xs
xsm
sm
md
lg

“สถานทูตยูเครน” ผิดมารยาท จัดม็อบต้านรัสเซีย ฝ่ายความมั่นคง - ตร.ไทยทำอะไรอยู่?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดเอกสาร สถานทูตยูเครนเดินเรื่องเอง ขออนุญาตจัดชุมนุมประท้วงหน้าสถานทูตรัสเซียในกรุงเทพฯ ชี้เป็นพฤติกรรมไม่เหมาะ ผิดมารยาททางการทูต ทั้งที่ไทยเคยส่งความเหลือทางมนุษยธรรมให้ยูเครนและวางตัวเป็นกลางมาตลอด ตำหนิฝ่ายความมั่นคงทำอะไรอยู่ ปล่อยให้สถานทูตจัดม็อบ



ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงกรณี กรณีการชุมนุมของชาวยูเครนหน้าสถานทูตรัสเซีย ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่สถานทธตประเทศอื่นมาจัดชุมนุมประท้วงในประเทศไทย โดยเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีคนส่งเอกสารที่เปิดเผยถึงเบื้องหลังเรื่องดังกล่าวมาให้


ซึ่งเป็นเอกสารของสถานทูตยูเครนประจำประเทศไทยใช้หัวเอกสารว่าThe Embassy of Ukraine in the Kingdom of Thailandส่งถึง ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางรัก ลง วันที่ 9 มกราคม 2567 เพื่อแจ้งว่าใน วันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 8.00-11.00น. จะมีการชุมนุมพบปะกันของชาวยูเครนที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ประมาณ 15 คน ที่ด้านหน้าตรงข้ามสถานทูตรัสเซีย ถนนทรัพย์ ย่านสุรวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯโดยอ้างว่าจะมีการชุมนุมกันอย่างสงบ ไม่ทำความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น และไม่กีดขวางการจราจร

เอกสารลงกล่าวลงนามโดย นายดิมิโทร เดนนิโก ฝ่ายกงสุล สถานทูตยูเครน ประจำประเทศไทย


เมื่อตรวจสอบไปยังแหล่งข่าว ก็แจ้งกลับมาว่า จริง ๆ แล้วทางเจ้าหน้าที่ไทยพยายามขอให้สถานทูตยูเครนยกเลิกการรวมตัวดังกล่าวแล้ว เนื่องจากเกรงว่าอาจจะส่งผลกระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และที่สำคัญก็คือถือเป็นไม่เรื่องเหมาะสมที่นักการทูต และสถานทูตจะเป็นผู้ดำเนินการจัดการเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศไทยที่วางตัวเป็นกลางในความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย

เมื่อถึงเวลาจริง ๆ ในวันศุกร์ที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ก็มีชาวยูเครนกว่า 20 คนไปชุมนุมที่ด้านหน้าสถานทูตรัสเซียตามนัดหมาย และได้สลายตัวไปในเวลาราว 12.00 น.


จริง ๆ การชุมนุมของชาวยูเครนครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก โดยในปี 2565 หลังจากสงครามยูเครนปะทุขึ้นได้ไม่นาน ก็มีการชุมนุมของชาวยูเครนในประเทศไทยหลายครั้งตามสถานที่ต่าง ๆ และเป็นที่น่าสังเกตว่า ป้ายที่มีข้อความประณามรัสเซีย และสโลแกนต่าง ๆ ในการชุมนุมล้วนแต่เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษายูเครนและภาษารัสเซีย ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะต้องการสื่อสารกับโลกตะวันตก

นอกจากนี้ข่าวการชุมนุมครั้งก่อน ๆ ก็ถูกเผยแพร่ต่อโดยสื่อภาษาในอังกฤษ ที่ยืนข้างสหรัฐ ฯ และนาโต เช่น VOA , The Guardian, Bangkok Post, ข่าวสด English, ประชาไท English เป็นต้น


ถึงตอนนี้สงครามยูเครนผ่านมาเกือบครบ 2 ปีแล้ว ก็ยังไม่ยุติลง ความจริงก็ปรากฎแล้วว่ายูเครนพ่ายแพ้แล้ว ทำให้จำนวนผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมสนับสนุนยูเครนลดน้อยลง ๆ จนแทบจะไม่มีกระแสอะไรแล้ว

นี่อาจเป็นสาเหตุที่สถานทูตยูเครน ประจำประเทศไทยต้องออกหน้า สนับสนุนการชุมนุมเมื่อ วันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ด้วยตัวเอง

แต่ประเด็นคือ พฤติกรรมของสถานทูตยูเครนถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะตามมารยาทแล้ว สถานทูตไม่สามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศที่ 3 ได้


นักการทูตคือผู้ที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ใช่ตอกลิ่มความขัดแย้ง ประเทศไทยได้ส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้กับยูเครนอย่างน้อย 4 ครั้ง และในเวทีสหประชาชาติ ประเทศไทยก็วางตัวเป็นกลางมาตลอด


“ผมขอตำหนิสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย ฝ่ายความมั่นคงไทย ทำอะไรอยู่ ปล่อยให้เกิดการชุมนุมที่ “นักการทูต-สถานทูต” เป็นคนจัดการ และส่งผลกระทบกระเทือนกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับอีกชาติหนึ่ง อย่างนี้ได้ยังไง”

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ในความเป็นจริง “สงครามยูเครน” จบลงไปเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าสหรัฐฯ และพันธมิตร จำเป็นต้องหันไปให้ความสำคัญกับสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ก่อน เพราะสหรัฐฯ มีผลประโยชน์ในตะวันออกกลางมากกว่า อิสราเอลสำคัญกว่ายูเครน และที่สำคัญคือ สงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์กำลังขยายวงออกไป โดยเฉพาะกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนโจมตีเรือขนส่งสินค้าของชาติตะวันตกในทะเลแดงอย่างต่อเนื่อง สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และห่วงโซ่อุปทานของโลกอย่างหนักหน่วง

นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เองก็รู้ตัวแล้วว่ากำลังจะถูกเททิ้ง ยูเครนจบแล้ว แต่ก็ยังมีความพยายามจะสร้างแสง สถานการณ์ปัจจุบันสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะทุ่มเทเงินไปช่วยยูเครนได้อีก เพราะเงินก้อนสุดท้ายส่งให้ยูเครน ไม่มีเหลิอแล้ว ชาติยุโรปก็ไม่สามารถส่งอาวุธจำนวนมหาศาลให้ยูเครนได้ ถึงกับต้องกดดันญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ให้ช่วยสนับสนุน


ขณะที่สหรัฐฯ และพันธมิตรนาโตยังคงมโนว่า “รัสเซียต้องแพ้- ยูเครนกำลังจะชนะ”ซึ่งตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริง แม้กระทั่งสื่อตะวันตกอย่างนิวยอร์กไทมส์ หรือวอชิงตันโพสต์ก็ยังยอมรับเป็นครั้งแรกว่ายูเครนแพ้แล้ว

ที่สำคัญก็คือ ในปีนี้ ปี 2567 สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลกนั้นมีปัจจัยที่จะทำให้เกิดการพลิกผันอย่างมากมายมหาศาล
รัสเซีย จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 17 มีนาคมนี้ ซึ่งนายวลาดิเมียร์ ปูตินจะชนะการเลือกตั้งอย่างแน่นอน

ยูเครน ตามกำหนดแล้ว ก็จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีแทนนายเซเลนสกีในเดือนมีนาคมนี้เช่นกัน แต่คงจัดเลือกตั้งไม่ได้ เพราะยังอยู่ในภาวะสงคราม

หลายประเทศในยุโรปจะมีการผลัดเปลี่ยนผู้นำ เช่น เนเธอร์แลนด์, สโลวาเกีย ซึ่งเปลี่ยนไปแล้ว ล้วนแต่ไม่เอาสงครามในยูเครนทั้งนั้น

สหรัฐฯ เองก็จะมีการเลือกตั้ง เร็วๆ นี้


“อนาคตของยูเครนนับวันจะยิ่งตีบตัน สาละวันเตี้ยลงทุกเมื่อเชื่อวัน ที่น่าเศร้าใจก็คือ ผมไม่รู้ว่าชาวยูเครนอีกเท่าไหร่ที่จะต้องตายอย่างโง่งมเพื่อผลประโยชน์ของชาติตะวันตก” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น