xs
xsm
sm
md
lg

ตลกโคตรร้าย “ทักษิณ” พักโทษ รู้ตัวเองดีหลอกคนทั้งประเทศ ไม่มีความสุข

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” ชี้ “ทักษิณ” ได้พักโทษ กลับไปบ้านจันทร์ส่องหล้า โดยไม่ต้องนอนในคุกแม้แต่วันเดียว เป็นตลกโคตรร้ายของสังคมไทย มีขบวนการช่วยเหลือ บริวารใกล้ชิดออกมาปกป้องเรื่องอาการป่วย แต่เชื่อว่าไม่มีความสุขเพราะรู้ตัวเองดีว่าหลอกคนทั้งประเทศ คนทั้งสังคมรู้ทันเอาไปล้อเลียน เป็นที่ตลกขบขันกัน ลูกหลานครอบครัวโดนคนนินทาหมาดูถูก มีเรื่องตลกแถม เมื่อ“บิ๊กโจ๊ก” ได้โอกาสเข้าไปหาแสงตอน“ฮุนเซน” มาเยี่ยมบ้านจันทร์ส่องหล้า



ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ได้พักโทษ ออกจากโรงพยาบาลตำรวจเดินทางกลับบ้านจันทร์ส่องหล้าเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับว่านับตั้งแต่เดินทางกลับไทยเพื่อมารับโทษเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 นายทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว ซึ่งก็เป็นธรรมดาเพราะมีอำนาจ จะทำอะไรก็ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นตลกโคตรร้ายของสังคมไทย


นายสนธิ กล่าวว่า ตอนที่ออกจากโรงพยาบาล นายทักษิณปรากฏตัวอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตลายตารางสีเขียว กางเกงขาสั้นสีดำ และมีอุปกรณ์พยุงคอ อุปกรณ์คล้องแขนด้านขวา ผมดำขลับ หน้าตาอิ่มเอิบ ขามีกล้ามเนื้อเหมือนคนออกกำลังกายบนลู่วิ่งอยู่เสมอ สภาพย้อนแย้งกับที่อ้างว่าป่วยหนัก จนทำให้สังคมรุมตั้งคำถามว่านี่เป็นขบวนการป่วยการเมืองใช่หรือไม่ ซึ่งที่จริงก็ไม่ต้องถาม แต่เป็นเรื่องที่น่าขำมากๆ

เพราะเมื่อมีคำถามจากสังคมว่า นายทักษิณป่วยหนักจริงหรือไม่ หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และบรรดาคนใกล้ชิดต่างออกมาแก้ตัวให้เป็นพัลวัน


ตั้งแต่ นายปรีชา สุดสงวน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาที่ออกมาให้ข้อมูลใน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่นายทักษิณเดินทางมาพบอัยการที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อมาเซ็นรับทราบตามนัดของพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ในฐานะผู้ต้องหาในคดีตามมาตรา 112

ในวันนั้น นายปรีชา บอกว่าตนเองได้มีการพูดคุยกับนายทักษิณ ซึ่งจากสภาพที่เห็น นายทักษิณมีอาการป่วยขั้นวิกฤต เพราะต้องนั่งรถวีลแชร์มา เพราะเดินไม่ไหว และจากการที่ได้พูดคุย นายทักษิณพูดไม่ค่อยมีเสียง ดูท่าทางมีการป่วยหนัก และมีการสวมที่ดามคอมาแต่เนื่องจากสำนวนคดี ม.112 ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุด และสอบเพิ่มเติมยังไม่เสร็จ รวมทั้งนายทักษิณได้ยื่นขอความเป็นธรรม จึงจะมีการนัดหมายให้มาพบอีกครั้ง เพื่อฟังคำสั่งในวันที่ 10 เมษายน

ที่น่าตลกกว่านั้น มีนักการเมือง รัฐมนตรี และคนรอบตัวเรียงหน้าออกมายืนยันว่า นายทักษิณป่วยจริง” แต่ก็มีพิรุธจนคนทั้งประเทศเห็นเป็นเรื่องตลกขบขันกันทั้งเมือง

“สุทิน” บอกทักษิณกระดูกหัก แต่ “ภูมิธรรม” อ้างเส้นเอ็นไหล่ขาด


นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการกับนายกรัฐมนตรี ที่ จ.อุดรธานี บอกว่า จากที่เห็นภาพนายทักษิณใส่เฝือกที่คอและแขน ก็รู้สึกสงสาร ส่วนอีกมุมมองที่เห็นว่านายทักษิณไม่ได้ป่วย แต่สร้างสตอรี่ทำให้ป่วย ซึ่งความจริงแล้ว ป่วยจริง เราก็ต้องเชื่อแพทย์ เชื่อกรมราชทัณฑ์ เพราะแพทย์และราชทัณฑ์คงไม่เสี่ยง

“กระดูกหักนี่ ผมเห็นหักจริงนะ ไปทำล้อเล่น ไปทำเป็นสร้างภาพไม่ได้ และโดยตัวท่าน ท่านก็มีโรคอยู่ ผมเชื่อว่าป่วยจริง”นายสุทินกล่าว


ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ พูดถึงภาพที่ออกมา ทำให้หลายคนไม่เชื่อว่า ทักษิณป่วยจริง ว่า"... ไม่ป่วยจริงได้ยังไง ที่ผมถามมา บอกเป็นเรื่องของเส้นเอ็นไหล่ขาด ผมก็เคยอยู่ในสภาวะนี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็เคยอยู่ในสภาวะนี้ คนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้ชีวิตอยู่มานาน จะมีเส้นเอ็นที่ขาด อย่างของผมก็ขาด ต้องผ่าตัด มันยุ่ยไปหมด ต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาล และห้อยแขน 6-7 เดือนกว่าจะคืนมาได้ ...”

ตกลงไม่รู้ใครพูดจริง ใครพูดไม่จริงกันแน่ ระหว่างนายสุทิน กับ นายภูมิธรรม ที่คนหนึ่งบอกว่ากระดูกหัก อีกคนบอกเส้นเอ็นไหล่ขาด

ต่อมา วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ก็ตั้งโต๊ะแถลงอ้างว่า ได้ถามไถ่หัวหน้าพรรค(นางสาวแพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ)แล้วปรากฏว่านายทักษิณมีอาการป่วยรุมเร้า หลายโรค ประกอบไปด้วย คือ ลองโควิด จากการติดเชื้อโควิด 3 รอบ ทำให้ปอดเป็นฝ้า โรคกระดูกคอเสื่อม แพทย์แนะนำให้ผ่าตัด แต่ขอเลื่อนออกไปก่อน ส่วนที่เห็นใช้เฝือกอ่อนคล้องแขนนั้น เพราะ “โรคเส้นเอ็นแขนเปื่อยยุ่ย” ได้รับการผ่าตัดแล้วแต่ต้องทำกายภาพหลังจากนี้ไม่ต่ำกว่า 1 ปี


ยังไม่นับกับโรคอื่น ๆ ก่อนหน้าที่ เมื่อ วันที่ 23 สิงหาคม 2566 นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผอ.ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แถลงอาการป่วยของนายทักษิณหลังแพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ ตรวจสุขภาพ โดยระบุว่านายทักษิณเป็นกลุ่มเปราะบางและมีโรคประจำตัวที่ต้องเฝ้าระวัง คือ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง มีภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม ซึ่งเป็นการพูดแบบกลางๆ เพราะคนอายุ 70 ปีขึ้นไปก็เป็นโรคเหล่านี้ตามปกติ แต่ นพ.วัฒน์ชัยไม่ลงลึกถึงขั้นว่าเส้นเอ็นเปื่อย กระดูกคอเสื่อม เป็นการพูดกลางๆ เพื่อเอาตัวรอดไว้ก่อน


รวม ๆ แล้วนายทักษิณป่วย 6-7 โรค ถ้าสรุปจากคำบอกเล่าของ นายปรีชา อธิบดีอัยการฯ นายสุทิน นายภูมิธรรม รวมทั้งนายดนุพร ย้อนไปถึงที่ รพ.ราชทัณฑ์แถลง ตอนนี้ทักษิณน่าจะอาการหนัก ทั้งไม่มีเสียง ยืนไม่ไหวกระดูกหัก, เอ็นไหล่ขาด, ลองโควิด, กระดูกคอเสื่อม, เอ็นไหล่เปื่อย นอกจากนี้ยังเป็นโรคหัวใจ, ความดันโลหิตสูง, โรคกระดูกเสื่อมถ้าขนาดนี้คงต้องแอดมิดอีกรอบ แต่อย่าไป รพ.ตำรวจ เพราะว่าอาการอาจจะหนักกว่าเก่า สังเกตจากวันแรกที่เดินทางกลับไทยยังดูร่างกายแข็งแรงดี เดิน ยืน ลุก นั่ง โบกไม้โบกมือ ได้แบบไม่ติดขัด


แต่นี่แหละคือนิสัยของคนที่ชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร”

อย่างไรก็ตาม นายสนธิกล่าวว่า จริงๆ แล้วนายทักษิณไม่ได้มีความสุข เพราะรู้ตัวดีว่าหลอกตัวเองและหลอกคนไทยทั่งประเทศว่าป่วย แต่ตนเองไม่ได้ป่วย เพื่อจะใช้เป็นข้ออ้างในการอยู่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งถึงวันพักโทษ

ทุกวันนี้นายทักษิณ จึงกลายเป็นตัวตลกของสังคมไทย หลายคนคนเอารูปนายทักษิณไปล้อเลียน ไปทำเอไอ เป็นตัวโน้นตัวนี้ เป็นภาพในเน็ตฟลิกซ์ เพื่อประชดว่า คนเขารู้ทันว่าพฤติกรรมทั้งหมดเป็นเพียงแค่ละครฉากหนึ่ง ตอนแรกก็คงมีคนโกรธแค้น สงสัย ข้องใจ จนสุดท้ายกลายเป็นเรื่องโคตรตลกของสังคมไทย จากนี้ไป ลูกหลาน ครอบครัว ญาติมิตร จะออกไปที่ไหนก็มีแต่คนนินทา หมาดูถูก แล้วจะหาความสุขมาจากที่ไหน?


ส่วนบรรดา “ขบวนการจัดฉาก - เล่นละคร” ที่ร่วมกันสร้างภาพเพื่อให้นายทักษิณได้ออกจากเรือนจำโดยที่ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว สมคบคิดกัน ร่วมกันโกหกสังคม ร่วมกันทำลายกระบวนการยุติธรรม หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นกระบวนการช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณเข้าเกณฑ์พักโทษจริง นายทักษิณอาจจะต้องกลับไปเข้าคุกอีกครั้งรวมทั้งคนที่ช่วยเหลือก็ต้องรับโทษไปด้วย อย่างไรก็ตามโอกาสเป็นเช่นนั้นก็ริบหรี่มาก เพราะว่าขณะนี้นายทักษิณกำลังมีมีอำนาจ

คนเหล่านี้ ต้องจำชื่อไว้ให้ดี มีใครบ้าง ไล่ไปตั้งแต่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.ยุติธรรม สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยในรัฐบาลนี้นายสมศักดิ์ซึ่งกลับมาอยู่พรรคเพื่อไทยก็ได้ปูนบำเหน็จให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พิจารณาอนุมัติการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ
นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้ลงนาม ปรับย้ายบุคลากรราชทัณฑ์เข้ามา ซึ่งมีวงในบอกว่า มาเพื่อดำเนินการเรื่องการพักการลงโทษ “กรณีมีเหตุพิเศษ” ให้กับ นช.ทักษิณ

หมอผู้รับรองอาการป่วย เดี๋ยวอีกไม่นานก็ต้องมีการตรวจสอบว่า นพ. อะไร ชื่ออะไร จากโรงพยาบาลตำรวจ หรือ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่เซ็นรับรองว่านายทักษิณป่วยเป็นโรคโน้นโรคนี้ และเข้าเกณฑ์การพักโทษเป็นกรณีพิเศษ


นอกจากนี้คนที่มีรายชื่อเป็นอนุกรรมการที่พิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษนายทักษิณ รวมไปถึง ข้าราชการ ทั้งข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมือง ที่กำลังทำเรื่องนี้ ซึ่งตามคำสั่งคณะกรรมการราชทัณฑ์ที่ 1/2564 ที่ออกมาตั้งแต่สมัยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรียุติธรรม ก็ต้องไปไล่เรียงดูว่าในตำแหน่งต่าง ๆ ที่ว่านี้มีชื่ออะไรบ้าง หรือ มีการส่งใครมาเป็นผู้แทนประชุมพิจารณาพักโทษให้นายทักษิณ ไม่ว่าจะเป็น ปลัดกระทรวงยุติธรรม รองปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมคุมประพฤติ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขา ป.ป.ส. ซึ่งตอนนี้คือ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ส่งตัวแทนมา เพื่อที่จะชิ่งหนีได้ หากมีเรื่องมีราว

นอกจากนี้ยังมีผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานศาลยุติธรรม, อัยการสูงสุด, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมการปกครอง, กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ, กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ, รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นต้น


คำสั่งดังกล่าวนั้นสอดคล้องกับ ข้อมูล เอกสารข่าวกรมราชทัณฑ์ ที่แถลงเมื่อ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ โดยอ้างว่า การพักโทษนายได้ดำเนินการถูกต้อง และครบถ้วน ตามระเบียบของทางราชการ แล้วหรือไม่ คือ ทางกรมราชทัณฑ์บอกว่าเรือนจำ/ทัณฑสถาน ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของนักโทษเด็ดขาดที่เข้าตามหลักเกณฑ์ พร้อมประสานขอความร่วมมือกับสำนักงานคุมประพฤติในเขตพื้นที่ของผู้อุปการะ ดำเนินการสืบเสาะข้อเท็จจริงของนักโทษเด็ดขาด

จากนั้น เรือนจำ/ทัณฑสถาน รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง จัดประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ โดยมีผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ /ผู้อำนวยการทัณฑสถาน เป็นประธาน ร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ผู้แทนคุมประพฤติ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนกรมการปกครอง ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ จากนั้นเสนอบัญชีรายชื่อไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อเสนอต่อคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ ตามคุณสมบัติและหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ


“ทั้งหมดนี้ คือละครแท้ๆ ผู้แทนทั้งหลาย ธงมันชัดเจนอยู่แล้ว ถ้ามาจากกรมการปกครอง มาจากกระทรวงมหาดไทย มันแน่นอนอยู่แล้ว คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ก็ต้องบอกไปว่าต้องโอเคนะ เพราะว่านายอนุทินเป็นคนเฮ้าเลี่ยนมาก พอทักษิณออกมาแล้วก็พูดเลยว่าตัวเองจะต้องเข้าไปกราบกรานซะหน่อย ในฐานะเป็นเจ้านายเก่า เพราะฉะนั้นเป้นไปไม่ได้ที่ตัวแทานจากกระทรวงมหาดไทยซึ่งมีหลายกรมจะคัดค้านการพักโทษทักษิณ” นายสนธิกล่าว

ข้อมูลทั้งหมดนี้ จะเป็นเหมือนหลักฐานว่า ใครบ้างที่มีส่วนร่วมในการพักโทษที่พิลึกพิลั่นครั้งนี้ เชื่อว่าหากมีการเช็คบิล คนที่ร่วมขบวนการ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในระเบียบข้อบังคับ และอยู่ภายใต้กฎหมายทั้งหมดนี้ ก็จะหนีความผิดไม่พ้น และถ้ามีการตรวจสอบ โดยศาลตัดสินว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ก็จะกลายเป็นมลทินชีวิตไปชั่วลูกชั่วหลาน


ที่ผ่านมา มีคำพิพากษาเป็นสิบๆ คดี ที่ลูกน้องของนายทักษิณทำ โดนติดคุกเต็มไปหมด เช่น นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ คดีจำนำข้าว นายวัฒนา เมืองสุข คดีบ้านเอื้ออาทร ก็เลยปรากฏว่าความพยายามในการผลักดันให้มี “การพักโทษเป็นกรณีพิเศษ” นั้น ระดับผู้บังคับบัญชาต่างก็ใช้ตัวแทนมาร่วมทั้งนั้น เพราะลึก ๆ ตัวเองรู้ว่าสุ่มเสี่ยง หรือมีความผิด


"ฮุน เซน" เยี่ยม "ทักษิณ" "โจ๊ก" ปรากฏตัวรับแสง

อีกเรื่องที่ตลกขบขัน หลังจากทักษิณพักโทษแล้ว วันที่ 21 กุมภาพันธ์ สมเด็จฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เดินทางเข้าไปพบนายทักษิณ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 กรุงเทพฯ

ในเวลานั้น มีอดีตมวลชนคนเสื้อแดง คือ น.ส.สิตานัน นักสิทธิมนุษยชน และพี่สาวของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมทางการเมืองที่ลี้ภัยไปยังประเทศกัมพูชา และถูกอุ้มหายสาบสูญในกรุงพนมเปญ ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2563 ได้มาเรียกร้องทวงคืนความเป็นธรรมให้แก่น้องชายและกลุ่มมวลชนที่นักกิจกรรมทางการเมือง


ปรากฏว่า มีเรื่องตลกอีกเรื่องเกิดขึ้น คือคนที่มาช่วยเคลียร์เป็นคนหิวแสงเจ้าเดิม คือ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า มาพูดคุยกับพี่สาวของนายวันเฉลิม โดยบอกว่าขอให้เห็นใจพี่น้องตำรวจ เห็นใจทุกคน วันนี้มีบุคคลสำคัญมาถ้ามีอย่างนี้ภาพลักษณืประเทศมันจะไม่ดี


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อ้างว่า จังหวะนั้น มาตรวจงานที่ สน.บางพลัดพอดี ทั้งที่ 100 วันพันปี ไม่เคยมา อาจจะเป็นจังหวัะเหมาะที่มีข่าวว่าสมเด็จฮุนเซนมาพบทักษิณ ก็เลยถือโอกาสมาตรวจ โดยอ้างโรงพักบังหน้า แล้วตัวเองก็จะได้มาอยู่ในแสง แล้วก็ช่างประจวบเหมาะเหลือเกิน ก็เลยเคลื่อนมาสังเกตการณ์ความเรียบร้อยหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า


“พูดง่ายๆ ว่าทำงานให้ทักษิณเห็นว่า ตัวเองนั้นใส่ใจและสนใจ และมุ่งมั่นที่จะดูแลทักษิณอย่างเต็มที่ ส่วนจะหวังอะไรนั้น ผมไม่รู้แล้ว แต่ถ้าท่านรู้จัก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาลแล้ว ก็จะไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทำเช่นนี้ เพราะเป็นกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำเพื่อเอาใจคนมีอำนาจ” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น