ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ 2567 วงการสื่อมวลชนมีความเปลี่ยนแปลงบนหน้าจอทีวีของรัฐอย่างสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อมีรายการหลุดผัง 3 รายการ ได้แก่ รายการคุยถึงแก่น ดำเนินรายการโดย นายปรเมษฐ์ ภู่โต และ น.ส.นันทิญา จิตตโสภาวดี รายการ NBT รวมใจ ดำเนินรายการโดย นายถนอม อ่อนเกตุพล และรายการฟังชัดๆ ถนอมจัดให้ ดำเนินรายการโดย นายถนอม อ่อนเกตุพล
โดยในเช้าวันนี้จากเดิมจะมีรายการคุยถึงแก่น ก็กลายเป็นรายการข่าวเช้าเอ็นบีที รายการก้าวเปลี่ยนโลก และรายการคุยให้จบกับตัวจริง ส่วนเวลา 10.00 น. ซึ่งเป็นเวลารายการเอ็นบีที รวมใจ ก็กลายเป็นการฉายสารคดี และเวลา 21.00 น. ซึ่งเป็นเวลารายการฟังชัดๆ ถนอมจัดให้ ก็กลายเป็นรายการที่ชื่อว่า MATCH POINT
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2566 นายปรเมษฐ์โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงว่า ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจากผู้บริหารสถานีว่ารายการหลุดผังในปี 2567 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2566 เวลา 15.00 น. ซึ่งกระชั้นชิดมาก โดยให้เหตุผลว่าสถานีมีนโยบายจะปรับรูปแบบรายการให้เป็นแบบประเทศเกาหลี ตนและทีมงานก็เตรียมใจมานานแล้วว่า การเมืองเปลี่ยน วันหนึ่งเราก็อาจจะได้รับผลกระทบ ไม่ได้คิดว่าจะต้องอยู่กันไปจนชั่วฟ้าดินสลาย เพียงแต่บอกกันสักนิด ให้ทีมงานเตรียมตัวกันบ้างแค่นั้น
ด้านเฟซบุ๊ก ถนอม อ่อนเกตุพล ชี้แจงว่า รายการเอ็นบีที รวมใจฯ และ ฟังชัดๆ ถนอมจัดให้ ลาจอวันที่ 30 ธ.ค. 2566 หลังจากนั้นจะมีรายการใหม่มาทดแทน การผลิตสื่อของตนอาจจะใช้เวลาหลังปีใหม่พักผ่อนสักระยะหนึ่ง สามารถติดตามได้ทางสื่อออนไลน์ ยังทำเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ยังให้คำแนะนำ ปรึกษาปัญหาต่างๆ และประสานให้เกิดการช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้กับทุกท่านต่อไป ตามปณิธาน ทุกข์ของท่านคืองานของผม แล้วพบกันทางหน้าจอมือถือ
อีกด้านหนึ่ง นายปรเมษฐ์ให้สัมภาษณ์กับทางแนวหน้าออนไลน์เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2566 ระบุว่า ช่องเอ็นบีทีมีการปรับผังรายการ หลังปีใหม่ไม่มีรายการคุยถึงแก่น ปัญหาคือ ตนเพิ่งทราบจากผู้อำนวยการช่องเอ็นบีทีขอปรึกษาหน่อยว่ามีการประชุมปรับผังรายการ จะเลื่อนข่าวเช้ามาคร่อมเวลารายการคุยถึงแก่น ตอนแรกคิดว่าเลื่อนเวลา แต่ได้รับคำตอบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 ไม่มีรายการคุยถึงแก่น เพราะจะปรับรูปแบบรายการโทรทัศน์แบบเกาหลี เป็นนโยบายของผู้ใหญ่แต่ไม่ทราบว่าใคร
"เรื่องการเปลี่ยนแปลงเป็นที่เข้าใจได้ แต่ไม่บอกเราเลย โทรทัศน์แบบเกาหลีคือต้องยกรายการเรตติ้งดีออกใช่ไหม ก็เลยงงและไม่มีคำอธิบายใดๆ นอกจากจะจัดรายการแบบเกาหลี เขาก็มีมาตรการเยียวยา เสนอให้ไปจัดรายการวิทยุที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ตกลงค่าจ้างเรียบร้อย แต่ผมไม่ไป คุยกับ น.ส.นันทิญา เพราะมาด้วยกัน ก็ตอบว่าไม่ไป มาด้วยกัน ไปด้วยกัน พี่ไปไหนหนูไปด้วย รายการอยู่มา 5 ปี 7 เดือน ถ้าไม่มีคนดูรายการอยู่นานขนาดนี้ไม่ได้ ขณะนี้เราโดนปลดโดยไม่ได้อะไรเลย ไปจัดรายการวิทยุก็ไม่มีหลักประกันว่าพูดอย่างที่เราอยากพูดได้หรือเปล่า"
นายปรเมษฐ์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเคยถูกเตือนขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไปพูดที่พรรคเพื่อไทย เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับผู้กำกับการว่ามีทั้งสมหวังและผิดหวัง ทีมงานก็พูดคุยว่าจะเล่นไหมข่าวนี้ เราบอกไม่เล่นไม่ได้นะ เพราะเล่นกันทั้งโลก ก็ปล่อยเสียงนายเศรษฐาไปที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ปรากฏว่าพอจัดรายการเสร็จ มีคนเดินมาบอกว่า ผู้ใหญ่โทร.มาบอกว่าเล่นทำไมข่าวนี้ ทั้งที่เขาเล่นกันทั้งโลก และรายการของตนเป็นข่าวสารการเมือง ไม่เล่นข่าวนี้ได้อย่างไร
แต่ที่ผ่านมาข่าวนายทักษิณก็นำเสนอข่าวทั้งสองฝั่ง เหมือนกับสื่อพึงจะนำเสนอทั่วไป รัฐบาลชี้แจงว่าเรื่องนี้ไม่ถูกก็ช่วยชี้แจงทำความเข้าใจตามที่รัฐบาลชี้แจงมา ก็คิดว่าไม่น่ามีปัญหา รัฐบาลก็คงใจกว้าง ขณะการตั้งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์คนใหม่ก็ไม่มีส่งสัญญาณอะไร ก็เลยคาใจ นอกจากนี้ยังรู้สึกงงว่ารายการนายถนอมถูกปลดออกจากผังเพราะอะไร รายการฟังชัดๆ ถนอมจัดให้ คิดว่าไม่น่ารอด แต่รายการ NBT รวมใจฯ ซึ่งเป็นรายการช่วยชาวบ้านก็ไม่รอด
ก่อนหน้านี้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รายงานสถานการณ์สื่อมวลชนในรอบปี 2566 หนึ่งในนั้นกล่าวถึงบรรยากาศการเริ่มต้นหลังรัฐบาลใหม่ได้เข้ามาบริหารประเทศกว่า 3 เดือนเศษ แต่ก็มีสัญญาณการแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชนจากรัฐบาล
โดยมีพฤติการณ์พยายามห้ามผู้มีความเห็นต่างใช้พื้นที่สื่อรัฐออกรายการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาล เช่น กรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง ที่ระบุมีบุคคลโทรศัพท์มานัดหมายขอสัมภาษณ์เรื่องการแจกเงินดิจิทัลผ่านสื่อของรัฐ จากนั้นก็มีโทรศัพท์มาขอยกเลิกการสัมภาษณ์ โดยให้เหตุผลว่าผู้ใหญ่ในช่องเห็นว่ารัฐบาลถูกวิจารณ์เรื่องนี้มากแล้ว เกรงว่าจะทำให้เกิดความสับสนมากขึ้น
หรือในกรณีที่ รศ.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ ระบุว่าที่จะออกรายการคุยตามข่าว แต่กลับไม่มีการออกอากาศในประเด็น "ทักษิณ : ระเบิดเวลารัฐบาล?" เพราะได้รับแจ้งผู้บริหารช่องสื่อของรัฐพิจารณาแล้วว่าสุ่มเสี่ยงทำให้รัฐบาลไม่พึงพอใจจึงสั่งงดออกอากาศ ดังนั้น ทั้ง 2 กรณีนี้จึงหมิ่นเหม่ต่อการที่รัฐบาลอาจใช้อำนาจแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนได้
อนึ่ง รัฐมนตรีที่กำกับดูแลสื่อของรัฐ เช่น บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และกรมประชาสัมพันธ์ ได้แก่ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด หรือ "เจ๊แจ๋น" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี