xs
xsm
sm
md
lg

“อดีตรองอธิการ มธ.”สรุป 8 ข้อ เหตุ “ตะวัน” ป่วนขบวนเสด็จ ชี้ กระทบจิตใจประชาชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล ม.ธรรมศาสตร์(มธ.) ชี้ เหตุ “ตะวัน” ป่วนขบวนเสด็จ เป็นการกระทำที่กระทบจิจใจประชาชน แนะ เลิกเสียที ไม่ใช่สถาบันที่ทำให้เกิดความแตกแยก แต่เป็นเพราะกลุ่มของ”ตะวัน” เองนั้นแหละ

จากกรณีดรามาที่กินเวลานานกว่าหลายวันแล้ว จนทำให้แฮชแท็กขบวนเสด็จ #ขบวนเสด็จ ติดเทรนด์แพลตฟอร์มเอ็กซ์ ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของ น.ส.ทานตะวัน หรือตะวัน นักกิจกรรมทางการเมือง โพสต์ภาพเกี่ยวกับขบวนเสด็จฯ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น ทำให้หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและประชาชนต่างออกมาร่วมแสดงจุดยืนแสดงความศรัทธาและเคารพในสถาบันพระมหากษัตริย์

ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ก.พ. รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล ม.ธรรมศาสตร์(มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Harirak Sutabutr“ เกี่ยวกับปรากฎการณ์ประชาชนแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันว่า

“ปรากฏการณ์ที่มีประชาชนผู้จงรักภักดี ต่างออกมาในรูปแบบต่างๆเพื่อปกป้องพระเกียรติ์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กันอย่างล้มหลาม เป็นเครื่องยืนยันว่า การกระทำของน.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และเพื่อนที่จงใจป่วนขบวนเสด็จอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เป็นการกระทำที่กระทบต่อจิตใจต่อคนที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างใหญ่หลวง

ผมไม่คิดว่าตะวันและเพื่อนวางแผนล่วงหน้าที่จะป่วนขบวนเสด็จเช่นนี้ แต่คงมาเจอขบวนเสด็จโดยบังเอิญ และด้วยความคิดและความเชื่อที่ต่อต้าน ไม่ให้ความเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว จึงไม่พลาดที่จะให้โอกาสนี้สร้างcontent เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย อย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้

เท่านั้นไม่พอ ตะวันยังประกาศล่วงหน้าว่าจะไปทำโพลที่สถานีรถไฟฟ้าที่สยามสแควร์ ทำให้กลุ่ม ศปปส ออกมาต่อต้าน เป็นเหตุให้เกิดการกระทบกระทั่งจนมีการต่อสู้ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน อย่างที่ได้เห็นกันทั่วไปในสื่อต่างๆ

ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากออกมาแสดงพลังเพื่อปกป้องพระเกียรติ์ บรรดาส.ส.พรรคก้าวไกลหลายคนก็ได้ออกมาแสดงความเห็นและจุดยืนทั้งในสภาและนอกสภาต่อกรณีป่วนขบวนเสด็จครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งสิ้น ซึ่งจะขอสรุปดังนี้

1. การกระทำของตะวัน เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม

2. ตำรวจควรมีการจัดการได้ดีกว่านี้

3. การกระทำของตะวันเกิดจากการที่มีการปิดกั้นความคิดของผู้ที่เห็นต่าง ปิดปากไม่ให้แสดงออก ไม่ให้พูด ในที่สุดจึงเกิดระเบิดออกมา ซึ่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลใช้คำว่า “ตะโกน”

4. การดำเนินคดีต่อคนที่เห็นต่าง เป็นการผลักผู้ที่เห็นต่างไปจนสุดขั้ว

5. มีความจำเป็นต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้เห็นต่างสามารถแสดงออกเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสร้างสรรและมีวุฒิภาวะได้โดยไม่ต้องติดคุก ไม่ต้องถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง เพื่อแก้ปัญหารความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

6. ปฏิเสธคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และความเห็นของคนจำนวนมาก ว่าการกระทำของตะวันและพวก เป็นการดำเนินการที่เป็นขบวนการและมีผู้อยู่เบื้องหลัง

7. เรียกร้องให้เลิกการใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคม

8. ประณามกลุ่มศปปส ที่ใช้ความรุนแรง โดยไม่กล่าวถึงการตอบโต้ที่รุนแรงกว่าของการ์ดของกลุ่มตะวัน

ไม่ว่าพรรคก้าวไกลจะเกี่ยวข้องกับ รุ้ง เพนกวิน ตะวัน แบม อานนท์ นำภา สายน้ำ และคนอื่นๆหรือไม่ก็ตาม แต่การกระทำของกลุ่มคนที่กำลังต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญอย่างแน่นอน มีคนจำนวนหนึ่งที่เห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เหมาะสมกับยุคสมัย ดังนั้นจึงต้องทำการจำกัดพระราชสถานะ และพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เสียใหม่ ควบคุมเรื่องการใช้งบประมาณ และอาจไปไกลถึงขนาดเข้าไปจัดการกับพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และจะดีที่สุดหากประเทศไทยจะไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นอุปสรรคของความเท่าเทียมกันของสังคม เสียเลย

ขบวนการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์จึงเริ่มจากกลุ่มคนเหล่านี้ และด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร และสารสนเทศยุคใหม่ ทำให้ความคิดและความเชื่อแบบนี้เผยแพร่กระจายอย่างได้ผลได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้มีแนวร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดกิจกรรมก้าวร้าว จาบจ้วงล่วงละเมิดมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา หากไม่มีการจัดการ หรือ organize อย่างเป็นระบบและมีเงินสนับสนุน กิจกรรมในระดับนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ

หากถามว่า เงินสนับสนุนมาจากไหน คงไม่มีใครมีหลักฐานที่จะบอกได้แน่นอน แต่ความเป็นไปได้คือ เงินส่วนหนึ่งอาจมากจากพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองที่มีอุดมการณ์เดียวกัน จากนักธุรกิจที่ให้การสนับสนุนนักการเมืองเหล่านั้น และมีความเป็นไปได้ว่าจะมีเงินสนับสนุนจากต่างประเทศที่ต้องการเข้ามาแทรกแซงการเมืองไทยให้เป็นอย่างที่เขาต้องการ ซึ่งก็ไม่มีหลักฐานแน่นอน แต่ที่น่าสังเกตคือ บรรดาองค์กรเอกชน หรือ NGO ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศ ล้วนมีพฤติกรรมปกป้องสนับสนุน เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกดำเนินคดี และให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่ผู้ที่ถูกดำเนินคดีทุกคนอีกด้วย

ข้อเรียกร้องให้สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้มีการถกเถียงเกี่ยวสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อย่างสร้างสรรและมีวุฒิภาวะ เป็นข้อเรียกร้องที่ซ้ำซากเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง มิใยที่จะมีคนอธิบายว่าหากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมีวุฒิภาวะด้วยความบริสุทธิ์ใจ หรือเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงวิชาการ สามารถทำได้อยู่แล้ว คำถามจึงมีว่า คำว่าพื้นที่ปลอดภัยคือพื้นที่อย่างไร เป็นพื้นที่ที่ใครก็ได้สามารถจาบจ้วง ใช้ถ้อยคำหยาบคาย และกล่าวหาองค์พระมหากษัตริย์อย่างไม่เป็นธรรม หรือเผาพระบรมฉายาลักษณ์ อย่างที่ทำกันมาตลอด 4 ปี ได้โดยสะดวกและไม่มีความผิดกระนั้นหรือ

คงต้องย้ำอีกไม่ทราบว่าเป็นครั้งที่เท่าใดว่า การเห็นต่างไม่เป็นปัญหาและไม่มีความผิด การแสดงความเห็นต่างหากไม่ไปละเมิดสิทธิ์ผู้อื่นก็ไม่มีความผิดเช่นกัน แต่การกระทำที่เกิดจากความเห็นต่าง หากเป็นการกระทำที่เป็นการล่วงละเมิดผู้อื่น หรือเป็นการกระทำที่เป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายองค์พระ มหากษัตริย์ย่อมมีความผิดตามกฎหมายอย่างแน่นอน โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย

พรรคก้าวไกลจะมีบทบาทหรือไม่อย่างไรในขบวนการดังกล่าวนี้เราไม่มีหลักฐานที่จะบอกได้แน่ชัด แต่พรรคก้าวไกลคงปฏิเสธไม่ได้ว่า อุดมการณ์ของพรรคก้าวไกลกับอุมดมการณ์ของขบวนการดังกล่าวนี้เป็นอุดมการณ์เดียวกัน และไม่ว่าจะอยู่เบื้องหลังขบวนการนี้หรือไม่ก็ตาม พรรคก้าวไกลได้แสดงบทบาทเป็นผู้ที่ช่วยแก้ต่าง ปกป้อง ช่วยเหลือ สนับสนุนทางความคิด ไม่เคยตำหนิ คนในขบวนการนี้ตลอดมา

การแสดงออกของประชาชนเพื่อปกป้องและเทิดพระเกียรติ์สมเด็จพระเทพฯกันอย่างมากมายเช่นนี้ เท่ากับเป็นการบอกว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ไม่เอาด้วยกับขบวนการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้น ไม่ต้องเรียกร้องให้สร้างพื้นที่ปลอดภัยใดๆทั้งสิ้น เพราะคนเขารู้แล้วว่าขบวนการนี้ต้องการอะไร และสิ่งที่เป็นเป้าหมายของขบวนการนี้ คนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและไม่ต้องการ

หยุดเสียทีเถิด เพราะพวกคุณต่างหากที่ทำให้เกิดความแตกแยกขัดแย้งในประเทศนี้ ไม่ใช่พวกเรา”
กำลังโหลดความคิดเห็น