xs
xsm
sm
md
lg

"ชายต๊องฯ" เซ็กซ์ครีเอเตอร์ได้ประกัน 1 แสน ยอมรับสะเพร่าแต่ถามย้ำแล้วอายุ 20

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ชายต๊องหญิงเพี้ยน” เซ็กซ์ครีเอเตอร์ได้ประกันวงเงิน 1 แสน เผยผ่านสเปซในแพลตฟอร์ม X ยันไม่ได้เจอกันที่ผับ แต่ จนท.จับกุมเยาวชนวัย 16 ใช้บริการผับดังแล้วรู้ว่าทำหนังโป๊ แย้ม "ใช้บัตร ปชช.ไม่ใช่ของตัวเอง" ย้ำถามแล้วว่าอายุ 20 แถมโปรไฟล์ยังระบุ ยอมรับสะเพร่า-ประมาทแต่ไม่เจตนา เผยอาจเปิดหน้าผลักดันกฎหมายปลดล็อกหนังโป๊-เซ็กซ์ทอย

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. จากกรณีที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และมูลนิธิอิมมานูเอล (IMF) นำหมายศาลอาญา แบ่งกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด รวบผู้ต้องหาได้ 4 ราย เมื่อวันที่ 19 ม.ค. หลังมีพฤติกรรมนำเด็กสาวอายุเพียง 16 ปีมาร่วมประเวณีโดยไม่ปิดบังใบหน้า และทำการบันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวในการร่วมประเวณีส่งต่อในกลุ่มลับ Twitter และ OnlyFans เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากการขายสื่อลามกเด็ก โดยที่เด็กไม่รู้ว่าคลิปของตนถูกนำเอาไปขายในโลกออนไลน์ ซึ่งเด็กผู้เสียหายแจ้งว่ายังมีกลุ่มเพื่อนของตนที่ทำแบบตนอยู่อีกหลายคน ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า นายธนพณ เชี่ยวสุทธิ อายุ 29 ปี ฉายา “ชายต๊องหญิงเพี้ยน” หรือ “ชัยทอง ยิ่งเพียร” เซ็กซ์ครีเอเตอร์ชื่อดัง ได้รับการประกันตัวเรียบร้อยแล้ว โดยศาลให้วางเงินประกัน 100,000 บาท ไม่ได้ให้เงื่อนไขเพิ่มเติม และได้รับการปล่อยตัวไปแล้วเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมี นายอธิพงศ์ อุทัยรัศมี อายุ 25 ปี ฉายา "บุ๊กกี้สไตล์" เซ็กซ์ครีเอเตอร์อีกรายหนึ่งได้รับการประกันตัวอีกด้วย คงเหลือผู้ต้องหาอีก 2 ราย คือ น.ส.แพรวพรรณ เศวตะทัต อายุ 22 ปี ฉายา "แคนดี้โคล่า" และ นายเปรม เปรมสมิท อายุ 21 ปี ฉายา "เรดรัม" ยังไม่ได้รับการประกันตัว


ต่อมาเวลา 22.00 น. วันที่ 20 ม.ค. ในแพลตฟอร์ม X หรือทวิตเตอร์ นายธณพณได้กล่าวผ่านสเปซ (Space) ในหัวข้อ "แถลงและเล่าข้อเท็จจริง จากฝั่งชายต๊อง #ชายต๊องกับหญิงเพี้ยน" โดยมีผู้ฟังร่วม 2 พันคน สาระสำคัญก็คือ ข่าวที่ออกมาว่ามีเซ็กซ์ครีเอเตอร์ชื่อดังไปจ้างเยาวชนวัย 16 ปี ไปถ่ายคลิป โดยที่ไม่รู้ว่าคลิปที่ถ่ายจะถูกนำไปสร้างรายได้ และผู้ว่าจ้างไปเจอเยาวชนที่ผับย่านรังสิต แล้วพาดพิงชื่อแอ็กเคานต์ของตนนั้นเกิดจากการนำเสนอข่าวของสื่อ

ข้อเท็จจริงที่ส่วนหนึ่งอยู่ในสำนวนคดี เกิดจากการทลายสถานบันเทิงเฮฟเว่น รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และมีเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้ามาใช้บริการประมาณ 500 คน หนึ่งในนั้นคือเยาวชนวัย 16 ปีที่เป็นข่าว (ผู้สื่อข่าวขอสงวนชื่อ เนื่องจากอาจผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก) จากนั้นมีการสืบสาวเรื่องราวต่อจากเยาวชนวัย 16 ปีคนดังกล่าว หลังทราบว่าเป็นเซ็กซ์ครีเอเตอร์ และมีการตรวจสอบแอ็กเคานต์ เห็นว่ามีคลิปลามกอนาจาร จึงสืบย้อนกลับไปว่าเยาวชนวัย 16 ปีเคยถ่ายคลิปกับใครบ้าง จึงสาวย้อนกลับไป พบว่ามีทั้งหมด 4 คน คือตน บุ๊คกี้สไตล์ แคนดี้โคล่า และเรดรัม

ทั้งนี้ นายอธิพงศ์ หรือบุ๊คกี้สไตล์ น่าจะเป็นคนที่รู้จักกับเยาวชนวัย 16 ปีเป็นคนแรก ตนและ น.ส.แพรวพรรณ หรือแคนดี้โคล่า เจอพร้อมกัน ส่วนนายเปรม หรือเรดรัมน่าจะเจอกันเป็นคนสุดท้ายพร้อมกับแคนดี้โคล่า โดยตนรู้จักกับเยาวชนวัย 16 ปีในสเปซบนแพลตฟอร์ม X โดยใช้บัญชีชายต๊องหญิงเพี้ยน คุยกันทั่วไปเพื่อทำความรู้จัก (Make Friend) เยาวชนวัย 16 ปีเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในสเปซ เห็นว่าโปรไฟล์เขียนว่าอายุ 20 ปี และเป็นเซ็กซ์ครีเอเตอร์ ก็ทักทายไปและกล่าวว่าถ้าสนใจอยากร่วมงาน หรือคอลแลบ (Collab) ก็ทักกันมาได้ เยาวชนวัย 16 ปีก็กล่าวว่า ได้ค่ะ ถ้าสนใจจะทักไป

ต่อมามีการพูดคุยต่อ กระทั่งแยกย้ายกันไป วันหนึ่งเยาวชนวัย 16 ปีทักมาหาตนว่า พี่ยังหาคนคอลแลบอยู่ไหม ตนตอบว่า ก็ยังหาสิ อีกฝ่ายจึงกล่าวว่า ก็ดีเลย จึงแลกไลน์กัน ซึ่งในไลน์ตนถามย้ำอายุอีกทีว่าอายุ 20 ปีใช่ไหม ซึ่งตนมีหลักฐานทั้งหมดเก็บไว้ ทั้งแชตไลน์และกล่องข้อความในแพลตฟอร์ม X ประมาณ 2-3 ครั้ง อีกฝ่ายตอบว่าอายุ 20 ปี และโปรไฟล์ก็เขียนว่าอายุ 20 ปี ตนจึงค่อนข้างเชื่อว่าอายุ 20 ปีจริง และจากการคุยก็ระบุว่าเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย จึงสันนิษฐานว่าอายุน่าจะประมาณ 20 ปี ก็ไม่ได้สงสัยอะไร พอได้มาเจอและทำความรู้จักก็ไม่ได้มีการตรวจบัตรประชาชน แต่ถึงแม้ว่าจะมีการตรวจบัตรวันนั้นเชื่อว่าจะถูกดำเนินคดีอยู่ดี เพราะเยาวชนวัย 16 ปีได้มีการใช้บัตรประชาชนที่ไม่ใช่ของตัวเอง ซึ่งจะไม่บ่งบอกอายุที่แท้จริง

"เชื่อว่าต่อให้ผมมีการตรวจบัตรประชาชน ณ วันตอนถ่ายงาน ผมก็โดนอยู่ดี แต่ผมจะไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นเหยื่อหรืออะไร นี่คือความสะเพร่าและความประมาทของผมมากๆ ในการที่ทำงานแล้วเหมือนไม่ได้เช็กให้ดีก่อน หรือแม้กระทั่งเราไว้ใจคนคนหนึ่งมากเกินไปว่าอายุเกิน อายุตามที่เขาบอกก็คือ 20 ปี อายุเกิน 18 ปีแล้วแน่ๆ ถ้าสำหรับผมนะ ความรู้สึกผม ณ ตอนนี้ การโดนจับไม่ใช่สิ่งที่ผมรู้สึกแย่เลย เพราะผมทำใจมาตลอดตั้งแต่เข้ามาทำงานในวงการนี้ แต่สิ่งที่รู้สึกแย่สำหรับผมก็คือ การที่ผมทำในสิ่งที่ตัวเองยึดมั่นว่าตัวเองจะไม่ทำ แล้วมารู้ทีหลังว่าเราทำมันลงไปด้วยความสะเพร่า หรือด้วยความประมาท หรือความโง่ หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็เป็นการโดนน้องหลอกอายุว่าอายุ 20 ปี แล้วผมก็เชื่อ แล้วต่อให้ตรวจบัตร ผมก็ยังเห็นอายุเกิน 20 ปีอยู่ดี ซึ่งก็หนีไม่พ้น และเป็นคราวซวยของผมจะต้องโดนเรื่องนี้ ก็โอเค ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปสู้กัน" นายธณพณกล่าว

นายธณพณกล่าวว่า ตนได้ประกันตัวออกมาเพื่อสู้คดี โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ตนมีหลักฐานทั้งหมด ทั้งการถามอีกฝ่ายว่าอายุเท่าไหร่ และการตั้งโปรไฟล์อายุ 20 ปี อีกทั้งมีหลักฐานประกอบว่าตนปฏิเสธเด็กที่เข้ามาหาขอถ่ายงาน หรือขอมีเพศสัมพันธ์ก็ตาม ก็มีแชตการปฏิเสธเพื่อสนับสนุนว่าตนไม่ได้ตั้งใจเรื่องเด็กจริงๆ ซึ่งจะเป็นส่วนที่ต้องต่อสู้ในอนาคตต่อไป

เมื่อมีคนถามว่า จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเยาวชนวัย 16 ปีจะไม่ได้ใช้บัตรประชาชนของตนเอง นายธณพณกล่าวว่า ข้อมูลส่วนนี้ไม่ได้พูดเอง แต่ได้มาจากกรมการปกครอง ตอนที่ถูกจับกุมตัวไปที่กรมการปกครอง ตนก็ได้รู้ข้อมูลบางส่วนว่ามีการสำรวจแอ็กเคานต์ของตนพูดเรื่องอะไร ผลักดันประเด็นเรื่องอะไร แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าเจ้าหน้าที่ฟ้องตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเยาวชนวัย 16 ปียังเด็กจริง และตนก็กระทำไปจริง แต่เรื่องที่รู้หรือไม่ว่าอายุ 16 ปี เป็นสิ่งที่ตนต้องไปสู้คดีกันอีกที ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้ทำหน้าที่ดีมากแล้ว และดูแลตนดีมากด้วย แต่มีข้อมูลที่ได้มาจากเจ้าหน้าที่ว่าเยาวชนวัย 16 ปีใช้บัตรประชาชนที่ไม่ใช่ของตนเอง ตนไม่แน่ใจว่าบัตรประชาชนปลอมหรือบัตรประชาชนคนอื่น แต่ไม่ใช่ของตัวเองแน่นอน

"เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่แปลกใจที่ชายต๊องฯ จะโดน เพราะก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปขอบัตรประชาชนน้องมาดูอยู่ดี คุณนึกออกไหม คือเราไม่ใช่เจ้าหน้าที่ เราไม่มีสิทธิ์ที่จะขอดูบัตรประชาชน เพราะฉะนั้นคำพูดที่บอกว่าเดี๋ยวขอบัตรประชาชนดูก่อนมันก็ไม่เวิร์ก เหมือนเราไม่มีสิทธิ์ที่จะขอดูบัตรประชาชนใครได้ เจ้าหน้าที่บอกผมแบบนี้ว่า คุณก็ซวยแหละ เพราะสุดท้ายคุณก็ไม่สามารถตรวจสอบได้อยู่ดี" นายธณพณกล่าวในตอนหนึ่ง

สำหรับสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ตนไม่ฟ้องแน่นอน เพราะรู้ว่าสื่อมวลชนสมัยนี้เป็นยังไง ต้องทำงานแบบนี้ ส่วนคดีนี้จะพ่วงไปถึงเซ็กซ์ครีเอเตอร์คนอื่นหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่บอกไว้ก่อนว่าทางเจ้าหน้าที่รู้ข้อมูลทุกคน มีการตรวจสอบ สอดส่องทุกคน จึงเตือนว่าถ้าเข้ามาทำงานในสายงานที่ผิดกฎหมาย คุณต้องยอมรับว่าคุณทำผิดกฎหมาย มีโอกาสที่จะถูกดำเนินคดีสักวันหนึ่ง หรือไม่โดนก็ไม่รู้ คุณต้องทำใจว่าคุณมีโอกาสโดนแน่ๆ ถ้าสมมติคุณไม่อยากโดน คุณก็ไม่ต้องเข้ามาทำ ถ้าไม่พร้อมรับสภาพที่จะต้องเจอกับคดีเหล่านี้ก็อย่าทำ ถ้าทำอะไรที่แหวกแนวหรือหลุดออกไปก็จะมีโทษมากขึ้น เช่น การนำเยาวชนมาถ่ายคลิป หรือการถ่ายทำนอกสถานที่ (Outdoor) ตอนนี้ดำเนินคดีตามเยาวชนวัย 16 ปีเป็นหลัก เพราะฉะนั้นใครที่เคยร่วมงานกันก็อาจจะถูกดำเนินคดี รวมทั้งคนที่ได้มีการครอบครองสื่อของเยาวชนวัย 16 ปีก็จะถูกดำเนินคดีด้วย

เมื่อมีคนถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อการผลักดันกฎหมายก่อนหน้านี้ (การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 ฐานความผิดเกี่ยวกับการทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าส่งออกซึ่งสื่อลามก) หรือไม่ นายธณพณกล่าวว่า ในการผลักดันกฎหมาย สมัยก่อนที่ทำตนจะค่อนข้างอยู่เบื้องหลังมากกว่า แต่เมื่อตนถูกดำเนินคดีแล้ว มีการเปิดเผยใบหน้ากระจายไปทั่วแล้ว ทำให้ตนรู้สึกว่าถึงเวลาที่อาจจะพิจารณาผลักดันแบบเปิดหน้าตรงๆ เต็มๆ สักที แต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากคดีของตนต้องเคลียร์ตัวเอง แต่ก็อยากจะผลักดันเรื่องนี้ให้ถูกกฎหมายจริง ถูกควบคุมจริง ส่วนหนึ่งการแก้ปัญหาเรื่องเด็ก เรื่องการตรวจบัตรประชาชนที่จะแก้ปัญหาการดำเนินคดีเหมือนตนและทั้ง 4 คน เช่น อายุเกิน หรือการใช้บัตรประชาชนที่ไม่ใช่ของตนเอง

แนวทางในอนาคตคือการทำให้ถูกกฎหมาย ก็จะไปช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ เพราะการทำให้หนังโป๊ถูกกฎหมาย เท่ากับว่าจะมีการทำหนังสือให้ความยินยอม (Consent Form) คือการนำบัตรประชาชนมาทำเอกสาร ยินยอมให้มีการถ่ายคลิปแบบถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นรูปแบบที่ต่างประเทศทำกัน แม้แต่ในโอนลี่แฟน ถ้าสมมติว่าประเทศไทยในอนาคตสามารถทำตรงนี้ได้ ก็มองว่าจะเป็นการแก้ปัญหาเด็กที่เข้ามาทำในวงการตรงนี้ได้ เพราะถ้าสมมติอายุต่ำกว่า 18 หรือ 20 ปี ที่จะเข้ามาในวงการทำหนังโป๊ ทำหนังสือให้ความยินยอมไม่ได้ ก็เท่ากับว่าทำงานสายนี้ไม่ได้ นี่จะเป็นการกันเด็กออกไปจากวงการหนังโป๊ในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น