จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ก้าวไกล จ้อสื่อมติชน ไม่โชว์เอกสาร สด.43 หลังหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนตรวจสอบไม่พบเกณฑ์ทหาร อ้างไม่กล้าเปิดให้ดูเดี๋ยวโดนไปทำอะไรแน่ๆ บอกจะปลอมเอกสารเพื่ออะไร ยืนยันของจริง ไม่กลัวกองทัพดำเนินคดี บอกจะแฉเรื่องทหารอีก โดยเฉพาะเรื่องทหารเกณฑ์
เมื่อวันที่ 29 ม.ค. จากกรณีที่หน่วยบัญชาการรักษาดินแดนตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงกรณีใบ สด. 43 หลังกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า เพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร ยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบเอกสารของ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ในตอนหนึ่งผู้สื่อข่าวถามว่ามีการตรวจสอบต้นขั้วใบ สด.43 ของนายจิรัฏฐ์ หรือไม่ ผบ.นรด.ยืนยันว่า ใครที่อยู่ในระบบ ต้นขั้วเจอหมด เพราะฉะนั้นชายไทยทุกคนที่เข้าสู่กระบวนการจะต้องมีต้นขั้ว ส่วนต้นขั้วของนายจิรัฏฐ์ระบุไว้อย่างไร ตนอธิบายไปแล้วว่าขั้นตอนของ สด.43 มีอะไร ที่ถูกต้อง ลายเซ็นต้องครบ ลายนิ้วมือต้องพิมพ์ ต้องไปดูว่าสิ่งที่มีผู้แสดงออกมาว่า สด.43 ใบนั้นเป็นสิ่งที่ราชการออกให้หรือไม่ เพราะถ้าไม่ครบก็จะไม่ใช่เอกสารที่ทางราชการออกให้ ส่วนจะถือว่าเป็นการปลอมแปลงเอกสารหรือไม่นั้น เป็นไปตามที่ตนชี้แจงไป ถ้าฟังแต่ต้นจะทราบว่าของจริงต้องรับจากมือประธาน ถ้าองค์ประกอบพวกนี้ไม่ครบ ก็จะไม่ใช่ของจริง
เมื่อถามว่า ถ้าเป็นการปลอมแปลงเอกสาร ในฐานะหน่วยรับผิดชอบตรง จะดำเนินการอย่างไร ผบ.นรด.ระบุว่า ขณะนี้กองทัพบกอยู่ในขั้นตอนรวบรวมหลักฐาน และแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ อยู่ในขั้นตอน เข้าใจว่าใช้เวลาไม่นาน วันถึงสองวันนี้ดำเนินการ ส่วนความผิดจะเป็นอย่างไรนั้น ผบ.นรด.กล่าวว่า อยู่ที่ศาลจะตัดสิน และการต่อสู้ในชั้นศาล ยืนยันว่าโทษขนาดไหนอยู่ที่การพิจารณาของศาล ผบ.นรด.ย้ำว่า ประเด็น สด.43 เป็นเรื่องที่สังคมสนใจและอยากทราบ จึงออกมาที่แจ้งรายละเอียด ยืนยันกองทัพบกไม่ได้นิ่งนอนใจในกรณีนี้ เพียงแต่อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อไป มีรายงานว่า หลักฐานต้นขั้ว สด.43 นั้น สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้นับ 10 ปี และกรณีของนายจิรัฏฐ์ พบว่าไม่ได้มาเข้ารับการตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหารหรือจับใบดำใบแดง แต่กลับได้ใบ สด.43
ปรากฏว่า นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ผ่านทางสื่อในเครือมติชน ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักตลอดเวลา ระบุว่าเรื่องเกิดขึ้น 14-15 ปีแล้ว จำได้ว่าไปที่อำเภอ เขาให้ขึ้นรถไปก็ขึ้นรถไปกับเขา คือเราเป็นเด็กคนหนึ่ง เดินเข้าไปสถานที่ราชการ ขึ้นรถไปกับเขา ไปศาลจังหวัด เสร็จแล้วก็กลับมาที่อำเภอ แล้วก็ได้ใบนี้มา เขาก็ให้จับใบดำใบแดงที่อำเภอแล้วก็กลับบ้าน ส่วนเอกสาร สด.43 ที่สงสัยว่าปลอมหรือไม่ ตนไม่กล้าเปิดให้ดูเดี๋ยวโดนไปทำอะไรแน่ๆ แต่ยืนยันว่าเป็นเอกสารของจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะได้รับมาจากมือเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้รับในสถานที่ราชการด้วย ตนไม่รู้ว่ามันจะปลอมยังไง
"สมมติถ้าผมหนีทหารจริง มันก็หมดอายุความไปแล้ว แล้วผมจะปลอมเอกสารขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองเสี่ยงมีความผิดเพื่ออะไร คือจะกล่าวหาว่าผมปลอมแปลงเอกสารราชการเพื่อหนีคดีที่มันหมดอายุความไปแล้ว มันไม่เมกเซนส์เลย" นายจิรัฏฐ์กล่าว
เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ที่นำเอกสารมาให้เป็นใคร พอจะจำได้ไหม นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า มีลายเซ็น 5-6 คน พันเอก พันโท แต่ไม่รู้ว่าคนไหนให้กับมือ เขาก็เซ็นรับรองว่าถูกต้อง ยังงงว่าทำไมถึงไม่ไปตรวจสอบ เพราะมีเลขที่เอกสารอยู่ ก็ย้อนไปในปี 2554 ว่าเจ้าหน้าที่คนไหนมาประจำเขตนี้ ลายเซ็นตรงกับใคร ก็ถามเขาสิ ตนอ่านข่าวที่ว่าไม่เจอต้นขั้วนายนวรินทร์ (ชื่อเดิม) อันนี้ไม่แปลก แต่ถ้าไม่เจอต้นขั้วนายจิรัฏฐ์ อันนี้ตนว่าแปลกแล้ว ทำต้นขั้วผมหายหรือเปล่า ก็ผมถือของจริงอยู่แล้ว ถ้าทำหายกลั่นแกล้งเหรอ ตนเปลี่ยนชื่อก่อนจะไปทำเรื่องทหารประมาณ 4-5 ปี อย่างน้อยประมาณปี 1-2 ตนทำเรื่องนี้หลังเรียนจบ สัสดีอยู่ที่อำเภอไม่ใช่เหรอ ตนเปลี่ยนชื่อที่อำเภอนะ เปลี่ยนชื่อก่อนหลายปีก่อน
เมื่อถามว่า จำได้ไหมมีการพิมพ์ลายนิ้วมือหรือไม่ นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า ไม่มี เช็กกับเพื่อนหลายคน ส่งไลน์มาให้ตนดูก็ไม่มีทั้งนั้นเลย ใบที่เพื่อนส่งมาให้ดูก็อยู่คนละที่ เพื่อนอยู่กรุงเทพฯ อยู่หลายที่ ส่งไลน์มาให้ดูก็ไม่มีตั้งหลายคน บางคนก็มี บางคนก็ไม่มี ถ้าตนจะโกหก จะปลอมแปลงก็แค่ปั๊มมือใส่ก็ได้ ทำไปแล้วถ้าอย่างนั้น แต่ตนก็ไม่กล้าเอกสารราชการ ก็เอาให้ดูแบบนี้ เมื่อถามว่า เอกสารที่เพื่อนบอกว่าไม่มีลายนิ้วมือ ถ้าต้องใช้เป็นหลักฐานก็มีเพื่อนที่สามารถจะให้ดูเป็นหลักฐานได้หรือไม่ นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า อาจจะต้องไปหาในหน่วยเดียวกันที่บ้านตน ส่วนเพื่อนที่ส่งให้ดูอยู่หน่วยอื่น เมื่อถามว่ามีชื่อพันเอก ระบุตัวตนได้หรือไม่ นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า เป็นลายเซ็น บางคนอ่านออก ถ้าบอกว่าปลอมหมายถึงคน 5-6 คนเอาเอกสารปลอมมาให้เหรอ
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่การแถลงข่าวของทหารระบุว่าเอกสารดังกล่าวไม่ใช่ของจริง นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า อย่างแรกรู้สึกว่ากองทัพจะให้ความเป็นบุคคลพิเศษกับตนมากๆ จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมากๆ ใครก็ไม่รู้มายื่นว่า ส.ส.คนหนึ่งหนีทหารหรือเปล่า กองทัพรีบตรวจสอบอย่างไวเลย 2 วันแถลงเป็นฉากๆ แต่คำถามที่ตนถามมาตลอดในฐานะผู้แทนราษฎร ในฐานะฝ่ายค้าน ไม่มีอำนาจบริหาร ทำหน้าที่ตรวจสอบ ถามไปไม่รู้กี่คำถามไม่เห็นตอบ ไม่เห็นแถลงบ้าง มีนายพลกี่นาย พูดแล้วพูดอีก คนก็อยากรู้ทั้งประเทศไม่ตอบ ไม่แถลงบ้างเหรอ สนามกอล์ฟโฆษกออกมายืนยันว่า 74 สนามใครเข้าไปตีก็ได้ ไม่จำกัดเฉพาะนายพล ก็เป็นธุรกิจชัดๆ ไม่เคยส่งเงินให้คลังสักบาท ไม่เห็นแถลงเลย มีรายได้เป็นหมื่นล้านไม่เห็นแถลงเลย แต่เรื่องนี้ 2 วันแถลงเลย ถ้ามีคนไปร้อง ส.ส. คนอื่นบ้าง คุณจะไล่ตรวจเช็กทั้งสภาฯ เลยไหม
เมื่อถามว่า เมื่อย้อนกลับไปมีโอกาสไหมที่พ่อแม่จัดการอะไรไว้โดยที่เราไม่รู้ แล้วถึงเวลาหยิบใบนี้มา นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า ตนไปคนเดียว ขับรถไปเอง เหตุการณ์ที่เกิดตอนเรียนจบแล้ว ตอนปี 4 อายุประมาณ 21-22 ปี ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ที่เป็นเหยื่อในการทำเอกสารปลอมโดยเจ้าหน้าที่หรือใครก็แล้วแต่ โดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กังวลหรือไม่ นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า พยายามนึกอยู่ว่าจ่ายค่าปรับไปเท่าไหร่ ไม่รู้ค่าปรับไปอยู่ที่ใคร แต่เลือนรางมาก มันนานมาก แค่จำได้ว่านั่งรถเขาไป นั่งรถคนอื่นไปศาลก็เลยตื่นเต้น จำได้เท่านั้นเอง หน้าตาคนที่เอามาให้ตนจำไม่ได้เพราะนานมาก แต่ยืนยันว่าเอกสารนี้ไม่มีทางปลอมแน่ๆ
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่จะไปถึงจุดที่หลุดจากการเป็น ส.ส. นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า ยืนยันว่าตนบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้โกหก ไม่ได้อะไรเลย อุตส่าห์ไปเจอเอกสารก็ดีใจแล้วที่เจอจนได้ ตอนที่เจอดีใจมาก พอโอ้โหเฮกันใหญ่เลย ถ้ามันจะหลุดจริงๆ ยืนยันว่าสิ่งที่ตนเคยพูด คำถามที่ตนเคยตั้งกับกองทัพ มันจะมีคนพูดต่อ เพราะข้อมูลข้อเท็จจริงมันไม่เปลี่ยนข้อเท็จจริงนี้ แต่ที่ตนเป็นห่วงก็คือคนรอบข้าง ครอบครัวเขาเครียด อ่านคอมเมนต์ ไปดูคลิป บางคนด่าตนถึงพ่อถึงแม่ ใช้คำหยาบคาย ขนาดตนว่าเป็นคนหยาบคายยังไม่เคยเห็นคำศัพท์นี้จากคนอื่น บางคนด่าไปถึงโคตรเหง้าวงศ์ตระกูล ยังไม่ได้พิสูจน์เลย แล้วตนไม่ได้ทำอะไรผิด คนรอบข้างรู้สึกไม่ดีก็เครียด สุขภาพจิตไม่ดี
เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นการกลั่นแกล้งหรือตรวจสอบธรรมดา นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า ตนตรวจสอบได้อยู่แล้ว ตนยินดีให้ตรวจสอบ ไปยื่นกรรมาธิการตนคุยกับนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าไม่ขอออกเสียงอะไร ถ้าตรวจสอบจะยื่นเอกสารให้ดูในชั้นกรรมาธิการของสภาฯ ที่จะสอบจริยธรรม ก็ยินดีเข้ารับการตรวจสอบ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการตรวจสอบ แต่ประเด็นคือ ใครคือผู้เสียหาย อันนี้ตนก็อยากถามเหมือนกัน คนที่มาร้องเรียนมาร้องในนามที่แปลก คนหนึ่งใส่เสื้อประชาธิปัตย์ อีกคนหนึ่งใส่เสื้อเพื่อไทย สามัคคีปรองดองมาก ก็มาร้องกัน มาร้องในนามตัวแทนของเพจอะไรสักอย่างหนึ่ง เดี๋ยวขอดูใบมอบอำนาจ อยากเห็นลายเซ็นเจ้าของเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไรว่าเป็นใคร คือไม่รู้ใครเสียหาย ไม่มีผู้เสียหายไง
เมื่อถามว่า จะต้องทำอะไรต่อ จะต้องไปหาหลักฐานเพิ่มเติมหรือไม่ นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ของตนในการพิสูจน์ตัวเอง ตนบอกอะไรไปก็หาว่าตนโกหก หาว่าตนปลอมแปลงเอกสาร มันเป็นหน้าที่หน่วยงานราชการต้องมาพิสูจน์ ซึ่งตนก็ยินดีให้พิสูจน์เลยตั้งแต่วันแรกแล้ว เมื่อถามว่า เขาบอกว่ากองทัพกำลังจะไปแจ้งความ นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า ถ้าจะไปแจ้งความก็ดี จะได้พิสูจน์ว่าเอกสารมันปลอมหรือจริง ถามว่าไม่กังวลเรื่องถูกแจ้งความเลย นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะตนยืนยันว่าได้รับมาจากหน่วยงานราชการจริง เป็นเอกสารจริงแน่นอน ไม่มีการปลอม ตนว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด เตรียมใจไว้แต่แรกอยู่แล้วเวลาทำเรื่องกองทัพ มาพูดเรื่องกองทัพ ปัญหาในกองทัพมันต้องเจอเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะประหลาดอะไรขนาดนี้ เอาเรื่องไร้สาระแบบนี้มาเล่นกัน
ในตอนหนึ่ง เมื่อถามว่ามีคำแนะนำจากทางพรรคเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า ความจริงเรื่องนี้ตนบอกกับทางพรรคก้าวไกลตั้งแต่แรกว่ามีคดีเก่าเคยมีเรื่องไม่ไปรายงานตัว ซึ่งหมดอายุความไปแล้ว พรรคก็รับรู้แล้ว ตนก็ยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวไม่ใช่เอกสารปลอม เป็นเอกสารจริง ไม่อยากให้พรรคมามีส่วนเพราะไม่ใช่เรื่องของพรรค เป็นเรื่องของตนคนเดียว เมื่อถามว่าวางแผนจะสู้คดีอย่างไร มีทนายหรือไม่ นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า ก็มีคุยบ้าง แต่ตนบริสุทธิ์ใจ ให้ตรวจสอบได้เต็มที่ ไม่มีปัญหา ให้ตำรวจมาหาได้เลย เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะมีผลต่อการหลุดจากตำแหน่ง ส.ส.หรือไม่ นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น ตนไม่ถึงขั้นปลอมแปลงเอกสารขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองมีความผิด เพราะไม่มีความผิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และคงไม่หลุดจาก ส.ส.ด้วยเรื่องอะไรไร้สาระแบบนี้ ประเทศนี้ไม่มีใครเสียหายจากเรื่องนี้
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะทำให้เป็นผลต่อการทำงานหรือไม่ในระหว่างที่เกิดคดีความแล้วยังไม่จบ นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า แน่นอน เป็นผลเสีย ตนได้รับความเสียหายเยอะมาก เรื่องที่ตนสื่อสารเรื่องนี้ถูกเบี่ยงไปหมดเลย น่าเสียดายเหมือนกัน ตนจะพูดเรื่องทหารมากขึ้น โดยเฉพาะทหารเกณฑ์จะพูดมากขึ้น ถ้าจะเล่นตนเรื่องนี้ ตนก็จะพูดเรื่องนี้ให้หนักขึ้น ที่น่าสนใจก็คือการพยายามดิสเครดิต ส.ส.ฝ่ายค้าน มันไม่เมกเซนส์อย่างแรง เพราะไม่มีอำนาจบริหารด้วยซ้ำ ถามว่าตรวจสอบได้ไหม ตรวจสอบได้ แต่ไม่ใช่ทำเป็นขบวนการกันแบบนี้ ไม่รู้ตรวจสอบฝ่ายค้านไปแล้วใครได้ประโยชน์ เมื่อถามว่าหากกองทัพแจ้งความแล้วพบว่าไม่มีความผิด จะดำเนินคดีกต่อคนที่กล่าวหานั้นหรือไม่ นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า ตนแอนตี้เรื่องการฟ้องปิดปากอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ เราเป็นบุคคลสาธารณะ มีสิทธิ์โดนตรวจสอบได้ถ้าเป็นผลประโยชน์สาธารณะ ตนก็ยินดีให้ตรวจสอบ แต่พอเป็นเรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เสียเวลาไปฟ้อง เพราะใช้ทั้งเวลา ใช้ทั้งเงิน และไม่ได้อะไรขึ้นมา