“บุ้ง ทะลุวัง” สร้างคอนเทนต์ไม่เลิก หลังถูกถอนประกันในคดีหมิ่นเบื้องสูงพร้อมรับโทษเพิ่มอีก 1 เดือน คดีละเมิดอำนาจศาล ประกาศอดข้าวประท้วงในเรือนจำ อ้างเรียกร้องปฏิรูประบบยุติธรรม แต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจ จึงทำพินัยกรรมยกสมบัติให้ "หยก" บอกเพื่อนถ้าตายให้เอาศพแขวนหน้าศาล สื่อในเครือข่ายนำไปขยายความ มวลชนออกมาร่วมกดดัน เปิดบัญชีรับเงินบริจาค ตามสเต็ปที่แกนนำสามนิ้วเคยใช้ แต่เชื่อจะไม่ได้ผล
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงกรณีน.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวังได้ประกาศอดข้าวในเรือนจำและโอนสมบัติให้ น.ส.ธนลภย์ ผลัญชัย หรือหยก ว่าน่าจะเป็นเพียงการสร้างคอนเทนต์เรียกร้องความสนใจ ตามที่แกนนำกลุ่มสามนิ้วคนอื่นๆ เคยทำมา ซึ่งใช้ไม่ได้ผลแล้วในสถานการณ์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม จำเลยในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เนื่องจากไปชุมนุมเรียกร้องให้ถอดถอนนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ส.ว. ออกจากศิลปินแห่งชาติ และปรากฏหลักฐานเป็นภาพถ่ายว่าเป็นบุคคลที่ไปพ่นสีธงสัญลักษณ์เบื้องสูง
นอกจากนี้ยังมีคดีละเมิดอำนาจศาลที่มีเหตุกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในบริเวณศาลอาญากรุงเทพใต้ ผลคือศาลมีคำสั่งถอนประกันและให้จำคุกเพิ่มอีก 1 เดือน คดีละเมิดอำนาจศาล และถูกส่งตัวไปทัณฑสถานหญิงกลาง
พอวันศุกร์ที่ 26 มกราคม ถูกส่งตัวเข้าทัณฑสถานหญิงกลาง จากนั้นเจ้าตัวก็เริ่มสร้างคอนเทนต์ด้วยการอดอาหารและน้ำประท้วงตั้งแต่ วันเสาร์ที่ 27 มกราคม 2567 เวลา 18.00 น. พร้อมเสนอข้อเรียกร้อง 2 ข้อ คือปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และต้องไม่มีใครติดคุกเพราะการแสดงความเห็นต่างทางการเมืองอีก
แต่ก็ไม่วายมีคนรู้ทัน คนที่เคยอยู่ในแวดวงการชุมนุมออกมาแฉว่า เมื่อถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ การประกาศอดอาหาร เหมือนเป็นสูตรสำเร็จของผู้ชุมนุมในยุคนี้ เป็นมาตั้งแต่แกนนำม็อบ 3 นิ้ว ยุค “เพนกวิน” พริษฐ์ ชีวารักษ์ – “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เรื่อยมา รวมถึงในอดีต แกนนำกลุ่มทะลุวังก็เคยใช้สูตรนี้มาก่อน ทั้ง “แบม-ตะวัน” หรือแม้แต่ “บุ้ง” และ “ใบปอ” ต่างก็เคยอดอาหารมาแล้ว แต่พอออกมาก็เห็นกลับมากินได้ นอนหลับ อ้วนท้วนกว่าก่อนเข้าไปเสียอีก
ประเด็นคือ หนึ่ง คนที่รู้ทันเขารู้ว่าการอดอาหาร มันคือ การสร้างคอนเทนต์ เพื่อดึงจุดสนใจของคนในสังคมให้หันมาดู มาสนใจ
สอง แนวร่วม กับ สื่อที่อยู่ข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นสื่อในเครือมติชน ข่าวสด ประชาไท บีบีซีไทยที่เป็นแนวร่วมก็ใช้เนื้อหานี้เผยแพร่ต่อในเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย ปลุกกระแสและรายงานไปเรื่อย ๆ
สาม จากนั้นก็จะมีทีมทนายความคอยยื่นเรื่องขอประกัน มีเงินกองทุนประกันตัวสู้คดี โดยเมื่อก่อนอาจจะมี ส.ส.ก้าวไกลพร้อมใช้ตำแหน่งประกัน แต่ระยะหลังไม่กล้า ยิ่งมีคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญออกมา ยิ่งไม่กล้า
สี่ มีมวลชนภายนอกพร้อมองค์กรสิทธิฯ บางกลุ่มทั้งในและต่างประเทศ ร่วมกดดัน
ห้า แล้วก็กลุ่มที่เคลื่อนไหวอดอาหารพวกนี้ มักจะแจ้งเลขที่บัญชีเพื่อให้คนที่เห็นด้วยโอนเงินเข้าไปสนับสนุน
พูดง่ายๆ ก็คือ “การประกาศอดอาหาร” ก็มีผลต่อการเปิดรับบริจาค รวมทั้งยังสามารถนำเอาไปเคลมเพื่อขอทุนจากต่างประเทศได้อีกด้วย !
วันศุกร์ที่แล้ว วันที่ 2 กุมภาพันธ์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนซึ่งเคยโดนเปิดหลักฐานว่ารับเงินท่อน้ำเลี้ยงจาก NGO กองทุน และสถานทูตต่างชาติในไทย ก็รีบรายงานข่าวเลยว่า “บุ้ง เนติพร” อดอาหารและน้ำประท้วงกระบวนการยุติธรรมกว่า 7 วันแล้ว ร่างกายทรุดลงต่อเนื่อง ต้องมีเพื่อนผู้ต้องขัง 3-4 คนคอยพยุงตลอดเวลา น้ำหนักลด ปัสสาวะแทบไม่ออก อาเจียน นอนไม่หลับ และมีอาการมือชา เท้าชา ส่วนค่าเลือด รอพบแพทย์
“ทั้งหมดนี้ ตามสเต็ปเป๊ะเลย แต่ผมไม่ได้ดูถูก “คุณบุ้ง” นะ เธออาจจะอดข้าวอดน้ำจนอาการย่ำแย่จริงก็ได้ เพียงแต่อันนี้เป็นคนที่เคยอยู่ในแวดวงการชุมนุม และคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ดี เขาออกมาโพสต์ดักคอพวกคุณเอาไว้ก่อน ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ทั้งหมด” นายสนธิกล่าว
ทั้งนี้ทั้งนั้น น่าสงสัยว่า การประกาศอดอาหารของแกนนำม็อบรอบนี้จะไม่ปัง หรือ สร้างกระแสได้ไม่มากเท่าที่ควร ก็เลยต้องมีการคิดมุก เพื่อเรียกร้องความสนใจเพิ่ม คือ เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ บรรดาสื่อในเครือข่ายของพวกเขามีการประโคมข่าว “บุ้ง เนติพร” ได้ทำพินัยกรรมที่ทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพมหานคร
โดยพินัยกรรมฉบับดังกล่าว ลงวันที่ คือ วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดย “บุ้ง” ระบุว่า ยกทรัพย์สินที่เป็นเงินสดของตนที่มีเก็บรักษาไว้และที่มีอยู่ในบัญชีเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง รวมทั้งทรัพย์สินคือ นาฬิกาข้อมือ ต่างหู และสัตว์เลี้ยงคือแมวชื่อโซ 1 ตัว ยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของ “น.ส.หยก ผู้ต้องหาคดี 112” ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว
ส่วนทรัพย์สินอื่นนอกจากที่ระบุไว้ข้างต้น อันรวมถึงที่ดิน สิทธิเรียกร้อง และสิทธิตามมรดกใดที่ตนพึงมีอยู่ก่อนที่จะถึงแก่ความตาย ขอยกให้แก่พี่สาวของตนแต่เพียงผู้เดียว
นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘ทะลุวัง’ ยังเผยแพร่ข้อความจาก “บุ้ง เนติพร” ซึ่งอ้างอิงไปถึงความสัมพันธ์กับพ่อตัวเองที่เป็นผู้พิพากษา ด้วยว่า “ถ้ากูตายขอให้เอาศพไปแขวนไว้หน้าศาล ให้มันเห็นไปเลยว่าลูกตุลาการ นอนตายอยู่หน้าศาลและพวกมึงคือคนฆ่า”
“กู่ไม่กลับแล้วใช้มั้ยครับ ท่านผู้ชม คนประเภทนี้กู่ไม่กลับ ก็ดี คุณบุ้งสุขภาพดีเกินไป อ้วนเกินไป ผมว่าอดอาหารสัก 2-3 อาทิตย์ พอเขาให้น้ำเกลือแล้ว ก็อาจจะทำให้ผอมลง อาจจะดีขึ้นก็ได้ แต่มุกอันนี้ เอามาใช้กับเหตุการณ์ ณ วันนี้ ผมจะบอกให้รู้ก่อน ใช้ไม่ได้หรอกครับ” นายสนธิกล่าว