xs
xsm
sm
md
lg

“แก๊งลูกน้องโจ๊ก” ตำรวจหรือมาเฟีย? “บิ๊กต่อ” ยังเป็นจ่าเฉย บชก.ข้อมูลพร้อม เปิดมีดรอเชือด ป.ป.ช.ยังดองเรื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“แก๊งลูกน้องโจ๊ก” เอี่ยวเว็บพนันมินนี่ ตำรวจหรือมาเฟีย ถึงขั้นข่มขู่อัยการ จน อสส.ต้องออกมาปกป้องคนของตัวเอง ขณะ “บิ๊กต่อ” ยังทำตัวเป็นจ่าเฉย แม้การกระทำเข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรง ต้องถูกตั้ง กก.สอบหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน ขณะที่ข้อมูลของ บชก.ชี้ชัด เส้นทางการเงินโยงเว็บพนัน 300 ล้าน พร้อมเอาผิดตามมาตรา 157,149 ส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช.ตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว แต่ ป.ป.ช.ยังโดนดอง ขอให้ส่งสำนวนคืน ตร.จัดการเอง



ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงกรณี นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักการสอบสวน และ นายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 ที่ได้รับมอบหมายให้มาร่วมทำคดีนายตำรวจลูกน้องคนสนิท “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ทั้ง 8 นาย ที่พัวพันเครือข่ายเว็บพนันมินนี่ คุกคาม จนอัยการสูงสุดต้องออกมาปกป้องคนในองค์กร

ทั้งนี้ นายกุลธนิต พบว่าตัวเองถูกลูกน้องคนสนิทของบิ๊กโจ๊ก อย่าง พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รองผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 ส่งคนมาคอยติดตามพฤติกรรมแอบถ่ายภาพขณะมาร่วมปฏิบัติงานกับชุดสอบสวนของตำรวจ จนรู้สึกไม่ปลอดภัยและขอหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว เป็นข่าวคราวครึกโครมในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว


เรื่องนี้ อัยการสูงสุดาส่งเรื่องไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วผู้มีอำนาจในสำนักงานคตำรวจแห่งชาติ นั่นคือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ก็ยังเป็นจ่าเฉย ไม่กล้าแตะต้องคนของ “บิ๊กโจ๊ก” ที่ออกมาขู่คำรามผ่านสื่อเป็นระยะๆ จะฟ้องคนนั้นจะฟ้องคนนี้

จนอัยการสูงสุดหมดความอดทนอดกลั้นทำหนังสือถึง ผบ.ตร. และออกแถลงการณ์เมื่อ วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติหามาตราการในการป้องกันคุ้มครองความปลอดภัยของ นายกุลธนิต และ นายสุริยน และครอบครัว ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาดำเนินมาตรการไม่ให้ผู้ต้องหาทั้ง 8 ที่ยังคงรับราชการเป็นตำรวจ มีพฤติการณ์ในเชิงคุกคามข่มขู่พนักงานอัยการและขัดขวางกระบวนการยุติธรรม และอนุญาตให้ทั้ง 2 หยุดพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว

หากเห็นว่าพฤติการณ์ในการคุกคามข่มขู่สิ้นสุดลงจึงจะให้อัยการทั้ง 2 ไปปฏิบัติหน้าที่ดังเดิม และให้ ผบ.ตร.พิจารณาว่า การกระทำเช่นว่ามีบุคคลใดกระทำความผิดอาญาหรือไม่ หากพบการกระทำความผิดให้มีการดำเนินคดีและรายงานผลคดีให้อัยการสูงสุดทราบด้วย


“อายเขามั้ย ผมถามจริงๆ คุณอายเขามั้ย ท่าน ผบ.ตร.คุณไปมัวทำอะไรกันอยู่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ คุณเป็น ผบ.ตร.นะ คุณปล่อยให้มีเหตุการณ์เยี่ยงนี้เกิดขึ้นได้ยังไง?

“ผมไม่เข้าใจ คุณทำอะไรอยู่ ข่มขู่คุกคามชาวบ้านทั่วไปผมก็ว่าแย่แล้ว นี่มันยิ่งกว่าแย่ กล้าไปข่มขู่คุกคามอัยการระดับอธิบดีอัยการ จนอัยการสูงสุดทนไม่ไหว ต้องออกมาฟ้องออกมาประจานให้สังคมรับรู้รับทราบพฤติกรรมของตำรวจชั่ว ๆ ไม่กี่คน”


นายสนธิ กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ต้องตั้งสติให้ดี “ลูกน้องบิ๊กโจ๊กทั้ง 8 นาย” ถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหาพัวพันเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ของมินนี่ ฟอกเงิน บางคนอย่าง พ.ต.ท.คริษฐ์ฯ โดนไปแล้ว 2 คดี ตำรวจคนอื่นที่โดนตั้งข้อหาแบบเดียวกันนี้ต้องถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ให้ออกจากราชการไปตั้งนานแล้ว


นอกจากเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาร้ายแรงแล้ว ลูกน้องทั้ง 8 นายของบิ๊กโจ๊ก ยังต้องถูกสอบวินัยร้ายแรงด้วย

ตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 มาตรา 112 การกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ได้แก่การกระทำดังต่อไปนี้

(1) ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย
…โดนแจ้ง ม. 157 ผิดตามข้อนี้ไหม? ผิดแน่นอน

(6) กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
…พัวพันเว็บพนันออนไลน์ ฟอกเงิน เรียกว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงไหม?

(10) กระทำการหรือไม่กระทำการตามที่กำหนดในกฎ ก.ตร.
กฎ ก.ตร.ว่าด้วยจริยธรรมตำรวจ 2566
(2) ข้าราชการตำรวจพึงหลีกเลี่ยงและละเว้นจากอบายมุขทั้งปวงหรือการกระทำอื่นใดที่อาจนำไปสู่ความเสื่อมเสียต่อตนเอง ครอบครัว และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
…พัวพันเว็บพนันออนไลน์ที่ทำร้ายทำลายลูกหลานเรามาช้านาน ถามว่า เสื่อมเสียไหม? มันยิ่งกว่าเสีย เสียจนไม่รู้จะเสียยังไง เสื่อมจนจนไม่รู้จะเสื่อมยังไงแล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ


(6) ข้าราชการตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ รวมทั้งไม่ใช้ตำแหน่ง อำนาจหรือหน้าที่ หรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่ง อำนาจหรือหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือใช้ไปในทางจูงใจ หรือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ การใช้ดุลยพินิจอันเป็นผลให้สูญเสียความยุติธรรม

…เข้าทุกข้อ เข้าทุกเงี่ยง ทุกแง่ ทุกมุม

ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก ยังไปสร้างวีรกรรมข่มขู่คุกคามอัยการชั้นผู้ใหญ่ระดับอธิบดี ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม นี่มันตำรวจหรือมาเฟียกันแน่เนี่ย นี่ ถ้าเป็นผม ผมสั่งถอนประกัน ให้ไปนอนในคุกแล้ว จะได้เลิกบ้าหายซ่า ไม่ต้องมาเสนอหน้าออกสื่ออีก ซ้ำยังทะลึ่งทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยังนายกรัฐมนตรีอีก

แล้วที่อัยการสูงสุดทวงถามความชอบธรรมให้คนในองค์กร ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีกับคนที่กระทำผิดกฎหมายจากเหตุการณ์ที่ไปข่มขู่คุกคามคนของเขา นี่มันตำรวจหรือโจรกันแน่ ?

“ท่าน ผบ.ตร.ครับ อีกไม่กี่เดือนท่านก็จะเกษียณ ถ้าท่านเกษียณไปแบบนี้ เจออะไรท่านก็นิ่งเฉย หรือว่าท่านกลัวเขาแบล็กเมล

“ท่าน ผบ.ตร.ครับ ลูกผู้ชายไว้ลายซะหน่อย ลูกน้องท่านส่ายหน้า เอือมระอากับท่านเต็มที่ ขณะที่ลูกน้องฝ่ายตรงข้ามเขามีกำลังวใจอย่างยิ่ง ใครใกล้ชิดท่าน ผบ.ตร.บอกท่านหน่อยว่า ท่านจะจบชีวิตการเป็น ผบ.ตร.ในยุคที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ และท่านต้องรับผิดชอบด้วยกับประวัติศาสตร์ช่วงนี้” นายสนธิกล่าว

“โจ๊ก” แถลงแก้ตัวพัลวัน ขวาง ป.ป.ช.ส่งเรื่องกลับ ตร.


เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้เปิดสโมสรตำรวจเปิดแถลงข่าวอย่างเร่งด่วน โดยพยายามสกัดไม่ให้ ป.ป.ช. ส่งคดีของตัวเอง กลับมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับ "เครือข่ายเว็บพนันของมินนี่" มีการแก้ตัวในหลายประเด็น ที่คลาดเคลื่อนกับความเป็นจริง ยกตัวอย่างเช่น

- อ้างว่าตัวเองไม่เคยคุมหน่วยงานตำรวจที่ปราบปรามเรื่องเว็บพนันเลย จึงไม่สามารถให้คุณให้โทษกับ เว็บพนันได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เคยคุมหน่วยเฉพาะกิจที่เรียกว่า TACTIC ที่เป็นหน่วยปราบปรามการพนันออนไลน์ ในยุคของที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

- ตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนันมินนี่ ที่ลูกน้องใกล้ชิดของตัวเอง 8 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหา

- ไม่มีเส้นเงินสักเส้นมาถึงตัวเอง

- สาเหตุที่ตัวเองออกมาปกป้องลูกน้อง ก็เพราะเป็นลูกน้อง แต่ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด แต่ไม่ใช่ว่าลูกน้องผิดแล้ว ตนเองต้องไปเกี่ยวข้องด้วย (ซึ่งถือว่าขัดแย้งกับคำพูดของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่เคยออกมาพูดถึงกรณีอดีตผู้การชลบุรี ว่า "หลักคิดง่ายๆ ..นะครับนะ คนเป็นลูกน้องเนี่ยะ ..นะครับนะ ถ้านายไม่รับรู้เนี่ยไม่มีใครกล้าทำแบบนี้หรอก?”)


- พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เน้นย้ำว่า จะสกัดทุกวิถีทางไม่ให้ ป.ป.ช. ส่งเรื่องกลับมายัง ตร. เพราะเชื่อว่า ป.ป.ช.นั้นสามารถดึงเรื่องนี้ออกไปเรื่อย ๆ ได้ แต่ถ้าเรื่องกลับมายัง ตร. ตนเองโดนฟันแน่ ๆ

นายสนธิ กล่าวว่า เรื่องที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกมาพูดนั้น สามารถโต้แย้งได้ทุกข้อ รอฟังวันศุกร์หน้า จะจัดชุดใหญ่ในทุกข้อทุกประเด็นที่กล่าวอ้างมา

แต่ในสัปดาห์นี้ มีเรื่องที่จะพูดถึงกรณีเมื่อวันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้า “คดีเครือข่ายเว็บพนันมินนี่” ว่า สำหรับคดีนี้ตนออกมาพูดในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่งตั้งขึ้นมาเพื่อร่วมสืบสวนสอบสวนคดี โดยคดีดังกล่าวจะแยกเป็น 2 สำนวนคดี


คดีแรก มีผู้ต้องหา 61 ราย มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชน ซึ่งเป็นคดีหลัก มีพนักงานสอบสวนเป็นผู้รับผิดชอบ

ส่วนอีกคดี เป็นการสืบสวนขยายผลพบผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเพิ่มอีก 5 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ สำนวนอยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช.แล้ว เนื่องจากมีเรื่องหลักเกณฑ์ผู้ถูกกล่าวโทษเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของทาง ป.ป.ช. ว่าจะส่งกลับมาให้ทางตำรวจดำเนินการต่อหรือจะรับดำเนินการเอง แต่เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือไปยัง ป.ป.ช. เพื่อขอรับสำนวนคดีดังกล่าวกลับมาดำเนินการเนื่องจากมองว่าเป็นคดีเกี่ยวพันต่อเนื่องกับคดีแรก

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในจำนวนเจ้าหน้าที่ทั้ง 5 ราย ของคดีที่สองนั้นมีชื่อของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. อยู่ในรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยอมรับว่า มีตามที่ปรากฏบนสื่อต่างๆ จริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้ง 5 รายนั้น ถูกดำเนินคดีในความผิดตามมาตรา 157, 149 และ หากทาง ป.ป.ช. พิจารณาส่งสำนวนกลับมาให้พนักงานสอบสวนทำก็จะมีการแจ้งข้อหาในความผิดฐานฟอกเงินเพิ่มเติมกับทั้ง 5 คน อีกข้อหา

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ หรือ “บิ๊กเต่า” กล่าวอีกว่า แน่นอนว่า หากตำรวจสามารถนำสำนวนคดีที่ 2 ที่ยังคาอยู่ที่ ป.ป.ช. กลับมาดำเนินการเองได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวนทางคดี แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่า ทาง ป.ป.ช. ยังไม่มีการพิจารณา ส่วนจะส่งกลับมาให้ทางตำรวจดำเนินการหรือไม่ อยู่ที่ ป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณาเราจะไม่เข้าไปกดดันหรือก้าวก่าย

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า “ยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกมการเมืองภายในแวดวงตำรวจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามข้อเท็จจริง ตั้งแต่สมัยที่ผมยังดำรงตำแหน่งเป็น ผบก.ปปป. ก่อนจะมีการขยายผลต่อเนื่อง จนไปพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องเพิ่มเติม ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องสะเทือนใจ เพราะมีตำรวจเข้าไปร่วมกระทำผิด ยิ่งเมื่อเห็นตัวเงินกว่า 300 ล้าน ผ่านเข้าไปในระบบ หรือเส้นทางการเงิน จึงปล่อยผ่านไม่ได้ หากปล่อยไว้จะกลายเป็นมะเร็งร้ายกัดกร่อนวงการตำรวจให้เสื่อมเสียชื่อเสียง”


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีนี้ทางชุดคลี่คลายคดีจะดำเนินตามหลักข้อเท็จจริง โดยยึดพยานหลักฐานเป็นที่ตั้งไม่มีปรุงแต่ง เรามีหลักฐานเป็นสเตทเมนต์ บ่งบอกถึงคนที่เบิกเงิน และ แสดงไปถึงกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ที่ได้รับเงินจากบัญชีม้าตัวนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินมีการกระจายไปยังบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทางคดีเกือบครบทุกคน บางคนก็มาในนามญาติพี่น้อง แต่กว่าครึ่งหนึ่งจะไหลไปที่หัวหน้า ซึ่งเป็นการนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวอย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ไม่น่าจะมีเพียงแค่เงินจากบัญชีม้าจากเว็บพนันเครือข่ายมินนี่เพียงเท่านี้ น่าจะมีจากเว็บอื่น ๆ อีกด้วย อยู่ระหว่างตรวจสอบให้แน่ชัด

สำหรับคดีนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวด้วยว่า จะทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีละเว้น ว่าไปตามหลักฐาน ผิดถูกมีเพียงศาลเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสิน ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่มีรังแกใคร ไม่มีออกนอกเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ฝั่งผู้ถูกกล่าวหาเป็นคนมีอำนาจ การที่เราทำงานจึงจำเป็นต้องตั้งอยู่บนพยานหลักฐานข้อเท็จจริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นเกราะป้องกันเรา

ส่วนผู้ที่เป็นคนเอาบัญชีม้ามาใช้ก็ต้องอยู่ที่ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนที่จะต้องพิจารณาตามพยานหลักฐาน ส่วนเรื่องกรอบระยะเวลาในการพิจารณาสำนวนของ ป.ป.ช. ไม่สามารถระบุหรือบอกระยะเวลาได้ เราจะไม่เข้าไปก้าวก่าย


“ประเด็น คือพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ครับ กรรมการ ป.ป.ช. ครับ คุณนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาฯ ป.ป.ช. ครับ คุณได้ฟังคำแถลงของ “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ รอง ผบช.ก. แล้ว คุณเห็นว่ายังไง?

“เพราะข่าวที่ผมได้มาล่าสุดในวันเดียวกันก็คือพนักงานสอบสวนส่งสำนวนเรื่อง "บิ๊กโจ๊ก" มีเส้นเงินพัวพันกับเว็บพนัน นี้ให้ ป.ป.ช. พิจารณาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 เป็นเวลา 2 เดือนกว่าแล้ว แต่ ป.ป.ช. ก็ยังไม่บรรจุเรื่องนี้เข้าสู่วาระพิจารณาคดี


“หากไล่เรียงขั้นตอนการทำงานของ ป.ป.ช.ทั้งหมดตามการพิจารณาการร้องเรียน-สำนวนคดีนั้น ป.ป.ช.จะมีชั้นการทำงาน 6 ระดับ คือ 1. เจ้าของสำนวนพิจารณาคำร้อง-ข้อกล่าวหาว่ามีมูลหรือไม่ 2. ส่งให้ ผอ.ไต่สวนการทุจริตภาครัฐ 1 พิจารณา 3. ส่งให้ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช.พิจารณา 4. ส่งให้คณะอนุกรรมการไต่สวนการทุจริตภาครัฐ 1 พิจารณา 5. ส่งให้ประธาน ป.ป.ช.พิจารณาว่าจะบรรจุเข้าวาระการประชุมหรือไม่ 6. เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา"


ขั้นตอนเหล่านี้จะใช้เวลานาน เพราะตามหลักกฎหมาย ป.ป.ช.ต้องดำเนินคดีให้แล้วเสร็จภายในสองปี และต่ออายุได้อีกหนึ่งปี รวมสามปี

“พล.ต.อ.วัชรพล ครับ คุณนิวัติไชยครับ คดีสำคัญอย่างนี้ ส่งผลกระทบต่อบ้านเมืองขนาดนี้ เกี่ยวพันกับเงินหลายร้อย หลายพัน หรืออาจจะหลายหมื่นล้านบาท เกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับรอง ผบ.ตร. และ ถึงขนาดมีผู้ต้องหาเป็นตำรวจ ไปข่มขู่คุกคามอัยการชั้นผู้ใหญ่ พวกคุณ ป.ป.ช. กะดองเอาไว้กี่เดือน กี่ปี หรือ เอาไว้ถึงชาติหน้า?

“ทั้ง ๆ ที่ตำรวจเขาสืบสวน สอบสวนเรื่องราวเอาไว้หมดแล้ว ถ้าพวกคุณไม่ทำอะไรก็ส่งเรื่องกลับมาให้ตำรวจเขาจัดการ เพราะเขาเห็นว่าเรื่องนี้กระทบกับชื่อเสียง และการทำงานของเขาอย่างร้ายแรง อย่าไปดองเรื่องเอาไว้” นายสนธิกล่าว

นอกจากข้อมูลของ รอง ผบช.ก.แล้ว ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริตของคนพวกนี้ ที่ฝากไว้ในรูปแบบต่างๆ เช่น

- เงินสดจะฝากไว้กับ "ทนายคนสนิท" โดยจะเล่นแร่แปรธาตุด้วยวิธีการซื้อขายพระกับ "เซียนใหญ่เมืองชล"

- ส่วนรถหรูที่มีหลายสิบคัน ก็ฝากเอาไว้ในหลายแหล่ง โดยบุคคลที่ฝากเอาไว้มากที่สุดก็คือ เฮียกุ่ย, เช่น รถตู้อัลฟาร์ด, ปอร์เช่ มาคาน, แลนด์โรเวอร์, บีเอ็มดับเบิลยู, รถเบนซ์ จีคลาส รวมถึงรถเบนซ์ เอสคลาส เป็นต้น

- ไม่นับรวมกับบ้านหรู คอนโดหรู และอสังหาริมทรัพย์อีกหลายอย่างที่อยู่ในชื่อของนอมินี ที่ถ้าเปิดเผยออกมารับรองว่าต้องตะลึงอย่างแน่นอน!


ประเด็น 2 มาถึงขั้นนี้แล้ว สื่อหลาย ๆ เจ้า โดยเฉพาะคุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ น่าประหลาดใจที่นายดนันบิดประเด็นว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ซึ่งจริง ๆ แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งธรรมดา แต่คดีนี้โยงมาตั้งแต่เรื่อง “ตู้ห่าว ทุนจีนสีเทา” ที่ถูกจับได้แล้วเจอยอดเงินที่ตู้ห่าวส่งไปถึงนายตำรวจผู้ใหญ่คนหนึ่ง นายตำรวจผู้ใหญ่คนนี้ขอร้องให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.ดึงชื่อเขาออกไป แต่ พล.ต.ท.ธิติ ไม่ยอม แล้วก็โยงมาถึง “เครือข่ายเว็บพนันมินนี่” เป็นการพบความผิดจริงๆ ไม่ใช่ว่ามีใครมาแต่งเรื่องขึ้น ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้ง

แล้วที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ออกมา แสดงว่าได้รับการเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชาก็คือ บิ๊กก้อง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

“ผมอยากจะเตือนไว้หน่อย บรรดาสื่อมวลชนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักข่าว 7-8 คน หรือสมาคมสื่อมวลชน หรือแม้กระทั่งคุณดนัย หมาแก่ก็ตาม ถ้าคุณไม่มีอะไรเกี่ยวพันก็ดีไป แต่ถ้าคุณมี เส้นทางการเงินเขาเช็คถึงหมด ถ้าไปถึงใคร ผมรับรองได้ว่าพวกคุณโดนเช็คบิลแน่นอน” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น