1."ทักษิณ" กลับบ้านจันทร์ส่องหล้าหลังได้พักโทษ "โฆษก พท." ยัน ป่วยจริง กระดูกคอเสื่อม-เส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย ด้าน "ฮุนเซน-เศรษฐา" รุดเยี่ยม!
จากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร นักโทษเด็ดขาด เดินทางกลับประเทศเพื่อรับโทษเมื่อวันที่ 22 ส.ค.66 แต่เข้าเรือนจำไม่ทันข้ามวัน ก็เข้าพักรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ โดยอ้างว่าป่วย แต่ไม่มีการเปิดเผยจากแพทย์หรือกรมราชทัณฑ์ว่า ป่วยด้วยโรคอะไร โดยอ้างว่า เป็นข้อมูลส่วนบุคคล ไม่สามารถเปิดเผยได้ และพักอยู่ รพ.ตำรวจนานถึง 180 วัน หรือ 6 เดือน กระทั่งล่าสุด ได้รับการพักโทษ โดยกรมราชทัณฑ์ และนายทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้เหตุผลที่นายทักษิณได้พักโทษว่า เนื่องจากเข้าเงื่อนไขติดคุกมาแล้ว 6 เดือน หรือ 1 ใน 3 และอยู่ในกลุ่มเจ็บป่วยร้ายแรง พิการ หรืออายุ 70 ปีขึ้นไป
โดยเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลา 06.09 น. นายทักษิณ ได้เดินทางออกจากอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา รพ.ตำรวจ โดยนั่งรถตู้สีดำ ทะเบียน ภษ 1414 สวมเสื้อเชิ้ตสีเขียว ใส่หน้ากากอนามัย พร้อมสวมเฝือกที่คอ และแขนขวา โดยในรถตู้มี น.ส.แพรทองธาร นั่งอยู่ด้วย ซึ่งรถมุ่งหน้ากลับบ้านพักจันทร์ส่องหล้า ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69
ทั้งนี้ ช่วงเย็นวันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ได้โพสต์ผ่านอินสตราแกรมส่วนตัวเป็นภาพนายทักษิณนั่งใกล้สระว่ายน้ำภายในบ้านพัก พร้อมระบุว่า "หลังไม่ได้เจออากาศและแดดข้างนอกมา 180 วัน และไม่ได้กลับบ้านหลังนี้มา 17 ปี … พ่อก็ออกนั่งข้างนอกแบบนี้ นั่งอยู่สักพักเลย พร้อมแฮชแท็ก #finallyhome" โดยนายทักษิณแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้น ซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่เดินทางออกจาก รพ.ตำรวจ
เป็นที่น่าสังเกตว่า หลายฝ่ายค่อนข้างเคลือบแคลงว่า นายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ เหตุใดจึงสามารถเดินทางออกจาก รพ.ได้ทันทีที่ได้รับการพักโทษ อีกทั้งสีหน้าก็ไม่เหมือนคนป่วยแต่อย่างใด
ด้านกรมราชทัณฑ์ได้เปิดแถลงในวันเดียวกัน (18 ก.พ.) ถึงการปล่อยตัวพักโทษนายทักษิณว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้รับตัวนายทักษิณฯ เข้ามาควบคุมตัวในเรือนจำฯ ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.2566 โดยศาลฎีกามีคำพิพากษาตัดสินจำคุก 3 คดี รวมกำหนดโทษ 8 ปี ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ เหลือโทษจำคุก 1 ปี และนับตั้งแต่นายทักษิณฯ รับโทษจำคุก จนกระทั่งถึงปัจจุบัน วันที่ 17 ก.พ.2567 เป็นระยะเวลารวม 6 เดือน
ซึ่งตามแนวทางปฏิบัติของกรมราชทัณฑ์เกี่ยวกับการพักการลงโทษ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจะตรวจสอบคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ของนักโทษเด็ดขาดที่เข้าเกณฑ์เพื่อดำเนินการขอพักการลงโทษ โดยกรณีของนายทักษิณฯ จัดอยู่ในกลุ่มผู้มีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป โดยมีคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ทั่วไปครบตามที่กำหนดไว้ในประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดเข้าโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ลงวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2563 คือ เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลาง ต้องโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือ 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า...
2 วันต่อมา (20 ก.พ.) ที่พรรคเพื่อไทย ทีมโฆษกของพรรคได้แถลงข่าวถึงอาการป่วยของนายทักษิณ ที่เพิ่งได้รับการพักโทษและต้องใส่เฝือกอ่อนที่คอและที่แขนข้างขวาในวันที่ออกจาก รพ.ตำรวจว่า ทุกคนในพรรคเป็นห่วงนายทักษิณ และตนได้ถามไถ่ถึงอาการเจ็บป่วยกับหัวหน้าพรรค(นางสาวแพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ) จึงได้ทราบว่า ก่อนที่นายทักษิณจะกลับเข้ามาในประเทศไทยนั้น บางคนอาจยังไม่ทราบว่า นายทักษิณติดเชื้อโควิดมาแล้ว 3 รอบ โดยรอบแรกเป็นรอบที่หนักที่สุด อยู่ในช่วงที่อู่ฮั่นกำลังระบาด มีอาการเจ็บป่วยอยู่เป็นเดือน อาการหนักถึงขนาดต้องเข้าห้องไอซียู หลังจากนั้นก็ติดโควิดอีก 2 รอบ ซึ่งอาการลองโควิดของนายทักษิณนั้นมีอาการตามมาเยอะมาก เนื่องจากนายทักษิณเป็นผู้ป่วยที่มีอายุกว่า 70 ปีแล้ว ฉะนั้นอาการโควิดนั้นเป็นอาการหนึ่งที่รุมเร้ามาตลอด
ส่วนที่ปรากฏภาพนายทักษิณใส่เฝือกที่คอนั้น นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการที่ได้คุยกับหัวหน้าพรรค ทราบว่า นายทักษิณเป็นโรคกระดูกคอเสื่อม ซึ่งผลจากการตรวจอย่างละเอียดที่ รพ.ตำรวจ จากการทำเอ็มอาร์ไอ หมอที่โรงพยาบาลตำรวจได้แนะนำให้นายทักษิณเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งเป็นไปตามวัย แต่นายทักษิณขอออกมาจากโรงพยาบาลก่อน แล้วจึงจะกลับเข้าไปรักษา เนื่องจากยังมีอีกหลายโรคที่รุมเร้าอยู่
ส่วนภาพที่เห็นคล้องแขนออกมานั้น หัวหน้าพรรคบอกว่าเป็นเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย ซึ่งต้องทำกายภาพหลังจากนี้ไม่ต่ำกว่า 1 ปี จึงจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ โดยโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุหลายๆ คน และสาเหตุที่หายช้าเนื่องจากตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่นายทักษิณอยู่ภายใต้การดูแลของกรมราชทัณฑ์ ที่โรงพยาบาลตำรวจ แทบจะไม่ได้มีการออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อร่วงโรยไปตามวัย เร็วกว่าคนที่สามารถออกกำลังกายได้ และในขณะอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจก็ได้เข้ารับการผ่าตัด เพื่อที่จะทำให้เส้นเอ็นเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ด้วยวัย จึงจำเป็นที่จะต้องใส่เฝือกอ่อนที่แขนไว้ก่อน
นายดนุพรยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้นายทักษิณพยายามรักษาตัวให้กลับมาแข็งแรงอย่างเต็มที่ และต้องพบแพทย์อยู่ตลอด เพื่อให้อาการเหล่านี้ได้ทุเลาลง และก็หวังว่าอาการจะกลับมาเป็นปกติให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่มีทั้งคนชอบและจับผิด เพราะเป็นนักการเมือง เป็นอดีตนายกฯ แต่วันนี้ขอสื่อสารไปยังผู้เป็นห่วงเป็นใยว่า นายทักษิณมีอาการป่วย อาการหนักจริงและพยายามรักษาตัวให้แข็งแรงที่สุดเพื่อกลับมาใช้ความรู้ความสารมารถแนะนำนักการเมืองรุ่นต่อไปทำงานเพื่อประเทศชาติ ส่วนความคืบหน้าอย่างไรจะขอสอบถามหัวหน้าพรรคเพื่อนำอาการมาเปิดเผยให้ผู้เป็นห่วงเป็นใยได้ทราบ
วันต่อมา (21 ก.พ.) สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน หรือสมเด็จฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา พร้อมคณะ ได้เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้า โดยได้มีการรับประทานอาหารร่วมกันกับนายทักษิณ และ น.ส.แพทองธาร โดยใช้เวลาอยู่ในบ้านจันทร์ส่องหล้าประมาณ 2 ชั่วโมง
ทั้งนี้ สมเด็จฮุนเซนได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเป็นภาพการเข้าเยี่ยมนายทักษิณ โดยมี น.ส.แพทองธาร ร่วมวงสนทนาด้วย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น
ล่าสุด (24 ก.พ.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้เดินทางเข้าเยี่ยมนายทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้า และเผยหลังเข้าเยี่ยมเป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง โดยยืนยันว่า ไม่ได้คุยเรื่องการเมืองหรือให้คำแนะนำอะไร เน้นที่เรื่องสุขภาพมากกว่า โดยเห็นว่านายทักษิณยังมีอาการเจ็บที่แขน แต่เริ่มขยับได้บ้าง และเชื่อว่าอาการคงดีขึ้น เพราะมีความสุขที่ได้อยู่บ้าน หลังไม่ได้อยู่มานาน 17 ปี สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสดี อารมณ์ดี "ผมมั่นใจว่าเรื่องสำคัญที่สุดของท่าน คือเรื่องสุขภาพ คนเราเรื่องอื่นไม่สำคัญเท่าเรื่องสุขภาพ มีเงินมีอำนาจมากขนาดไหน ถ้าสุขภาพไม่ดีก็ไม่มีความสุข ช่วงเวลานี้ท่านคงโฟกัสที่เรื่องสุขภาพ ตนก็ฟังจากที่ท่านพูด ว่าอยากกลับมาเป็นคนปกติ กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ อย่างน้อยไม่แข็งแรงเหมือนสมัยก่อน แต่ก็เชื่อว่าอยากจะกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติกับครอบครัว"
2.พ่อ ยื่นศาลขอประกัน “ตะวัน-เพื่อน” คดีป่วนขบวนเสด็จ อ้างอาการแย่หลังอดข้าวอดน้ำ รับปากหากได้ประกัน จะดูแลลูกไม่ให้ยุ่งเกี่ยวการเมืองอีก ด้านศาลนัดฟังคำสั่งพรุ่งนี้!
ความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ อายุ 22 ปี แกนนำกลุ่มทะลุวัง และเพื่อน คือ นายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ ได้ขับรถบีบแตรลากยาวป่วนขบวนเสด็จของกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จผ่านทางร่วมต่างระดับมักกะสัน เมื่อวันที่ 4 ก.พ.รวมทั้งพยายามขับแซงขบวนเสด็จ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถวายความปลอดภัยปฏิบัติหน้าที่รถปิดท้ายต้องเข้าสกัดกั้นรถของ น.ส.ทานตะวันและเพื่อนให้หยุดการกระทำดังกล่าว ก่อนปรากฏคลิปที่ น.ส.ทานตะวัน แสดงความไม่พอใจเจ้าหน้าที่ พร้อมใช้ถ้อยคำดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ ซึ่งต่อมา น.ส.ทานตะวันและเพื่อนได้ถูกออกหมายจับและควบคุมตัวดำเนินคดี โดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และเกรงว่าหากปล่อยตัว จะก่อเหตุซ้ำ ขณะที่ น.ส.ทานตะวันและแฟรงค์ได้ประกาศจะอดอาหารและน้ำประท้วงเพื่อ 3 ข้อเรียกร้อง โดยจะไม่ยื่นประกันตัว 1.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 2.ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะเห็นต่างอีก 3.ประเทศไทยไม่ควรเป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน UN
ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ทนายความได้ยื่นขอประกันตัว น.ส.ทานตะวันและแฟรงค์ ต่อศาลอาญา ด้วยหลักทรัพย์คนละ 7 หมื่นบาท ซึ่งเป็นไปตามความประสงค์ของพ่อและแม่ น.ส.ทานตะวัน แต่ศาลยกคำร้อง ไม่ให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า ที่ผู้ร้องอ้างว่า ระหว่างถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ผู้ต้องหาอดข้าว อดน้ำ และไม่รับการรักษา จนอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหานั้น ศาลเห็นว่า เป็นอำนาจและดุลยพินิจของกรมราชทัณฑ์ ในการดูแลส่งตัวไปรักษาตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 มาตรา 55 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้ จึงไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ยกคำร้อง
ทั้งนี้ ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า น.ส.ทานตะวัน ได้ถูกย้ายตัวจาก รพ.ราชทัณฑ์ ไปยัง รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติแล้ว
ล่าสุด (24 ก.พ.) นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ พ่อของ น.ส.ทานตะวัน ได้ยื่นขอประกันตัวลูกสาวและนายแฟรงค์ต่อศาลอาญา โดยนายสมหมาย เผยว่า เมื่อวานได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ พบว่า นายณัฐนนท์ มีร่างกายที่แย่มาก ร่างกายขาดน้ำและขาดอาหาร เบลอไปหมด พูดไม่ได้ ส่วนอาการของ น.ส. ทานตะวัน ร่างกายเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก การพูดจาสามารถทำได้เพียงแค่กระซิบ แทบจะไม่ได้ยินเลย ถ้าปล่อยต่อไปให้เป็นเช่นนี้ อีกไม่กี่วันไม่แน่ใจว่าจะรักษาชีวิตไว้ได้หรือไม่ ทั้งสองคนไม่มีแรงแม้กระทั่งจะฝากบอกอะไรมา เลยมาขอความเมตตาจากศาล ให้ปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อออกมารับการรักษา โดยครั้งนี้เป็นการยื่นขอประกันครั้งที่ 3 จึงหวังว่าศาลจะเมตตา
นายสมหมายกล่าวอีกว่า ในวันเกิดเหตุ ทั้ง 2 คนไปร่วมงานศพของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มทะลุฟ้าคนหนึ่ง ซึ่งขากลับได้ขึ้นทางด่วนแล้วไปเจอขบวนเสด็จโดยบังเอิญ ไม่ได้มีเจตนาหรือวางแผนเพื่อไปก่อเหตุป่วนขบวนเสด็จแต่อย่างใด เพราะคนทั่วไปไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เส้นทางเสด็จจะใช้เส้นทางใดบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาที่ระหว่างเดินทางอยู่จะไปเจอขบวนเสด็จ อีกทั้งขบวนเสด็จใช้ความเร็ว ไม่มีทางที่จะขับรถตามไปป่วนขบวนเสด็จได้ทัน แต่ก็ยอมรับว่า เด็กทั้งสองคนมีพฤติกรรมและใช้วาจาไม่เหมาะสมกับเจ้าหน้าที่ แต่การกล่าวหาดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่เกินความเป็นจริง ลำพังเด็กทั้งสองคนจะไปทำอะไรได้ เพราะถ้ามีการใช้ความรุนแรงจริง เจ้าหน้าที่ก็สามารถดำเนินการขั้นเด็ดขาดขณะเกิดเหตุได้ทันที
นายสมหมาย ยังให้คำมั่นด้วยว่า หากศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จะดูแลลูกไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองอีก จะให้ใช้ชีวิตตามประสาวัยรุ่น และเรียนให้จบต่อไป
ด้านนายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือสายน้ำ กลุ่มทะลุวัง ซึ่งมาให้กำลังใจ เผยว่า เบื้องต้นในวันที่ 25 ก.พ.นี้ จะครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 2 คนในผัดแรก ซึ่งจะต้องรอดูพนักงานสอบสวนว่าจะขอฝากขังต่อในผัดที่ 2 หรือไม่ ศาลจึงมีคำสั่งให้ทางผู้ร้องขอประกันตัวนำเอกสารใบรับรองแพทย์มาประกอบเพิ่มเติม โดยนัดฟังคำสั่งในวันพรุ่งนี้ เวลา 13.30 น.
3. "บิ๊กเต่า-บิ๊กโจ๊ก" ซัดกันนัวคดี "มินนี่" ฝ่ายแรกยันมีหลักฐาน ฝ่ายหลังยันไม่เอี่ยวเว็บพนัน ด้าน ผบ.ตร.ยัน ไม่รู้ใครอีแอบ ชี้ ของแท้ไม่ต้องออกมาพูด!
ความคืบหน้ากรณีมีรายงานว่า พนักงานอัยการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้รับสำนวนการสอบสวน คดีที่ตำรวจได้เข้าจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเปิดเว็บพนันออนไลน์ betfixroyal และสามารถจับกุม น.ส.ธันยนันท์ หรือมินนี่ หรือ ‘เครือข่ายมินนี่’ ผู้ต้องหาตามหมายจับกับพวกในช่วงปี 2566 สำหรับสำนวนที่อัยการรับมานั้น เป็นของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นทางคดีว่า สมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา 14 คน (เดิมผู้ต้องหามีทั้งหมด 60 กว่าคน) และ 8 จาก 14 คนเป็นตำรวจ ซึ่งเป็นลูกน้องของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย
และมีรายงานอีกว่า ต่อมา คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ขยายผลพบพยานหลักฐานและผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้ต้องหาเพิ่มเติม จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีข้าราชการตำรวจอีก 5 นาย คือ 1.พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 2.พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ข้าราชการบำนาญ 3.พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รองผู้บังคับการสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 4.พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี 5.ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ผบ.หมู่ สายตรวจ 3 กองบังคับการตำรวจจราจร กองบัญชาการตำรวจนครบาล
ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องเว็บพนันเครือข่ายมินนี่ เนื่องจากตนไม่ได้ให้คุณให้โทษกับเว็บพนัน และตนไม่ได้คุมไซเบอร์ ส่วนกรณีพบเส้นทางการเงินของตนโอนไปยังลูกน้องนั้น ยืนยันว่า เป็นเงินที่ตนให้ไปทำงาน ไม่ใช่เงินที่มาจากเว็บพนัน ส่วนที่ตนต้องตกเป็นเป้าหมายนั้น เชื่อว่า สังคมรู้ดีว่าเป็นการดิสเครดิตตน
ส่วนที่กองบัญชาสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ออกหมายเรียกตนให้ไปให้การในฐานะพยานนั้น จนถึงขณะนี้ตนยังไม่ได้รับการประสานแต่อย่างใด ส่วนจะเดินทางไปหรือไม่นั้น ต้องดูว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจอะไร และต้องเป็นคำสั่งของอัยการเท่านั้นถึงจะเดินทางไป เพราะสำนวนคดีนี้อยู่กับอัยการ และส่วนหนึ่งอยู่ที่ ป.ป.ช. คดีนี้ตนรู้สึกสงสารลูกน้อง และพนักงานสอบสวนบางคนที่ถูกเรียกมาเซ็นชื่อ แต่ไม่ได้ทำสำนวน ขอเตือนว่า พอถึงเวลาปัญหาเกิดขึ้น จะต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีนายอยู่เคียงข้าง เพราะตนเจอมาหมดแล้ว
ส่วนกรณีอัยการถูก 1 ใน 8 ลูกน้องของตนไปคุกคาม สะกดรอยตามนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการสอบถามลูกน้องยืนยันว่าไม่ได้กระทำการลักษณะดังกล่าว และหลังจากเป็นกระแสก็ได้ยื่นเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่
ส่วนกรณี พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ามีการไปคุกคาม ได้มาปรึกษาก่อนยื่นจดหมายถึงนายกฯ หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า เพิ่งรู้หลังจากที่ยื่นหนังสือไปแล้ว เพราะถ้าทราบก่อน จะไม่ให้ยื่นเด็ดขาด เพราะมองว่าไม่จำเป็น
2 วันต่อมา (21 ก.พ.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเครือข่ายเว็บพนันมินนี่ว่า คดีนี้ตนออกมาพูดในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่งตั้งขึ้นมาเพื่อร่วมสืบสวนสอบสวนคดี โดยคดีดังกล่าวจะแยกเป็น 2 สำนวนคดี คดีแรก มีผู้ต้องหา 61 ราย มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชน ซึ่งเป็นคดีหลัก มีพนักงานสอบสวนเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนอีกคดี เป็นการสืบสวนขยายผลพบผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเพิ่มอีก 5 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ สำนวนอยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช. แล้ว เนื่องจากมีเรื่องหลักเกณฑ์ผู้ถูกกล่าวโทษเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของทาง ป.ป.ช. ว่าจะส่งกลับมาให้ทางตำรวจดำเนินการต่อหรือจะรับดำเนินการเอง แต่เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือไปยัง ป.ป.ช. เพื่อขอรับสำนวนคดีดังกล่าวกลับมาดำเนินการ เนื่องจากมองว่าเป็นคดีเกี่ยวพันต่อเนื่องกับคดีแรก
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 5 ราย ของคดีที่สองนั้นมีชื่อของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. อยู่ในรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยอมรับว่า มีตามที่ปรากฏบนสื่อต่างๆ จริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้ง 5 รายนั้น ถูกดำเนินคดีในความผิดตามมาตรา 157, 149 และหากทาง ป.ป.ช.พิจารณาส่งสำนวนกลับมาให้พนักงานสอบสวนทำ ก็จะมีการแจ้งข้อหาในความผิดฐานฟอกเงินเพิ่มเติมกับทั้ง 5 คน อีกข้อหา
“ยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกมการเมืองภายในแวดวงตำรวจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามข้อเท็จจริง ตั้งแต่สมัยที่ผมยังดำรงตำแหน่งเป็น ผบก.ปปป. ก่อนจะมีการขยายผลต่อเนื่อง จนไปพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องเพิ่มเติม ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องสะเทือนใจ เพราะมีตำรวจเข้าไปร่วมกระทำผิด ยิ่งเมื่อเห็นตัวเงินกว่า 300 ล้าน ผ่านเข้าไปในระบบ หรือเส้นทางการเงิน จึงปล่อยผ่านไม่ได้ หากปล่อยไว้จะกลายเป็นมะเร็งร้ายกัดกร่อนวงการตำรวจให้เสื่อมเสียชื่อเสียง”
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีนี้ทางชุดคลี่คลายคดีจะดำเนินตามหลักข้อเท็จจริง โดยยึดพยานหลักฐานเป็นที่ตั้งไม่มีปรุงแต่ง เรามีหลักฐานเป็นสเตจเมนต์บ่งบอกถึงคนที่เบิกเงิน และแสดงไปถึงกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่ได้รับเงินจากบัญชีม้าตัวนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินมีการกระจายไปยังบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทางคดีเกือบครบทุกคน บางคนก็มาในนามญาติพี่น้อง แต่กว่าครึ่งหนึ่งจะไหลไปที่หัวหน้า ซึ่งเป็นการนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวด้วยว่า สำหรับคดีนี้จะทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีละเว้น ว่าไปตามหลักฐาน ผิดถูกมีเพียงศาลเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสิน ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่มีรังแกใคร ไม่มีออกนอกเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ฝั่งผู้ถูกกล่าวหาเป็นคนมีอำนาจ การที่เราทำงานจึงจำเป็นต้องตั้งอยู่บนพยานหลักฐานข้อเท็จจริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นเกราะป้องกันเรา ทั้งนี้ ขอฝากไปถึงคนที่กำลังทำลายองค์กรตำรวจ ขอให้หยุดการกระทำนั้นเสีย
วันต่อมา (22 ก.พ.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้แถลงข่าวชี้แจงกรณี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เตรียมแจ้งข้อหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับพวกรวม 5 นาย ในความผิด ม.157 และ ม.149 ว่า เรื่องนี้เริ่มต้นจากการค้นบ้านตน หลังแจ้งข้อกล่าวหาลูกน้องตน วันดีคืนดีก็มีข่าวว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาตน และมีชื่อตนโผล่ในสำนวน เพื่อทำให้ตนเสียชื่อเสียง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า กรณีมีการแถลงถึงสำนวนใน ป.ป.ช. จนมีข่าวว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหาตน ทั้งที่สำนวนดังกล่าวชงไปให้ ป.ป.ช.แล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วทำไมวันนี้คึกคักอยากจะเอาสำนวนกลับมา แล้วมีการแถลงว่า ป.ป.ช.ต้องส่งให้ตำรวจ ซึ่งเป็นการแถลงข่าวกดดัน ป.ป.ช. อยากถามว่าคุณเป็นใคร ยศอะไร ทำไมมาแถลงกดดัน ป.ป.ช. หรือไม่เชื่อมั่นระบบไต่สวนของ ป.ป.ช. ดังนั้นตำรวจยศใหญ่ๆ ควรออกมาพูดบ้าง อย่าทำตัวเป็นอีแอบ อย่าให้ลูกน้องแค่ยศเล็กๆ ออกมาพูด เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายแบบนี้ วันนี้สรุปยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ กับผมทั้งสิ้น ผมยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ 100%
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันด้วยว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน ไม่มีเส้นเงินจากเว็บพนันโอนเข้าบัญชีตน และไม่มีเส้นเงินจากบัญชีตนโอนเข้าเว็บพนัน ส่วนที่ลูกน้องตนใช้บัญชีม้านั้นก็ต้องเอาผิดลูกน้องตน แต่ไม่ใช่ว่าลูกน้องตนผิดแล้วตนจะผิดไปด้วย เพราะเขาทำอะไรบ้างตนจะรู้ไหม หากเขาผิดชัดเจนก็ต้องว่าไปไม่ใช่จะลากมาพันกับตน เพื่อให้ตนเสียชื่อเสียง และยืนยันว่าไม่มีเงินจากเว็บพนันโอนเข้าบัญชีญาติตนด้วย
ทั้งนี้ วันต่อมา (23 ก.พ.) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่ามีนายตำรวจยศใหญ่ในคดีเว็บพนันที่เป็นอีแอบ ไม่ยอมออกมาเคลื่อนไหวเอง ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาออกมาชี้แจงตลอดว่า ตนก็ยังไม่ทราบว่าอีแอบคนนั้นคือใคร
"ของแท้ไม่ต้องออกมาพูดนักเลงเขาไม่พูดกัน ตอบโต้กันองค์กรมันเสียหาย หากพนักงานสอบสวนมีข้อมูลก็ใช้ข้อมูล ไม่ต้องมาโชว์ ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ผิดก็คือไม่ผิด วันนี้ยังบริสุทธิ์อยู่ 100% ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ผมไม่ได้ลอยตัว ผมคุยกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ทุกวัน วันนี้ก็จะเรียกทุกคนมานั่งคุยกัน รวมทั้ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้พี่น้องประชาชนเชื่อถือได้อย่างไร ถ้าตำรวจยังทะเลาะกัน ผมจะออกเป็นคำสั่งว่าการให้ข้อมูลข่าวสารให้ตั้งโฆษกขึ้นมาให้มีการกระจายข่าวที่เดียว" และว่า ในฐานะที่ผมเป็นพ่อบ้าน จะเดินหน้านโยบายสร้างบ้าน ให้เป็นบ้าน ให้ลูกบ้านสามัคคีกัน เพื่อเป็นบ้านที่มีความอบอุ่นต่อไป
4. ศาลจังหวัดทองผาภูมิพิพากษาประหารชีวิต 18 จำเลย หลังยกพวกทำร้ายกันในคุก จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เจ็บหลายราย!
จากกรณีนักโทษกลุ่มบ้านเมืองกาญจน์และนักโทษกลุ่มบ้านบ่อพลอย ประมาณ 70 คน ยกพวกทำร้ายร่างกายกันกับนักโทษกลุ่มบ้านท่ามะกา ที่มีอยู่ประมาณ 30 คน เป็นเหตุให้นักโทษกลุ่มบ้านท่ามะกาเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 6 ราย โดยผู้เสียชีวิตทั้งสองราย ถูกแทงด้วยของมีคม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ก.พ.2558 หรือเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา
หลังเจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจกว่า 70 นาย สนธิกำลังเข้าระงับเหตุ พบของกลางที่ใช้การก่อเหตุเป็นเหล็กมีคม จำนวน 5 เล่ม ส่วนสาเหตุเป็นเพราะนักโทษกลุ่มบ้านเมืองกาญจน์ และนักโทษกลุ่มบ้านบ่อพลอย ได้ช่วยกันสักลายตามร่างกายในเรือนจำ เมื่อกลุ่มนักโทษบ้านท่ามะกาเห็น จึงได้พูดเตือนให้นักโทษทั้ง 2 กลุ่มย้ายไปสักในจุดที่ไม่มีกล้องวงจรปิด ทำให้กลุ่มนักโทษกลุ่มบ้านเมืองกาญจน์และบ่อพลอยไม่พอใจ จึงก่อเหตุรุมทำร้ายกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุมีทั้งหมด 26 คน
คดีนี้ เมื่อวันที่ 14 ก.ค.2563 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ขณะนั้นยศ พล.ต.ต.ตำแหน่ง ผบก.ป.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.5 บก.ป.นำหมายจับศาลจังหวัดทองผาภูมิ ติดตามจับกุมตัวนายนัฐทกร หรือคิว ยอดประทุม อายุ 28 ปี หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุ ได้ที่ริมถนนท้องที่หมู่ 2 ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น และร่วมกันมีสิ่งของต้องห้ามในเรือนจำ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้นัดจำเลยมาฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น ทั้งนี้ จำเลยที่ก่อเหตุในเรือนจำทองผาภูมิจำนวน 26 คนนั้น ปรากฏว่า บางคนเสียชีวิตไปแล้ว บางคนหลบหนีในชั้นศาล ทำให้มีจำเลยมาฟังคำพิพากษา จำนวน 23 คน ซึ่งเอกสารคำพิพากษามีมากกว่า 100 หน้า ศาลจังหวัดทองผาภูมิจึงต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะอ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ
และเนื่องจากจำเลยมีเป็นจำนวนมาก พ.ต.อ.มนตรี แตงโต ผกก.สภ.ทองผาภูมิ จึงส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ ทั้งในและนอกเครื่องแบบร่วม 20 นาย ไปอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยระหว่างฟังคำพิพากษา
ทั้งนี้ ศาลจังหวัดทองผาภูมิได้มีคำพิพากษาประหารชีวิตจำเลย 18 ราย จำคุกตลอดชีวิต 1 ราย และยกฟ้องจำเลย จำนวน 4 ราย หลังฟังคำพิพากษา เจ้าหน้าที่เรือนจำอำเภอทองผาภูมิได้นำรถมารับตัวกลุ่มจำเลยทั้งหมดจากศาลจังหวัดทองผาภูมิไปเรือนจำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มข้น
5. "การบินไทย" โชว์กำไรปี 66 กว่า 2.8 หมื่นล้าน เตรียมซื้อเครื่องบินใหม่ 80 ลำ ยันโปร่งใส-รอบคอบ ไม่ใช้เงินภาษี ปชช.หรือเงินอุดหนุนจากรัฐบาลซื้อ!
เมื่อวันที่ 23 ก.พ. นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เผยผลการดำเนินงานปี 2566 ว่า มีรายได้ 161,067 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.3% จากปี 65 ซึ่งเป็นผลจากการขนส่งผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิ รวม 28,123 ล้านบาท มีกระแสเงินสด 67,130 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32,590 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว บริษัทมีรายได้รวม 45,170 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 65 อยู่ที่ 14.4% มาจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการบิน และการท่องเที่ยวและความต้องการเดินทางของผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ในปี 2567 คาดว่า จากการเปิดเส้นทางการบินใหม่ และการเดินทางที่ขยายตัวต่อเนื่อง รายได้ของบริษัทจะกลับไปใกล้เคียงกับในช่วงก่อนการระบาดของโควิด 19
ส่วนการเดินหน้าตามแผนฟื้นฟู นายปิยสวัสดิ์ ยืนยันว่า ภายในสิ้นปีนี้บริษัทจะสามารถแปลงหนี้เป็นทุนและออกหุ้นเพิ่มทุนให้เสร็จสิ้น และคาดว่าในปี 2568 จะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ และกลับมาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้อีกครั้ง
ขณะที่การจัดหาเครื่องบินใหม่ นายปิยสวัสดิ์ ระบุว่า ปัจจุบันสายการบินมีเครื่องบินรวม 70 ลำ และจะทยอยส่งมอบในปีนี้อีก 9 ลำ และจะมีเครื่องบินบางส่วนที่หมดสัญญาเช่า จะทำให้สายการบินมีเครื่องบินเหลือเพียง 51 ลำ ในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของการบินไทยลดลงตามไปด้วย จึงจำเป็นจะต้องจัดหาเครื่องบินเพิ่มเติม เป็นเครื่องบินแบบโบอิ้ง 787 ดรีมไลน์เนอร์ อีก 45 ลำ และในระยะถัดไป จะมีการจัดหาอีก 35 ลำ ซึ่งอาจจะเป็นเครื่องบินในตระกูลโบอิ้ง 787 หรืออาจจะเป็นเครื่องบิน 777-9 ยังเป็นตัวเลือกที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จะทำให้สายการบินมีเครื่องบินรวม 134 ลำ ภายในปี 2033 ซึ่งแม้จะเพิ่มจำนวนเครื่องบิน แต่การเติบโตของฝูงบินยังถือว่าต่ำกว่าตลาด
การจัดซื้อเครื่องบิน บริษัทได้พิจารณาสภาพคล่องและฐานะทางการเงินของบริษัทอย่างรอบคอบ ไม่มีปัญหากระทบกับการเงินของบริษัท และยังสามารถจ่ายคืนหนี้ และดอกเบี้ยให้กับเจ้าหนี้ได้ตามแผนฟื้นฟู ยืนยันว่า ไม่ได้ใช้เงินภาษีของประชาชนหรือเงินอุดหนุนจากรัฐบาลไปซื้อเครื่องบินลำใหม่
ด้านนายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า การซื้อเครื่องบินใหม่ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะเป็นการเช่า หรือเป็นการใช้เงินสดซื้อ ซึ่งบริษัทยังมีเวลาประเมินความสามารถในการจัดหาแหล่งเงินทุน ยังไม่ต้องรีบตัดสินใจ พร้อมย้ำว่า การจัดหาเครื่องบินใหม่มีความโปร่งใส ซึ่งเป็นการคุยตรงไปยังผู้ผลิตเครื่องบินและเครื่องยนต์โดยตรง ไม่ได้ผ่านนายหน้า และไม่มีค่าคอมมิชชั่น ส่วนลดเข้าบริษัททั้งหมด