จากกรณีที่นางปองจิตร เลี้ยงสุคนธร พร้อมด้วยนายเอกปัญญา เลี้ยงสุคนธร หรือเอ และนางสาวกัลยารัตน์ เลี้ยงสุคนธร หรือแอม ลูกทั้งสอง ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน หลังถูกสามีตัวแสบรวมหัวกับพี่น้องฝั่งสามีอีก 6 คนฟ้องศาลฮุบที่ดินมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ใน อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ทั้งสามคนหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง โดยอ้างว่าเป็นของกงสี
ล่าสุดวันนี้ (14 ม.ค.) สามแม่ลูกออกมาเปิดเผยความคืบหน้าหลังให้คำเบิกความว่าพบพิรุธหลายอย่าง ทั้งคำให้การที่ไม่ตรงกันของฝ่ายโจทก์
นางสาวกัลยารัตน์ ลูกสาว เปิดเผยว่า ล่าสุดหลังจากศาลฎีกาตัดสินแล้ว มีการฟ้องร้องคดีกันโดยที่ฝั่งผัวตัวแสบและน้องๆ เบิกความกลับไปกลับมา ขัดแย้งกับคำฟ้องและคำเบิกความในคดีเดิมที่เคยอ้างว่าเป็นของกงสี
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานสำคัญ เป็นสำเนาคำร้องขอรับพินัยกรรมของนายฮ้วนหมิ่น หรือคุณปู่ ที่เห็นได้ชัดว่ามีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ก่อนที่จะฮุบที่ดินผืนนี้ โดยไปขอรับพินัยกรรมเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2556 เพื่อปิดบังพินัยกรรมไม่ให้ขึ้นสู่ชั้นศาล
หลังจากนั้นเพียงเดือนเดียวจึงลงมือยื่นฟ้องคดีแพ่งในวันที่ 2 ธันวาคม 2556 โดยให้น้องๆ เป็นโจทก์ ส่วนผัวตัวแสบรับบทเป็นจำเลยเพื่อให้การตามฟ้องโจทก์ทั้งหมด
ซึ่ง 3 แม่ลูกที่เป็นเจ้าของร้านทองยี่เฮงและที่ดินทั้ง 19 แปลง ได้นำหลักฐานพินัยกรรมที่นายฮ้วนหมิ่น แซ่เลี้ยง หรือคุณปู่ ที่ยืนยันว่า “ครอบครัวนายฮ้วนหมิ่นไม่มีกงสี” โดยร้านทองศรีไทย เป็นของนายฮ้วนหมิ่นคนเดียวไม่ใช่ต้นตอกงสีที่ลูกทุกคนเป็นหุ้นส่วนตามที่มีการฟ้องคดีก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
ส่วนร้านทองยี่เฮงและที่ดิน 5 แปลงก็เป็นสินสมรสของนางปองจิตรที่ยกให้ลูกๆ ไปแล้ว พร้อมนำหลักฐานการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และซื้อขายที่ดินด้วยแคชเชียร์เช็คอีก 14 แปลง รวมทั้งหมด 19 แปลงริมถนนสายเอเชีย อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เป็นของทั้ง 3 แม่ลูกที่สร้างมาจากน้ำพักน้ำแรง ไม่ใช่กงสีตามที่พี่น้องฝ่ายผัวตัวแสบยื่นฟ้อง
นางสาวกัลยารัตน์เล่าต่อว่า เรื่องนี้ยังไม่จบ เพราะมีพยาน และพบหลักฐานใหม่ หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาไปแล้ว หนึ่งในนั้นคือ คลิปสนทนาที่คุณพ่อยอมรับว่าที่ดินทั้งหมด19 แปลงไม่ใช่กงสี แต่ที่ให้การตามที่โจทก์ฟ้องก็เพราะน้องๆ ทั้ง 6 คน ขอร้องให้การแบบน้ัน ตามคลิปที่นำมาเปิดเผยกับสื่อไปก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ยังมีคำให้การของฝ่ายคุณพ่อและอาในคดีที่คุณพ่อยื่นฟ้องถอดชื่อเธอและพี่ชายออกจากโฉนด โดยให้การขัดแย้งไม่ตรงกับคำฟ้องและคำเบิกความในคดีเดิมว่าเป็นของกงสี อีกทั้งในคำเบิกความของน้องสาวคุณพ่อว่าเพิ่งตรวจพบเจอพินัยกรรมหลังจากศาลฎีกามีคำพิพากษาไปแล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะหลักฐานใบรับพินัยกรรมได้ไปดำเนินการขอรับก่อนที่จะยื่นฟ้องคดีและนำมาเก็บไว้ไม่ส่งศาล ก่อนร่วมกันวางแผนฟ้องฮุบที่ดินดังกล่าว ซึ่งก็ชัดเจนว่าคุณพ่อและน้องๆ คุณพ่อรู้อยู่แก่ใจว่าร้านทองศรีไทยเป็นของคุณปู่ฮ้วนหมิ่น ไม่ใช่กงสี ส่วนร้านทองยี่เฮงและที่ดินทั้งหมด 19 แปลงเป็นของเรา 3 คนแม่ลูก ไม่มีกงสีแต่อย่างใด
ทั้งนี้ จากหลักฐานที่เธอกล่าวมา ซึ่งแนบในสำนวนคดีไปแล้ว จึงอยากร้องขอความเป็นธรรมให้ 3 แม่ลูกด้วย และศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้นัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ว่าจะรับฟ้องหรือไม่ ในวันที่ 17 มกราคมนี้
ขณะที่ทางฝั่งผัวตัวแสบและพี่น้องอีก 6 คนที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง หลังมีข่าวเกิดขึ้นก็ยังไม่มีการออกมาเคลื่อนไหวแต่อย่างใด