วันนี้ (15 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. กองทุนกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ กับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการและกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาและถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ณ ทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพมหานคร
พลอากาศเอก สมคิด สุขบาง กรมวังใหญ่ผู้ใหญ่ประจำพระองค์ 908 กล่าวถึงการลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการและกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ว่า เมื่อปี พ.ศ. 2564 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ เคยพระราชทานแนวทางที่จะให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการเข้ามาช่วยพัฒนาผู้ต้องขัง จนถึงขั้นที่มีการยกร่างบันทึกความเข้าใจ และเตรียมที่จะมีการลงนามร่วมกันระหว่างกองทุนกำลังใจฯ และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และเพื่อสืบสานพระปณิธานในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ กองทุนกำลังใจในพระดำริฯ จึงได้จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือขึ้น เพื่อพัฒนาผู้ต้องขังทั้งชายและหญิงให้มีความพร้อมทุกด้านทั้งร่างกายและจิตใจก่อนออกไปสู่สังคมภายนอก และถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา วันที่ 7 ธันวาคม 2566
“กรอบขอความร่วมมือระหว่างหน่วยงานจะประกอบด้วย การร่วมกัน กำหนดกรอบ แนวทาง และแผนงาน การจัดฝึกอบรมวิชาชีพ ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง ให้แก่ผู้ต้องขัง ในโครงการกำลังใจ ,การจัดกิจกรรมแนะแนวอาชีพ ให้แก่ผู้ต้องขัง ในโครงการกำลังใจ ,การสำรวจความต้องการอาชีพของผู้ต้องขัง ในโครงการกำลังใจ ,การพัฒนาหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน และการฝึกอบรมวิชาชีพ ,การจัดให้มีการฝึกอบรมทักษะวิชาชีพ การพัฒนาทักษะชีวิต และทักษะที่จำเป็น เพื่อยกระดับความรู้ให้แก่ผู้ต้องขังในโครงการกำลังใจ เพื่อนำไปประกอบอาชีพ ,การสนับสนุน และร่วมมือด้านบุคลากร อุปกรณ์การเรียนการสอน เอกสาร ตำรา อาคาร สถานที่ ตามที่ทั้งสี่ฝ่ายตกลงร่วมกัน, การติดตามประเมินผลการดำเนินงาน การประชาสัมพันธ์โครงการ และผลการดำเนินสาระสำคัญประการหนึ่งที่จะอยู่ในหัวข้อการพิจารณาคือ จะต้องปลูกฝังให้ผู้ต้องขังได้มีความรู้ ความเข้าใจและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เนื่องด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ได้เข้ามาช่วยเหลือและพัฒนาผู้ต้องขังในโครงการต่างๆ เช่น ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ในเรือนจำภายใต้โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดีเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และผู้ต้องขังได้รับการพัฒนาอาชีพและจิตใจ ภายใต้หลายๆ โครงการ “ พลอากาศเอก สมคิด สุขบาง กล่าว
ด้านพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่าสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณที่ยิ่งใหญ่ต่อชาวราชทัณฑ์และต่อกระทรวงยุติธรรม โดยทรงนำบทเรียนที่ดีที่เกิดจาก การให้ความสำคัญกับเด็กติดผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ และการเข้าใจถึงทุกข์ยากของผู้หญิงที่ต้องรับโทษจำคุกณ ทัณสถานหญิงกลางแห่งนี้ รวมทั้งการช่วยเหลือผู้ต้องขังหญิงในมิติต่างๆ ไปนำเสนอในเวทีต่างประเทศและต่อมาเวทีของสประชาติ ได้ให้การยอมรับในแนวทางดังกล่าวในชื่อของ Bangkok Reules หรือข้อกำหนดกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้กับผู้ต้องขังหญิงทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน
ขณะที่ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่าได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กรมส่งเสริมการเรียนรู้ หารือร่วมกับคณะกรรมการกองทุนกำลังใจฯ และกรมราชทัณฑ์ ในการจัดทำบันทึกความเข้าใจความร่วมมือขึ้นซึ่งในบันทึกดังกล่าวประกอบด้วยหน่วยงาน 4 หน่วยที่จะลงนามในบันทึกดังกล่าว ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กรมส่งเสริมการเรียนรู้ หารือร่วมกับคณะกรรมการกองทุนกำลังใจฯ และกรมราชทัณฑ์ โดยแต่ละหน่วยจะเข้ามาทำหน้าที่เพื่อสนับสนุนและผลักดัน ให้ผู้ต้องขังได้รับการพัฒนาในทุกมิติเพื่อกลับคืนเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพและมีทักษะในศตวรรษที่ 21 ของสังคมโดยกระทรวงศึกษาธิการได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนภารกิจความร่วมมือในการพัฒนาผู้ต้องขังภายใต้โครงการกำลังใจฯ ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมการ 4 ด้านได้แก่ คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรด้านทักษะชีวิต คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรด้านทักษะอาชีพ คณะกรรมการกิจกรรมแนะแนวอาชีพ และคณะกรรมการติดตามประเมินผล
ทั้งนี้หลังจากได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือแล้ว จะเริ่มดำเนินงาน หรือการ kick off โครงการในช่วงเดือนมากราคม 2566 เป็นต้นไป โดยจะลงไปแนะแนวให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำต่างๆ เพื่อให้ผู้ต้องขังได้รับทราบถึงแนวทางการวางแผนชีวิตภายหลังพ้นโทษ และจากนั้นจะมีการลงไปให้ความรู้เพิ่มทักษะในด้านต่างๆ ที่ตรงตามความต้องการและตรงกับตลาดแรงงานภายนอก
ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือแล้ว ผู้ต้องขังหญิงจากทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ได้แสดงหน้าเวทีจำนวน1 ชุดในชื่อ ความฝันอันสูงสุด และจากนั้นคณะผู้บริหารของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงยุติธรรม เยี่ยมชมนิทรรศการที่อธิบายถึงที่มาและกิจกรรมในด้านต่างๆ ที่โครงการกำลังใจฯได้เข้ามาพัฒนาผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำต่างๆ ตลอดระยะเวลา 17 ปี และชมการสาธิตการฝึกวิชาชีพในฐานต่างๆ ได้แก่ การวาดภาพ ศาสตร์พยากรณ์ เครื่องศิลาภรณ์ สปากระเป๋า สิ่งประดิษฐ์ และการประกอบอาหาร จากนั้นได้เยี่ยมและมอบของที่ระลึกให้กับเด็กติดผู้ต้องขัง จำนวน 11 ราย และผู้ต้องขังหญิงตั้งครรภ์ จำนวน 16 ราย