพากษาให้ชดใช้เงินกว่า 6.3 ล้านบาท พบชีวิตดีเที่ยวรีสอร์ตริมน้ำ และได้ข่าวว่าใช้ชีวิตหรูอยู่สบาย เปิดร้านขายอะไหล่ เปลี่ยนชื่อจริงตัวเอง
วันนี้ (25 ก.พ.) จากกรณีที่ น.ส.ศรัญญา ชำนิ แม่น้องการ์ตูน โพสต์ข้อความระบายความในใจเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ระบุว่า "เรามีภาวะโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง หลังจากไปพบคุณหมอจิตเวช เราเล่าว่าเราจะนอนไม่หลับเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คุณหมอรับฟัง แล้วเราบอกว่าเราต้องดื่มเบียร์วันละ 2 กระป่องเพื่อให้หลับ ทุกครั้งที่เราหลับตาจะมีภาพรถชนลูกกับแฟนเสมอ คุณหมอขอแลกยา 3 ตัวให้กินเพราะรักษาสภาพจิตใจเรา แต่เพราะเรามีปัญหาหลายอย่าง เลิกรักษาอาการซึมเศร้า ตอนนี้อยากบอกทุกคนว่าเราไม่พร้อมที่จะอยู่ในโลกนี้ เราขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้เราและน้องมาเสมอ ขอบคุณจริงๆ แต่โลกนี้ไม่เคยยุติธรรมกับครอบครัวเลย ขอนับจากนี้เราไม่ขอเกิดและขอไม่มีชีวิตอีกต่อไปแล้ว เราเหนื่อยกับชีวิตตัวเอง และขอเอาน้องไปด้วยเลย ขอนับจากนี้ที่ทุกคนช่วยเหลือน้องการ์ตูนสุขภาพแข็งแรง มีความสุขมากๆ นะคะ"
โดยแม่น้องการ์ตูนคือผู้เสียหายที่ถูก น.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม ขับรถกระบะเสียหลักพุ่งเข้าชนร้านสเต็กลุงใหญ่ เลขที่ 1307 ปากซอยเอกชัย 119 ถนนเอกชัย แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 19 ก.ย. 2557 ที่ผ่านมา เป็นเหตุทำให้ นายภาณุทัต ศักดิ์สิทธิพันธ์ อายุ 42 ปี เจ้าของร้านสเต็กลุงใหญ่ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และ ด.ญ.นราศิริ ศักดิ์สิทธิพันธ์ อายุ 5 ขวบ ลูกสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2558 ศาลอาญาธนบุรีพิพากษาจำคุก น.ส.น้ำผึ้่ง 2 ปี 6 เดือน เนื่องจากให้การรับสารภาพ แต่ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน จึงลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ปรับ 3,000 บาท และสั่งให้จำเลยชดใช้สินไหมทดแทนรวม 6,336,000 บาท แต่พบว่าแม้ น.ส.น้ำผึ้งออกมาจากคุกแล้ว แต่ทางครอบครัวของน้องการ์ตูนยังไม่ได้รับการติดต่อจากนางสาวน้ำผึ้ง และยังไม่ได้รับเงินชดใช้เยียวยาแต่อย่างใด
ล่าสุดเฟซบุ๊กเพจ "อีซ้อขยี้ข่าว" โพสต์ภาพร้านสเต็กแม่น้องการ์ตูน ถนนราษฎร์บูรณะ ตรงข้ามธนาคารกสิกรไทย สำนักราษฎร์บูรณะ ติดป้ายเซ้ง/ให้เช่า พร้อมข้อความระบุว่า "ข่าวแม่น้องการ์ตูนประกาศเซ้งร้านเพราะป่วยซึมเศร้าหลังจากที่พยายามต่อสู้มาหลายปีแต่มันก็ไม่เป็นผล “ความยุติธรรมไม่มีอยู่จริง” แม้จะมีข่าวแล้วเมื่อ 2-3 วันก่อนแต่มันก็เงียบมากและไม่มีกระแสเลย อีกอย่างคดีใกล้สิ้นสุดแล้วแม่น้องก็ยังไม่ได้เงินจากคู่กรณีสักบาท ซ้อเชื่อว่าสมาชิกเพจทุกคนสามารถทำให้เรื่องนี้เป็นกระแสคนหันมาสนใจอีกครั้งนะคะ" และว่า "แค่ช่วยปลุกกระแส ก็เหมือนการทำบุญโดยไม่ต้องโอนหรือบริจาคอะไร ช่วยกันหน่อยค่ะ ซ้อเชื่อว่าครั้งนี้คือครั้งสุดท้ายกับการทวงคืนความยุติธรรมให้แม่และน้องการ์ตูนก่อนคดีสิ้นสุด"
ต่อมาได้ขุดข้อความในอดีตที่ระบุว่าเป็นของ น.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2557 ระบุว่า "ปีหน้าต้องเป็นปีทองของกูแน่ เสียดายต้องมาเสียเวลากับแม่ลูกสเต็ก แ...งไม่สงสารรถกูเลย เงินค่าร้าน ค่ารถกูก็จ่าย รถกูก็พังถามสิใครจ่าย พวกมึงมันเห็นแก่ตัว ควาย ปล. กูบ่นไปงั้นแหละ กูไม่จ่ายตามที่มันขอแน่ๆ ยืดเต็มอายุความ 55555" โดยเฟซบุ๊กเพจอีซ้อขยี้ข่าว ระบุว่า "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย โพสต์คู่กรณีของแม่น้องการ์ตูนที่เคยโพสต์ไว้ ใครรู้จักของวาร์ปหรือข้อมูล สมัยก่อนรถทัวร์อาจยังวิ่งเข้าไม่ถึง การไม่มีที่ยืนอาจยังไม่รู้จักเท่ากับยุค 5G" และว่า "ใช้ชีวิตหรูอยู่สบายนะได้ข่าว"
ต่อมามีการโพสต์ภาพที่ระบุว่าเป็นสามีของ น.ส.น้ำผึ้ง ชูนิ้วกลางระหว่างแข่งรถในทาง ถนนอุทยาน เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ โดยเฟซบุ๊กเพจอีซ้อขยี้ข่าวระบุว่า "ชีวิตโคตรแฮปปี้ คู่กรณีแม่น้องการ์ตูน" และว่า "มีการเปลี่ยนชื่อจริงนะ ไม่แน่ใจว่าทำศัลยกรรมจมูกด้วยมั้ยแต่กูว่า...กูเจอมีงหล่าววววว (แล้ว)"
ต่อมามีการโพสต์ภาพที่ระบุว่า น.ส.น้ำผึ้ง พร้อมด้วยสามี กำลังแช่อ่างอาบน้ำที่รีสอร์ตริมน้ำแห่งหนึ่ง โดยที่ฝ่ายชายอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบน น.ส.น้ำผึ้งสวมชุดว่ายน้ำทูพีซสีดำ โดยเฟซบุ๊กเพจอีซ้อขยี้ข่าวระบุว่า "แม่ของน้องการ์ตูนเจอกับคู่กรณีที่โรงพักแค่ครั้งเดียวในวันเกิดเหตุเมื่อเดือน มิ.ย. 57 พร้อมได้เงินค่าเสียหายจำนวน 4 หมื่นบาทชดเชยช่วยร้านพังเพียงรอบเดียว ผ่านมาเกือบ 10 ปีคู่กรณียังไม่เคยเอ่ยปากขอโทษ แม้ไม่เคยเข้ามาเยี่ยม เข้ามาถามไถ่ใดๆ แถมยังโพสต์ท้าทายไม่สำนึกผิด อย่าหวังว่าสองแม่ลูกจะได้เงินชดเชย 6.7 ล้าน อย่าได้หวังพร้อมยืดเยื้อคดีให้นานสุดเดี๋ยวก็หมดอายุความไปเองโดยจ่ายเงินเพียง 40,000 บาท" และโพสต์ภาพสามี น.ส.น้ำผึ้ง ระบุว่า "ตอนชนคู่กรณีอายุเพียง 19 ปี ผ่านมาวันนี้อายุ 28-29 แล้ว เปิดร้านขายอะไหล่ เปลี่ยนชื่อจริงตัวเอง"