xs
xsm
sm
md
lg

นักวิจัยถอดบทเรียนแผ่นดินไหวญี่ปุ่น เตือนไทยอย่าประมาทสึนามิ อันดามันยังเสี่ยง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นักวิจัยศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติถอดบทเรียนแผ่นดินไหวญี่ปุ่น เตือนประเทศไทยต้องเตรียมรับมือ ห่วงชายฝั่งทะเลอันดามันยังเสี่ยงต่อการเกิดสึนามิซ้ำรอยปี 2547 ทั้งระบบเตือนภัยสึนามิและแผนที่หลบภัยสึนามิ รวมถึงมาตรการผลกระทบต่อการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ขณะที่ประชาชนควรเรียนรู้เทคนิคการหลบภัยทั้งแผ่นดินไหวและสึนามิ

จากเหตุการณ์เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในพื้นที่ตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น มีความรุนแรง 7.6 แมกนิจูด ทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหายและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ต่อมามีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับสึนามิระดับอันตราย

ล่าสุดวันนี้ (2 ม.ค.) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โพสต์แจ้งว่า เมื่อเวลา 10.01 น. ของวันนี้ (2 มกราคม 2567) ตามเวลาญี่ปุ่นซึ่งเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นได้ยกเลิกประกาศให้เฝ้าระวังการเกิดคลื่นสึนามิในทุกพื้นที่ของญี่ปุ่นแล้ว

อย่างไรก็ดี อาจมีการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลอย่างต่อเนื่อง ทางการญี่ปุ่นจึงประกาศเตือนให้ชาวประมงใช้ความระมัดระวังในการออกเรือ รวมทั้งในช่วงสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะ 2-3 วันข้างหน้า กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นยังให้เฝ้าระวังเหตุแผ่นดินไหวที่จะยังคงมีตามมาเป็นระยะ (aftershocks)

ในการนี้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ดังกล่าวและนักท่องเที่ยวไทยโปรดดูแลรักษาตัวและเฝ้าระวังสถานการณ์ โดยติดตามข่าวสารของทางการญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง

กรณีฉุกเฉิน สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ HOTLINE +8190-4435-7812

อย่างไรก็ตาม ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และนักวิจัยศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ เผยถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.6 ที่จังหวัดอิชิกาวะ บนเกาะฮอนชู ทางตอนกลางของประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา ว่าเป็นธรณีพิบัติที่รุนแรงมากและอยู่ในระดับตื้นมาก เพียง 10 กิโลเมตร ทำให้เกิดความเสียหายแก่อาคารบ้านเรือน โครงสร้างพื้นฐาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถนนเป็นจำนวนมาก ทั้งยังทำให้เกิดคลื่นสึนามิความสูง 1.2 เมตร ซัดเข้าหาชายฝั่งเมืองวาจิมะ จังหวัดอิชิกาวะ ซึ่งผลของแผ่นดินไหวดังกล่าวจะยังคงเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายวัน อย่างไรก็ตาม ด้วยระยะห่างจากประเทศไทย 4,000-5,000 กิโลเมตร จึงไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย


ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมีนาคม 2554 ได้เคยเกิดแผ่นดินไหวโตโฮคุขนาด 9.0-9.1 นอกชายฝั่งด้านตะวันออกของคาบสมุทรโอชิกะในเขตโตโฮคุ ประเทศญี่ปุ่น ทำให้เกิดคลื่นสึนามิมีความสูงถึง 40 เมตร พัดเข้าชายฝั่งจังหวัดเซ็นได เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตราว 20,000 ราย และสูญหายอีกประมาณ 2,500 คน มีความรุนแรงมากกว่าแผ่นดินไหวที่อิชิกาวะในครั้งนี้เป็น 10 เท่า แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยแต่อย่างใด

สำหรับสึนามิที่ชายฝั่งตะวันออกของประเทศไทย ยังถือได้ว่ามีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากจุดกำเนิดคลื่นแผ่นดินไหวในทะเลหรือวงแหวนไฟอยู่ห่างไกลค่อนข้างมาก แผ่นดินไหวและสึนามิจากประเทศญี่ปุ่นจึงจะไม่กระทบต่อประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ได้มีการศึกษาแบบจำลองการเกิดสึนามิในอ่าวไทยกรณีเกิดแผ่นดินไหวที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งอยู่ในแนววงแหวนไฟเช่นกันแต่อยู่ใกล้ประเทศไทยมากกว่า โดยสมมติว่าหากเกิดแผ่นดินไหวระดับ 9 อาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิมาถึงชายฝั่งทะเลไทยได้ แต่จะใช้เวลาเดินทางนาน 10-20 ชั่วโมงกว่าจะมาถึงชายฝั่ง และด้วยสภาพทางกายภาพที่ค่อนข้างตื้นของชายฝั่ง ทำให้พลังงานจากคลื่นสึนามิสลายตัวไปส่วนใหญ่ ความสูงคลื่นสึนามิไม่น่าจะเกิน 20-30 เซนติเมตร จึงอาจกล่าวได้ว่าชายฝั่งทะเลอ่าวไทยค่อนข้างจะมีความเสี่ยงต่อสึนามิในระดับต่ำ และไม่น่าวิตกกังวล

อย่างไรก็ตาม ชายฝั่งด้านตะวันตกของไทยหรือชายฝั่งทะเลอันดามันยังคงมีความเสี่ยงต่อสึนามิอยู่ เนื่องจากแนวรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกอยู่ห่างไปเพียงประมาณ 800-1,200 กิโลเมตร ซึ่งใกล้กว่าแนวรอยต่อทางฝั่งตะวันออกมาก แนวรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกที่อยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลอันดามัน คือแนวมุดตัวของแผ่นเปลือกโลกอินโด-ออสเตรเลียกับแผ่นยูเรเซีย ดังที่ได้เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.1-9.3 ที่นอกชายฝั่งตะวันตกของเกาะสุมาตราเหนือมาแล้วเมื่อปี 2547 ทำให้เกิดคลื่นสึนามิความสูงถึง 11 เมตร ซัดชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายถึงเกือบ 9,000 ราย ดังนั้นความเสี่ยงต่อสึนามิในฝั่งทะเลอันดามันจึงเป็นเรื่องที่จะประมาทไม่ได้ การเตรียมความพร้อมรับมือเท่านั้นที่จะลดความเสี่ยงและความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

สำหรับมาตรการลดผลกระทบความเสี่ยงจากสึนามิ ประกอบด้วย 1) ระบบเตือนภัยสึนามิและแผนที่หลบภัยสึนามิ ปัจจุบันได้ติดตั้งระบบเตือนภัยสึนามิและแผนที่หลบภัยสึนามิในชายฝั่งทะเลอันดามันแล้ว แต่ควรจะซักซ้อมเหตุการณ์เป็นระยะ และตรวจสอบสภาพให้ใช้งานได้ดีตลอดเวลา 2) มาตรการด้านอาคารและที่หลบภัยแนวดิ่ง เช่น การก่อสร้างอาคารหลบภัยสึนามิทั้งรูปแบบถาวรและแบบชั่วคราว หรือการปรับปรุงอาคารเดิมในพื้นที่ให้ต้านทานแรงสึนามิได้ 3) มาตรการบรรเทาผลกระทบหลังเกิดสึนามิ ซึ่งประเทศไทยไม่ควรประมาทภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดเหตุแผ่นดินไหวหลายครั้งทั้งในและนอกประเทศที่ทำให้ประชาชนรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ชัดเจน

ปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีแจ้งเตือนแผ่นดินไหวล่วงหน้าได้ แต่สึนามิสามารถแจ้งเตือนภัยได้ โดยประเทศไทยสามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาเพียงพอที่จะหลบภัย ทั้งนี้ ระบบแจ้งเตือนภัยต้องทำงานตามเกณฑ์ที่กำหนด และต้องซักซ้อมเพื่อมิให้เกิดโกลาหล อีกทั้งแผนที่เสี่ยงภัยที่แสดงเส้นทางหลบภัยจะต้องครอบคลุมพื้นที่และเข้าใจได้ง่าย เส้นทางหลบภัยควรอพยพประชาชนไปสู่ที่สูงตามธรรมชาติ หากเป็นพื้นที่ราบที่ไม่มีที่สูงตามธรรมชาติควรจัดให้มีอาคารหลบภัยในบริเวณนั้น โดยการก่อสร้างอาคารหลบภัยทางดิ่งทั้งแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร หรือการปรับปรุงอาคารหลายชั้นที่มีอยู่เดิมให้แข็งแรงต้านสึนามิได้ ขณะที่ประชาชนควรเรียนรู้เทคนิคการหลบภัยทั้งแผ่นดินไหวและสึนามิ รวมถึงการศึกษาแผนที่หลบภัยสึนามิ เพื่อจะได้ไม่ตระหนกและรู้เส้นทางหลบภัยเมื่อถึงคราวเกิดภัยพิบัติ

ด้าน รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เผยว่า นับตั้งแต่แผ่นดินไหวที่เชียงรายเมื่อปี 2557 แม้จะไม่มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอีกในประเทศไทยโดยตรง เพียงแต่ได้รับแรงสั่นสะเทือนจากประเทศเพื่อนบ้านหลายครั้ง ดังนั้นนักวิจัยควรจะถอดบทเรียนว่าจากวันนั้นถึงวันนี้เราเรียนรู้อะไร และเตรียมการอะไรเพิ่มเติมบ้าง โดยเฉพาะในมุมความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรมการจัดการ และการเตรียมคนทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและประชาชน เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมมากขึ้นสำหรับการรับมือภัยพิบัติแผ่นดินไหว รวมถึงสึนามิที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น