สังคมไทยป่วยหนัก เมื่อคนจำนวนมากแห่กราบเด็กอายุ 7-8 ขวบที่อ้างตัวเองเป็นอวตารของพญานาคลงมาเผยแพร่ศาสนา เปิดคอร์สสอนเชื่อมจิตคิดเงินค่าเรียน แม้ผู้รู้จริงต่างบอกเป็นลัทธิวิปลาส แต่ก็ยังมีคนศรัทธาแห่แหน ไม่ต่างจากกรณีธรรมกาย เณรคำ ยันตระ ภาวนาพุทโธ ฯลฯ ในอดีต เช่นเดียวกับ “นอท กองสลากพลัส” ถูกดีเอสไอดำเนินคดีฐานฟอกเงิน-จัดเล่นพนันออนไลน์ แต่ก็ยังกลับมาเปิดขายหวยออนไลน์รูปแบบเดิม แค่เปลี่ยนชื่อ ดึงเอาดารานักร้องชื่อดังบ้าหวยหลายคนมาโปรโมต โดยเจ้าหน้าที่ยังเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงกรณี “น้องไนซ์” นิรมิต เทวาจุติ ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่กำลังเป็นกระแสสังคมไทย เมื่อผู้ใหญ่แห่ไปกราบไหว้ปลกๆ เด็กประถมคนหนึ่ง เพียงเพราะเชื่อว่าเป็นเด็กมหัศจรรรย์ เป็นเด็กมีของ อายุแค่ 7-8 ขวบ แต่พูดเรื่องทางพุทธได้เป็นฉาก ๆ
โดยช่องทางแรกที่น้องไนซ์สามารถแจ้งเกิด จนเป็นที่รู้จักวงกว้างก็คือ“ติ๊กตอก”ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมของยุคปัจจุบัน จากนั้นก็กระจายไปยังเฟซบุ๊กและยูทูปโดยมีพ่อชื่อนก แม่ก็ชื่อนก ส่งเสริมลูกให้มาทางนี้อย่างสุดตัว เพราะ “น้องไนซ์” ไม่เพียงแต่มีคำสอนทางพุทธอย่างเดียว แต่ยังมีสตอรี่จากปากพ่อแม่ เล่าเรื่องในเชิงปาฏิหาริย์ จนกระทั่งเป็นผู้วิเศษ โดยแม่เล่าในทำนองที่ว่า “น้องไนซ์” เป็นร่างอวตารของ องค์เพชรภัทรนาคานาคราช ลงมาจุติ สามารถถอดจิตสื่อสารพูดคุยกับ “เจ้าแม่กวนอิม” ได้ เป็นต้น
สังเกตว่า เรื่องเล่าอภินิหาร และสิ่งต่างๆ เหล่านี้ คงไม่ใช่ “น้องไนซ์” พูดเอง และเมื่อมีคำถามที่ “น้องไนซ์” ต้องตอบ คนที่พูดตอบแทนยืดยาว ก็มักจะเป็นคุณแม่ของ “น้องไนซ์” และหากต้องจัดการปัญหาใดๆ อย่างการจะไล่ออกแอดมินเพจ คุณแม่ก็อ้างว่า “น้องไนซ์” ไม่พอใจ ไม่ใช่คุณแม่ไม่พอใจ
เพราะฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่าถ้าจะบอกว่า “น้องไนซ์” เป็นร่างทรง ก็คงจะเป็นร่างทรงของคุณแม่นี่เอง ไม่ใช่ร่างทรงขององค์นาคาเทวราช ที่ไหน
พอเริ่มโด่งดังเป็นที่รู้จักแพร่หลาย “น้องไนซ์” จึงมีกิจรับเชิญไปบรรยายธรรมนอกสถานที่ เดินสายพูดไปทั่ว และก็เริ่มมีคนตั้งข้อสงสัยกับคำสอนของ “น้องไนซ์” ออกมาจับผิดมากขึ้นๆ บางคนบอกว่า คำสอนน้องไนซ์ “ผิดทุกคลิป มั่วทุกคลิป” และเข้าข่าย “ลัทธิวิปริตวิปลาส” โดยเฉพาะการที่น้องไนซ์สอนว่า การนั่งสมาธิ เป็น “การเชื่อมจิต” นอกจากนั้น ยังมีคลิปที่น้องไนซ์บอกว่าจะเชื่อมจิตคุยกับ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย บ้างเป็นต้น !?!
สัปดาห์ที่แล้ว วันที่ 14 ธันวาคม 2566 มีอดีตผู้ศรัทธาออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่ากังวลเกี่ยวกับผู้ปกครองรวมถึงผู้ใหญ่รอบตัวที่มีส่วนร่วมในการจัดการกิจกรรมและรายได้ต่าง ๆ ที่ได้รับจากผู้ศรัทธา ระบุว่า ตนถูกเตะออกจาก “ห้องแชต” หลังตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและปลายทางของเงินรายได้ ที่ไหลสะพัดเข้าไปยังขบวนการอย่างต่อเนื่องด้วยแรงศรัทธาของผู้เลื่อมใส
เนื่องจาก “ขบวนการน้องไนซ์” มีการเดินสายทำคอร์สบรรยาย ให้สาวกต้องจ่ายเงิน ในระหว่างติดตามไปตามจังหวัดต่างๆ
อย่าง คอร์สเชื่อมจิต มี 4 แพคเกจ คือ
คอร์สที่ 1 :ไม่รวมที่พัก ราคา 1,900 บาท พร้อมกาแฟและอาหารกลางวัน
คอร์สที่ 2 :รวมที่พัก 1 คืน ราคา 3,000 บาท พักได้ 2 คน รวมอาหารเช้า
คอร์สที่ 3 :รวมที่พัก 2 คืน ราคา 4,100 บาท พักได้ 2 คน รวมอาหารเช้า
คอร์สที่ 4 :พิเศษ รวมที่พัก 2 คืน ราคา 4,200 บาทต่อคน ห้องมาตรฐาน 1 ห้อง พักได้ 2 คน รวมอาหารเช้า รวมค่าเดินทาง หากจะพักคนเดียวชำระเพิ่มอีก 1,200 บาท
นอกจากนี้ ยังมีการเชิญชวนให้สมาชิกเข้าร่วมกองทุนคนละ 300 บาท เพื่อสมทบทุนจัดซื้อที่ดินและก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม โดยมีการตั้งงบประมาณเอาไว้ 15 ล้านบาท และใช้โมเดลสามมิติจำลองสถานปฏิบัติธรรมในการสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดใจให้คนมาเข้าร่วม
โดย “พ่อแม่น้องไนซ์” สาบานว่าไม่มีการเรียกรับเงินแม้แต่บาทเดียว เพราะกิจกรรมต่างๆ ที่มีการระดมทุน หรือค่าคอร์สอบรมการเชื่อมจิต จะโอนไปที่บัญชีผู้รับ ชื่อว่า นายแพทย์ คเณศ คณินวรพันธุ์ หมอเด็กชื่อดังในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งประกาศตัวเป็นลูกศิษย์ของ “น้องไนซ์”
“หมอคเนศ” หมอเด็กชื่อดังลูกศิษย์ “น้องไนซ์”
นพ.คเณศ คณินวรพันธุ์ ประธานผู้จัดสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม คนรับเงินของขบวนการน้องไนซ์นั้น เป็นหมอเด็ก เรียนที่ จ.สงขลา จบหมอ จาก มอ.หาดใหญ่ เปิดคลินิกชื่อ คลินิกเด็กหมอคเณศอยู่ที่ จ. สุราษฎร์ธานี
“หมอคเณศ” เป็นคนชอบปฏิบัติธรรม เจอกับน้องไนซ์ ตอนน้องไนซ์ประมาณ 4-5 ขวบ ไม่สบายไปหาหมอ แล้วได้คุยเรื่องธรรมะ แล้วถูกคอ ต่อมาขอถวายตัวเป็นศิษย์
ตอนนี้ อยากทำสถานที่ปฏิบัติธรรม เพราะยังไม่มีเป็นหลักแหล่ง “พ่อแม่ของน้องไนซ์” ก็ไม่ได้เปิดบ้านเพื่อให้ลูกศิษย์เข้าไป ใช้วิธีสอนออนไลน์ จนตอนนี้ ไปเปิดที่ รร. จึงเป็นที่มาของการเก็บค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นค่าสถานที่ ค่าที่พัก ค่าอาหาร “หมอคเณศ” จึงเปิดรับบริจาคสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม ตั้งใน จ.สุราษฎร์ธานี
แต่ก็มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า บ้านนิรมิตทำอสังหาริมทรัพท์อยู่ ขายที่ดินแล้วก็มาเปิดจัดกิจกรรมระดมทุนหาซื้อที่ดิน แล้วก็อ้างว่า “น้องไนซ์” อยากได้ที่ดินผืนนี้
พอเริ่มมีคนออกมาแฉ กระแสต่อต้านยิ่งนานยิ่งมาก จน “พ่อแม่น้องไนซ์” ต้องพึ่งบริการทนายความ บุกไปแจ้งความ บก.ปอท. เอาผิดพวกที่มาบูลลี่น้องไนซ์ และยังงัดเอากฎหมายคุ้มครองเด็ก มาเป็นเกราะป้องกันตัวให้น้องไนซ์อีกชั้นหนี่ง
ล่าสุดไปยื่นหนังสือร้องต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ให้ช่วยปกป้องน้องไนซ์ จากการบูลลี่
แต่เหมือนว่า เหตุการณ์จะไม่เป็นไปตามที่ “ขบวนการน้องไนซ์” คาดหมาย เพราะตำรวจถือโอกาสนี้ พูดถึงน้องไนซ์เสียที โดย พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาเผยว่า ตำรวจกำลังตรวจสอบทุกประเด็นของขบวนการน้องไนซ์ เพราะแม้จะมีรูปแบบเป็นเรื่องของศรัทธาความเชื่อส่วนบุคคล แต่ก็มีความสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมาย ทั้งเรื่องของการหลอกลวง และแสวงหาผลประโยชน์จากเด็ก ซึ่งตำรวจจะตรวจสอบหมด ทั้งพื้นที่เกิดเหตุ และทั้งการโพสต์โฆษณาเชิญชวนผ่านสื่อออนไลน์
พ่อแม่ของน้องไนซ์ ก็อยู่ในข่ายต้องถูกเรียกสอบปากคำด้วยพร้อมฝากไปถึงใครก็ตามที่รู้สึกว่าเสียหาย ถูกหลอกลวง สามารถแจ้งความกับตำรวจได้ทั่วประเทศ
มั่วนิ่ม อ้างพระพุทธเจ้าเชื่อมจิตเทศนาธรรม
ยกตัวอย่างสิ่งที่น้องไนซ์ กล่าวอ้าง จนเป็นประเด็นถกเถียงว่าชัวร์หรือมั่วนิ่ม ว่า
"สมัยพุทธกาลไม่มีไมโครโฟนขยายเสียง พระพุทธเจ้าจึงต้องแสดงเทศนาธรรมถึงเหล่าสาวกนับร้อยนับพัน ผ่านการเชื่อมจิตทางสมาธิ มิฉะนั้น การสื่อสารจะทำได้ไม่ทั่วถึง"
ความจริง ในพระสูตรเขียนเล่าไว้ เวลาพระพุทธเจ้าปรากฏตัว บรรดาพระภิกษุทั้งหลาย จะพากันเงียบเสียงแบบเงียบสนิท ตลอดเวลา จึงได้ยินทั่วถึงกัน
เด็กอายุแค่ 8 ขวบ บุคลิกหลุกหลิก ไม่เคยผ่านการร่ำเรียนฝึกฝนทางพุทธ แต่กระโดดอุปโลกน์ตัวเป็นอวตารของเทพองค์โน้น ลูกของพระองค์นี้ ตั้งตัวเป็น “พระอาจารย์” ได้เลย จากสตอรี่ของพ่อแม่ ที่เอามาปั่นศรัทธา ฟังดูแล้วไม่น่าจะมีใครควรจะหลงเชื่อได้ แต่ก็เป็นไปแล้วในสังคมไทย
เรื่อง “ขบวนการน้องไนซ์” กับการทำมาหากินกับความเชื่อ ความโง่ของคนมีมานานแล้ว ไม่ได้เพิ่งมี เรื่องทำนองนี้หลาย ๆ เรื่องในอดีตเคยเกิดขึ้นมาแล้ว
“ธรรมกาย” แอบอ้างพระพุทธเจ้าขายบุญ
“ธัมมชโย”เจ้าสำนักธรรมกาย ที่มักจะอวดอ้างตัวเองเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าแล้วจัดการแก้คำสอนเข้าไปให้ให้โดนใจสาวก อย่างของเดิม “การนิพพานเป็นอนัตตา” คือ ไม่มีตัวตนทางธรรมกายก็แก้ไขว่า“การนิพพานเป็นอัตตา” คือ มีตัวตนเพื่อจะที่นำไปทำการค้าต่าง ๆจนเป็นหนึ่งในอัตลักษณ์ของธรรมกาย
ซึ่งก็คล้ายคลึงกับ “น้องไนซ์” ที่ในขบวนการ มีการสตอรี่อวดอ้างการเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า และสร้างคำสอนเฉพาะตัวว่าด้วยการเชื่อมจิต “น้องไนซ์” มีความสามารถในการเชื่อมจิตผู้คนเข้าสู่สมาธิได้ แถมยังมโนไปไกลถึงยุคพุทธกาลด้วย ว่าพระพุทธเจ้าไม่มีไมโครโฟน จะสอนพระสาวกเป็นพัน ๆ รูปได้ ก็ต้องใช้บริการเชื่อมจิต แบบของ “น้องไนซ์” นี่แหละ
นอกจากนี้ ธรรมกาย ยังมีความโดดเด่นเรื่องการดูดเงินจากกระเป๋าสาวก ในสารพัดรูปแบบ เพราะ “สวรรค์” ของธรรมกายนั้น สามารถซื้อได้ด้วยเงิน ด้วยเหตุที่ว่า“ธรรมกาย”ตีความ“นิพพานเป็นอัตตา”จึงเป็นที่มาของ การที่บุญกุศลซื้อได้ด้วยเงินทอง มีสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ให้เลือก คนมีเงินทำบุญมากได้ขึ้นสวรรค์ชั้นสูงกว่า สิ่งเหล่านี้ถูกออกแบบมาตั้งแต่ชื่อเรียก เช่น กัลยาณมิตร ผู้นำบุญ มีระดับชั้นของผู้ที่ศรัทธาแตกต่างกันออกไป ไม่ต่างไปจากหลักการขายตรงของภาคธุรกิจ
ส่วน “น้องไนซ์” นั้นยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น คือเริ่มมีการระดมเงินบริจาคสร้างโน่นนี่ และก็จัดแพคเกจทัวร์ธรรมะ อย่างไรก็ตามสามารถสรุปได้ว่า ทั้ง “ธรรมกาย” และ “ขบวนการน้องไนซ์” ต่างอวดอ้างถึงพระพุทธเจ้า และแสวงหาประโยชน์จากสตอรี่เหนือจริงเหล่านั้น
แต่วิธีการอาศัยการเล่นกลหลอกลวงต่างๆ เพื่อหวังกอบโกยเงินทองจากผู้มีจิตศรัทธานั้น พอทำไปแล้ว เขาก็ต้องทำต่อไปเรื่อย ๆ ไม่สามารถหยุดกลางคันได้ กลายเป็นคนที่ขึ้นขี่หลังเสือ เมื่อทำแล้วก็ต้องหน้าด้านทำไปเรื่อยๆ เพราะวันไหนที่ถูกจับได้ขึ้นมา ชีวิตจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า
ตัวอย่างก็มีให้เห็น เช่น “เณรคำ”
อดีตพระชื่อดังกระฉ่อนโลก “หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก” หรือ นายวิรพล สุขผล อดีตประธานสงฆ์สำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ ผู้มีเงินมากมายหลั่งไหลมาจากแรงศรัทธาของประชาชน ซึ่งคนโดนหลอกมีทั้งชาวบ้านธรรมดา ไปจนถึงนายพลใหญ่ระดับประเทศ
หลายปีก่อน “เณรคำ” ถูกเปิดโปงว่า มีเมีย 8 คน ลูก 2 คน เอาเงินบริจาคมหาศาลไปใช้ส่วนตัว ทำตัวเป็น “พระไฮโซ” นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว มีคฤหาสน์ 2 หลัง รถยนต์หรูราคาแพงอีกหลายสิบคัน ทั้งรถโรลส์รอยซ์ เชฟโรเลต โตโยต้า คัมรี่ เฟอร์รารี ฮัมเมอร์ รถกระบะ รถเบนซ์ และรถจักรยานยนต์ ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้มีมูลค่ารวมกันกว่า 200 ล้านบาท คาดว่ามีเงินสดอีกหลายร้อยล้านบาท ที่ “เณรคำ” ได้ยักย้ายถ่ายเทไปที่บ้านที่ไปสร้างอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะถูกจับกุมได้
โดยปี 2559 เจ้าหน้าที่ของสหรัฐอเมริกา สามารถจับกุมตัว “เณรคำ” ในฐานะผู้ร้ายหลบหนีเข้าประเทศ ข้อหาฉ้อโกง และพรากผู้เยาว์ ต่อมาส่งตัวกลับไทย
วันที่ 9 สิงหาคม 2561 หรือประมาณ 5 ปีก่อน ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.2341/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวิรพล สุขผล อายุ 39 ปี หรือ อดีตพระวิรพล ฉัตติโก (หลวงปู่เณรคำ) อดีตประธานสงฆ์สำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เป็นจำเลย ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน กระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และ การฟอกเงิน
โดยพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน, กระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์, กระทำความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน
รวมทุกกระทง ตัดสินจำคุก “เณรคำ” ทั้งสิ้น 114 ปี แต่ตามกฎหมายจำคุกได้สูงสุด จำคุก 20 ปี พร้อมให้ชดใช้เงินกับผู้เสียหายกับ 29 ราย ตามจำนวนที่ได้ฉ้อโกงไป นอกจากนั้น ยังมีคดีหมายเลขดำ อ.2340/2560 ที่ถูกฟ้องข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงด้วย
จริงๆ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นผมไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เพราะยังมีคนที่โง่เขลา ด้อยปัญญา บ้าหวย บ้าไสยศาสตร์ บ้าพิธีกรรม อยู่อีกมากมายในสังคมไทย !?!
“นอท กองสลากพลัส” คัมแบก
เมื่อพูดถึงความโง่เขลาเบาปัญหาของคนไทยจำนวนไม่น้อยแล้วก็ต้องพูดถึงเรื่องของ นายนอท กองสลากพลัส หรือ นายพันธุ์ธวัช นาควิสุทธิ์ อีกสักรอบ หลังจากที่เมื่อต้นปี 2566 ได้ฉีกหน้ากากให้เห็นความจริงว่า ธุรกิจหวยออนไลน์ หรือ หวยสแกน ที่ใช้ชื่อว่ากองสลากพลัสนั้น จริง ๆ แล้วคือธุรกิจฟอกเงิน
ซึ่งในเวลาต่อมาก็ปรากฎว่าเป็นความจริง เพราะดีเอสไอสั่งฟ้องนายนอทในความผิด “จัดให้มีการเล่นพนัน-ฟอกเงิน”
แต่ นายนอท หลังจากที่สำคัญตัวผิด คิดสั้นไปลงการเมืองในนาม“พรรคเปลี่ยน” วันนี้ก็กลับมาอีกแล้ว แค่เปลี่ยนคำต่อท้ายจาก“กองสลากพลัส”มาเป็น“ลอตเตอรี่พลัส”แล้วก็ทำธุรกิจสไตล์เดิม แล้วก็หลอกคนไทยได้เยอะ ด้วยความร่วมมือกับสื่อหลายเจ้าที่รับเงินรับทองเขามามอมเมาประชาชน
ก็เพราะ “สังคมไทย” เบาปัญญาอย่างนี้ ไม่เช่นนั้นคนอย่าง “นอท” นายพันธุ์ธวัช นาควิสุทธิ์ จะทำมาหากินอยู่ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ยังมีคดีคาศาลอยู่ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็น คดีพิเศษที่ 288/2565 ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน คดีพิเศษที่ 6/2566 ข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์ หรือพนันทางอิเล็กทรอนิกส์
โดยพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ พบว่านอทกอบโกยเอาทุกทาง ทั้งขายหวยเกินราคา อ้างเป็นค่าบริหารจัดการโน่นนี่นั่น ซึ่งกฎหมายหวย ไม่ได้เปิดช่องให้สามารถทำได้ ทั้งฟอกเงินให้นักธุรกิจสีเทาด้วยกัน ด้วยการเอาลอตเตอรี่ชุดรางวัลที่ 1 ไปขายให้กับเจ้ามือเว็บพนันออนไลน์ และทั้งขายหวยทิพย์ แปลไทยเป็นไทย ก็คือ เป็นเจ้ามือหวยใต้ดินแบบไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แค่ทำตัวเนียนๆ ให้สังคมเข้าใจเป็นเจ้ามือหวยถูกกฎหมาย แล้วก็ทำทีโวยวายแจ้งจับคนโน้นคนนี้ว่าขายหวยทิพย์ ทำให้ตัวเองเสียหาย
ระหว่างรอศาลตัดสิน “นอท” ก็จัดการเปิดแพลตฟอร์มใหม่ “ลอตเตอรี่พลัส” ขึ้นมาทดแทน “กองสลากพลัส” ที่ถูกสั่งปิดไป เริ่มเปิดขายหวยครั้งแรกเมื่อ เดือนมิถุนายน 2566 หรือ 5-6 เดือน ที่ผ่านมา
ขายเงียบๆ อยู่พักใหญ่ ก็เริ่มเปิดแคมเปญเต็มสูบ ด้วยการโปรโมต “สุชิน ถูกหวยชุดรางวัลที่ 1 สองงวดติด รวย 66 ล้าน” พอมีสื่อใหญ่ไร้สติรับลูก ช่วยลงข่าวโปรโมทโฆษณาให้ คราวนี้ FC ก็แห่กลับมาชุมนุมเพจของนอท กันอย่างคึกคัก ทั้งที่หวย 66 ล้านนั่น ก็ไม่ได้มีการพิสูจน์ว่าถูกจริงหรือไม่ !?!
แต่นายนอท ก็เลยลุยทำตลาดสไตล์เดิม ด้วยการระดมอินฟลูเอสเซอร์ นักร้องลูกทุ่ง มาช่วยกันโปรโมทถูกหวยกันทุกงวด ไม่ว่าจะเป็น สุนารี ราชสีมาอาภาพร นครสวรรค์ มนต์สิทธิ์ คำสร้อย เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น
แถมด้วยคอนเทนต์แนวส่องผี บุกไปถ่ายทำสถานที่เฮี้ยนให้หวยแม่นๆ เรียกว่าไหนๆ จะมอมเมาให้คนบ้าหวยกันแล้ว ก็เอาให้สุดขั้ว
นอกจากนี้ยังไปร่วมกับตำหนักใบ้หวยของ อาจารย์นอตตี้ หรือ นายนัฐพงษ์ ศุภพิตร ซึ่งเป็นเจ้าตำหนักปู่ใหญ่ อ.น๊อตตี้ ตั้งอยู่ที่ จ.กาฬสินธุ์ คอยใบ้หวย ซึ่งช่วงหลังๆ สังเกตว่านอกจากให้เลขแล้ว ยังมีการโปรโมทกองสลากพลัสไปด้วยในตัว ครบจบในที่เดียว
แล้วก็ยังมีไลน์ “นกพลัส” ใกล้วันหวยออก จะยิงข้อความโปรโมทมาว่า มีหวยชุดใหญ่เข้ามาอีก เข้ามาอีก เข้ามาแบบรายวันเลยทีเดียว
คำถามก็ คือ หวยรัฐบาล อะไรจะมาเข้าระบบได้เป็นล้าน ๆ ใบทุกงวด ในเมื่อลอตเตอรี่พลัสไม่ได้มีโควตาใดๆ กับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะอ้างว่ากว้านซื้อจากมายี่ปั๊วซาปั๊ว ก็จะไม่มีทางขายในราคา 80 บาทได้
เพราะฉะนั้น มันคือหวยทิพย์ล้วนๆ ใช่หรือไม่? พูดง่าย ๆ ก็คือ ลอตเตอรี่พลัส คือ หวยใต้ดินเวอร์ชั่นดิจิตอล ใช่หรือไม่? นี่เป็นคำถาม ที่น่าสงสัย
ถ้าคำตอบคือใช่! พฤติกรรมนี้ก็จะเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมาย ฐานฉ้อโกง หลอกลวงผู้บริโภคไหม ?
และนำไปสู่ คำถามต่อไปนั่นก็คือ แล้วตำรวจ และผู้มีอำนาจหน้าที่ในบ้านนี้เมืองนี้ทำอะไรอยู่ ?
แล้วถ้าลักษณะแบบนี้สามารถทำได้ ต่อไปก็คงจะมีเว็บแทงหวยแบบที่ “นายนอท” ทำเกิดขึ้นมาอีกเยอะเพราะทำง่าย ได้เงินเร็ว ไม่ต้องมีสลากในมือ ก็จะมีธุรกิจหลอกเงินทองชาวบ้านเกิดขึ้นมาอีกเยอะ เพราะสังคมไทยบางส่วนยังด้อยปัญญา เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ สนใจแต่เงินทองที่เป็นผลประโยชน์เฉพาะหน้าเท่านั้น
เรื่องขบวนการน้องไนซ์ เชื่อมจิต ย้อนทบทวนความทรงจำไปถึง ธรรมกาย-ธรรมชโย-เณรคำ ไม่นับรวมกับที่ยังไม่ได้พูดถึงอีกเหลือบในวงการศาสนาอีกหลายคน ในหลายยุคหลายสมัย ไม่ว่าจะเป็น พระนิกร "นิกร ยศคำจู", ยันตระ "วินัย ละอองสุวรรณ", เณรแอ จอมขมังเวท, ภาวนาพุทโธ, อิสระมุนี เยอะแยะไปหมด
พวกเหลือบไรที่มาเกาะกินพุทธศาสนาเหล่านี้ผลัดกันเกิด แล้วก็ตายไป แล้วก็เกิดใหม่ในสังคมไทยมาได้ทุกยุคทุกสมัย เพราะสังคมไทยนั้นเป็นสังคมที่ด้อยปัญญา คนส่วนใหญ่มักจะหลงงมงาย อยู่ในกิเลศ และอวิชชา ไม่แสวงความรู้ และความจริง!