รายงานพิเศษ
“แน่นอนว่าในช่วงเทศกาลอย่างปีใหม่ ซึ่งมีวันหยุดยาว ก็จะมีความต้องการเดินทางข้ามจังหวัดผ่านรถบัสโดยสารสาธารณะมากกว่าปกติ ทำให้จำนวนรถมีน้อยกว่าคนที่ต้องการเดินทาง และเป็นช่องทางที่ผู้ประกอบการจะนำรถที่ไม่ใช่รถประจำทางมาวิ่งเสริม ซึ่งผู้บริโภคจำเป็นต้องดูเรื่องความปลอดภัยของตัวเองให้ดีด้วย”
คงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวถึงปัญหาที่ผู้ประกอบการรถบัสโดยสารจะนำรถโดยสารอื่นที่ไม่ใช่รถประจำทาง (รถ 30) มาช่วยวิ่งเสริมเพื่อรองรับต่อความต้องการเดินทางที่มากกว่าจำนวนรถในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ซึ่งผู้บริโภคอาจจำเป็นต้องเดินทางโดยไม่มีทางเลือก แต่ขอย้ำว่า ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบและแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ขนส่งได้หากเห็นว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยในระหว่างการเดินทาง
ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาองค์กรของผู้บริโภค นำเสนอประเด็นต่างๆ ที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องสังเกตก่อนเดินทางในช่วงเทศกาล
1. หากจองตั๋วล่วงหน้า ส่วนใหญ่จะได้เดินทางด้วยรถโดยสารตามที่ระบุไว้ในตั๋ว แต่ก็ควรสังเกตว่าได้รถตรงตามที่จองไว้หรือไม่ เช่น ในตั๋วเป็นรถบัสชั้นเดียว ถูกเปลี่ยนเป็นรถบัส 2 ชั้น ที่มีความปลอดภัยน้อยกว่าหากไปวิ่งบนเส้นทางโค้ง ลาดชัน หรือลาดเอียงหรือไม่
2. หากไม่ได้จองตั๋วไว้และไปซื้อตั๋วที่หน้าสถานีขนส่งก่อนเดินทางในช่วงเทศกาลเช่นนี้ ก็จะมีโอกาสสูงที่จะต้องเดินทางด้วยรถอื่นที่ไม่ใช้รถประจำทาง ดังนั้นต้องดูให้ชัดว่า อย่างน้อยควรมีข้อมูลที่สำคัญระบุไว้ในตั๋วอย่างชัดเจนว่าเป็นรถประเภทไหน เป็นรถ 2 ชั้นหรือไม่ บริษัทอะไร ราคาเท่าไหร่ ไม่ใช่ตั๋วผีที่ไม่มีข้อมูลเหล่านี้ระบุไว้เลย เพราะการระบุข้อมูลที่ชัดเจน ก็สามารถบ่งบอกได้ว่า แม้จะเป็นรถที่ถูกนำมาวิ่งเสริม แต่ก็ผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกแล้ว เช่น จะต้องถูกตรวจสภาพรถ มีประกันภัยภาคบังคับ มีประกันภัยภาคสมัครใจ มีการตรวจสภาพร่างกายและตรวจวัดระดับแอลกอฮอลล์ของคนขับรถ
3. หากเป็นสถานีขนส่งในต่างจังหวัด มักจะมีการนัดหมายขึ้นรถที่นอกสถานีขนส่ง ซึ่งผู้บริโภคต้องรับรู้ด้วยว่า การนัดหมายขึ้นรถนอกสถานีเช่นนี้ อาจหมายความว่าเป็นรถเถื่อนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยใดๆ เลย จึงไม่ควรเดินทาง หรืออาจแจ้งต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอเปลี่ยนรถ หรือหากมีความจำเป็นต้องเดินทางก็สามารถแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบ เพื่อขอให้ช่วยมอนิเตอร์รถคันนี้ควรตรวจสอบตามจุดพักรถต่างๆ ตลอดเส้นทางได้
4. หากผู้บริโภคเห็นว่า รถโดยสารที่จะออกเดินทางไม่ตรงกับข้อมูลรถที่ระบไว้ในตั๋ว และถูกบังคับให้ขึ้น แต่ไม่ต้องการเดินทางด้วยรถคันนี้จริงๆ ก็สามารถปฎิเสธการเดินทางและร้องขอให้คืนเงินค่าโดยสารได้
“ผมเคยจะเดินทางไปที่พิษณุโลก โดยจองตั๋วรถบัสชั้นเดียวไว้ แต่พอถึงเวลาเดินทางกลับพบว่าเป็นรถบัส 2 ชั้น ซึ่งเราเป็นกลุ่มที่รณรงค์ให้ยกเลิกการใช้บัส 2 ชั้นอยู่แล้ว เราก็เลยแจ้งเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบกเพื่อขอเงินค่าโดยสารคืน”
“แต่ถ้าเราไม่ได้ต้องการเงินคืน เราจำเป็นต้องเดินทาง ขอเปลี่ยนรถก็ไม่ได้เพราะเขาไม่มีรถคันอื่นแล้ว เราก็ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่สถานีขนส่งเอาไว้ หรือโทรไปแจ้งที่หมายเลข 1584 สายด่วนกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่า รถคันนี้จะต้องเป็นรถที่เขาต้องจับตาดูหรือเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งก็จะช่วยทำให้ทั้งผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ตื่นตัวเรื่องความปลอดภัยของรถคันนี้มากขึ้นตลอดเส้นทาง” คงศักดิ์ กล่าวย้ำ
หากตั้งคำถามว่า มีเรื่องร้องเรียนมายังสภาองค์กรผู้บริโภคเกี่ยวกับการได้เดินทางโดยรถที่ไม่ตรงกับตั๋วโดยสารมากน้อยเพียงใด คงศักดิ์ ยอมรับว่า ที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนเป็นระยะแต่ไม่มากนัก โดยวิเคราะห์ว่า เป็นเพราะผู้โดยสารส่วนใหญ่จำเป็นต้องเดินทางจึงไม่มีทางเลือก และไม่รู้ช่องทางการร้องเรียน และยังย้ำให้เห็นจุดอ่อนที่สำคัญด้วยว่า ประเทศไทยไม่ได้เก็บข้อมูลเชิงสถิติในประเด็นการบังคับขึ้นรถโดยสารเช่นนี้ไว้เลย
ส่วนสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่เก็บไว้ในช่วง 7 วันอันตรายของเทศกาลต่างๆ คงศักดิ์ เปิดเผยว่า หน่วยงานของรัฐเก็บข้อมูลไว้เพียงว่า เคสใดบ้างเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากโดยสารสาธารณะ แต่ไม่เคยถูกจำแนกแยกแยะให้ชัดเจนว่า รถที่เกิดอุบัติเหตุเป็นรถประจำทาง หรือเป็นรถที่ถูกนำมาเสริมในช่วงมีความต้องการใช้รถมาก ซึ่งการไม่มีข้อมูลเหล่านี้ก็ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะผลักดันให้เกิดการปรับปรุง


