เผยพิรุธ แก๊งสวาปา(ล์)ม ปตท.ฉวยจังหวะช่วงเปลี่ยนในดีเอสไอ และ ปตท.ให้ดีเอสไอดึงคดีสต๊อกลม GGC มาทำเอง ทั้งที่ตำรวจ ปอศ.ทำใกล้เสร็จเตรียมส่งฟ้องต่ออัยการแล้ว ส่อเจตนายื้อคดีช่วยพวกพ้องหรือไม่ เผยรักษาการอธิบดีดีเอสไอ คือคนสนิทของ รมว.ยุติธรรม จี้ “นายกฯ - รมว.พลังงาน” ลงมาจัดการด่วน เปิดความจริงผู้ต้องหายิง "สนธิ" เคยทำงานในดีเอสไอยุค "ทวี"
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทุจริตโครงการปลูกปาล์มในประเทศอินโดนีเซียและคดีสต็อกน้ำมันปาล์มลมของบริษัทในเครือ ปตท. ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท โดยมีทั้งนักการเมืองอดีตรัฐมนตรี อดีตผู้บริหารระดับสูงของ ปตท.รวมหัวกันใช้อำนาจบารมีที่มีให้เครือข่ายตัวเองโดยความร่วมมือของคนในองค์กรกระทำการทุจริตคอรัปชั่น จนกระทั่งถูกจับได้กลายเป็นคดีขึ้นมาทั้งที่อยู่ในศาล และ ป.ป.ช.
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ทราบมาว่า ขบวนการนี้กำลังอาศัยจังหวะ “น้ำขุ่น” ในช่วงที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และ ปตท.กำลังเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำองค์กรใหม่ โดยที่ดีเอสไอ อยู่ระหว่างแต่งตั้งอธิบดีคนใหม่มาแทนคนเก่าที่โดนย้ายเพราะพิษหมูเถื่อน ขณะที่ ปตท. ก็กำลังอยู่ในช่วงจะสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่
ขบวนการของคนกลุ่มนี้จึงเคลื่อนไหว โดยคำนวณว่า ยิงปืนนัดเดียวจะได้นกถึงสองตัว โดยดึงดีเอสไอที่ตัวเองมีพรรคพวกฝังตัวอยู่ช่วยเหลือทางคดีพวกพ้อง ขณะเดียวกันก็ใช้คดีด้อยค่า “แคนดิเดต” ว่าที่ CEO ปตท.ที่ไม่ใช่พวกตัวเองสนับสนุนไปในตัว
คดีปลูกปาล์มในอินโดนีเซีย 2 หมื่นล้านของ ปตท. และสต็อกลม 2 พันล้านบาทของ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ปตท. นั้น ต่างเป็นกลุ่มขบวนการเดียวกัน
ในส่วนของคดีทุจริตปาล์มอินโดนีเซีย คือ คดีทุจริตคอร์รัปชั่นที่บริษัทย่อยของ ปตท. ไปลงทุนปลูกปาล์มน้ำมันที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยการซื้อที่ดินซึ่งเป็นที่ดินทับซ้อนพื้นที่ป่าสงวนเป็นส่วนมาก ทำให้ไม่สามารถขอให้หน่วยงานในประเทศอินโดนีเซียออกเอกสารแสดงสิทธิในการทำเกษตรกรรมได้ ส่วนที่ดินที่เหลือไม่ทับซ้อนป่าสงวนก็เหลืออยู่ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน นอกจากนี้ ยังมีค่านายหน้าในการจัดซื้อที่ดินที่สูงกว่าผิดปกติถึง 40% รวมค่าเสียหายประมาณ 20,307 ล้านบาท
ในส่วนของสต็อกลม 2 พันล้านบาทของ GGC นั้น เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2561 โดย GGC ได้แจ้งความคืบหน้าคดีวัตถุดิบคงคลังของ GGC สูญหาย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ “สำนักงาน กลต.” ได้กล่าวโทษอดีตกรรมการผู้จัดการและผู้บริหาร GGC 2 ราย พร้อมคู่ค้าอีก 9 ราย ฐานร่วมกันดำเนินการให้ GGC ซื้อวัตถุดิบและจ่ายชำระเงินค่าซื้อเต็มจำนวนให้แก่ผู้ขาย โดยไม่ได้รับวัตถุดิบทั้งหมดหรือได้รับเพียงบางส่วน รวมทั้งกรณีส่งมอบวัตถุดิบไปกลั่นโดยไม่ได้มีการกลั่นจริง อันทำให้ GGC ได้รับความเสียหาย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวม 2,157 ล้านบาท
โดย GGC ในฐานะผู้เสียหายได้ติดตามเร่งรัดการดำเนินคดีทั้งคดีแพ่งและคดีอาญากับอดีตผู้บริหาร และคู่ค้าทุกรายมาอย่างต่อเนื่อง
จนถึงปัจจุบัน หลาย ๆ คดีศาลได้พิพากษาตัดสินถึงที่สุดแล้ว และหลายคดีมีความคืบหน้าไปอย่างมาก และการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาโดย “กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ” หรือ ปอศ. เองก็ได้มีความคืบหน้าไปมาก โดยคาดว่า ปอศ. จะสามารถสรุปสำนวนเพื่อส่งฟ้องอดีตผู้บริหาร และ คู่ค้าทุกรายต่ออัยการได้ในเร็ว ๆ นี้
ขบวนการกลุ่มก้อนนี้พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงที่ถูกต้องทุกทาง และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้คดีความล่าช้าและเพื่อมิให้ต้องรับผิด ดังจะเห็นได้จากความพยายามดึง ดีเอสไอ เข้ามาเกี่ยวข้องเพราะว่าคนพวกนี้มีความสนิทสนมกับผู้ใหญ่ในดีเอสไอ
โดยเฉพาะ คดีสต็อกลม 2 พันล้านบาทของ GGC สำนักงาน กลต.ได้กล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหาร GGC กรณีเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียน แต่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ระมัดระวังและซื่อสัตย์สุจริต อันเป็นการทุจริต จนเป็นเหตุให้ GGC ได้รับความเสียหาย พร้อมพวกอีก 9 ราย ซึ่งเป็นผู้ขายวัตถุดิบให้แก่ GGC ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ “ปอศ.” กรณีร่วมกันดำเนินการให้ GGC ซื้อวัตถุดิบและจ่ายชำระเงินค่าซื้อเต็มจำนวนให้แก่ผู้ขาย โดยไม่ได้รับวัตถุดิบทั้งหมดหรือได้รับเพียงบางส่วน แต่กลับลงบันทึกในระบบบัญชีของ GGC ว่า ได้รับวัตถุดิบครบถ้วนแล้ว รวมทั้งกรณีส่งมอบวัตถุดิบไปกลั่นโดยไม่ได้มีการกลั่นจริง อันทำให้ GGC ได้รับความเสียหาย คิดเป็นมูลค่ารวม 2,004 ล้านบาท
GGC ในฐานะผู้เสียหายก็ได้ดำเนินคดีแพ่งกับอดีตผู้บริหาร และคู่ค้าทุกราย รวมทั้งได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ คดีอาญากับอดีตผู้บริหาร และคู่ค้าทุกราย ต่อ ปอศ. เพื่อให้สืบสวนและสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายจนถึงที่สุด ซึ่ง GGC ได้ติดตามเร่งรัดการดำเนินคดีทั้งคดีแพ่งและคดีอาญามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
หลาย ๆ คดีศาลได้พิพากษาตัดสินถึงที่สุดแล้ว และ หลายคดีมีความคืบหน้าไปอย่างมาก และ การสืบสวนสอบสวนคดีอาญาหาผู้กระทำผิดกฎหมายโดย ปอศ. เองก็ใกล้จะเสร็จสิ้นกระบวนการสอบสวนแล้ว โดย ปอศ. ได้เตรียมออกหมายเรียกจำเลยมารับทราบข้อกล่าวหา และเตรียมสรุปสำนวนเพื่อการสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการต่ออดีตผู้บริหาร และคู่ค้าทุกรายต่อศาลยุติธรรมได้ในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ดี เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวว่า ดีเอสไอ อยู่ดี ๆ อยากจะรับโอนคดีสต็อกลมไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนแทน ปอศ. แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
เรื่องแบบนี้ ถ้าไม่มีคำสั่งจากเบื้องบน หรือ มีเลศนัย เจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่มีงานล้นมือ มีคดีพิเศษที่ต้องทำนับร้อยนับพันคดี เอาแค่เรื่อง “หมูเถื่อน” ที่นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน บี้มา จนตัวอธิบดีตกเก้าอี้ คงไม่ลุกขึ้นมาขยันขันแข็งอยากจะแย่งงานที่ ปอศ.ทำให้เสร็จแล้ว มาทำเองแน่ๆ
ทั้งนี้ รักษาการอธิบดีดีเอสไอคนใหม่ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ มีข้อน่าสงสัยมาก ไม่ทราบว่าอะไรเป็นสาเหตุ แล้ว พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ก็เป็นคนเดียวที่เคยเข้าไปติดต่อผู้บริหารระดับสูง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ปตท. เพื่อมาตรวจสอบการทำงานของ GGC ว่าบกพร่องหรือไม่ ปรากฏว่า ปตท. ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว สรุปว่าทำถูกต้องทุกอย่าง ไม่มีข้อบกพร่อง นี่มาจาก พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำอีกแล้ว
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ เป็นรองอธิบดีดีเอสไอ ที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นเจ้านายเก่าและสนิทสนมกันมาก อยากจะตั้งเป็นอธิบดีดีเอสไอ แต่ติดที่ปลัดกระทรวงฯ ไม่ยอม เพราะว่า คนจะขึ้นเป็นอธิบดี จากรองอธิบดี ต้องไปเป็นผู้ตรวจราชการก่อน 1 ปี พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง ก็เลยแก้เกมด้วยการเอา พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ มารักษาการ
“รักษาการยังไม่ทันไรเลย ก็ออกฤทธิ์แล้ว วิ่งเต้นที่จะเอาคดีที่ ปอศ. ทำในเรื่องสตอกลม ซึ่งกำลังจะสั่งฟ้องอยู่แล้ว ดึงเอามาอยู่ที่ดีเอสไอ ให้ทำ เพื่ออะไร ? เพื่อยืดเวลาให้มันยาวขึ้น อาจจะเริ่มต้นจาก 0 ใหม่เลย
“ท่านผู้ชมว่ากลิ่นมันทะแม่งไหม คุณยุทธนา แพรดำ คุณทำไปเพื่ออะไร คุณได้รับใบสั่งใครมาหรือเปล่า แล้วงานดีเอสไอของคุณว่างนักหรือ หุ้น STARK ไง ที่อยู่กับคุณ คุณไม่ไปเร่งล่ะ หุ้น MORE ที่นายกรัฐมนตรีเคยพูด ทำไมคุณไม่เร่งทำล่ะ คุณดันทะลึ่งจะไปเอาคดีที่ ปอศ. ทำเรื่องสตอกลมของกลุ่มพวกนี้ ที่คุณเคยรับใช้กันมาแล้วครั้งหนึ่ง เอามา ย้ายจาก ปอศ. คุณยุทธนา เขากำลังจะส่งฟ้องอยู่แล้ว มันแปลว่าอะไร” นายสนธิกล่าว
นายสนธิ ยังได้ตั้งคำถามว่า ทำไม พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง ไม่เร่งตั้งอธิบดีดีเอสไอคนใหม่ ในเมื่อมีผู้ตรวจราชการหลายคนที่พร้อมจะเป็นอธิบดี การที่ยังไม่ตั้งอธิบดีแล้วเอาลูกน้องเก่ามารักษาการนั้น ทำให้เป็นเรื่องน่าสงสัยสำหรับประชาชนที่กำลังติดตามเรื่องนี้อยู่
ก่อนหน้านี้ถ้ายังจำกันได้ ขบวนการกลุ่มนี้ ในเรื่องของการจัดซื้อน้ำมัน B100 โดย PTTOR นั้น เคยมีกรณีดีเอสไอ โดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ เดินทางเข้าพบ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยอ้างว่ามี“ผู้ถือหุ้น”ได้ดำเนินการกล่าวโทษต่อดีเอสไอ เพื่อให้ตรวจสอบขบวนการสมยอมราคาน้ำมันปาล์มขาย PTTOR ส่อฮั้วประมูล เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะว่าฮั้วแตกไปแล้ว ทั้งขบวนการ หน้าแหกไปหมด เพราะคณะกรรมการตรวจสอบทั้ง 3 บริษัทจดทะเบียนก็คือ ปตท., PTTGC และ GGC ได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าข้อร้องเรียนไม่มีมูลแต่อย่างใด
“คุณหน้าแตกไปครั้งหนึ่งแล้วนะ คุณยุทธนา แพรดำ วันนี้คุณมาเกมใหม่ แต่เป็นเกมที่โง่ๆ ใครๆ ก็ดูออก คุณเอาเหตุผลอะไรมาอ้างว่าจะขอโอนคดีสตอกลมมาทำ โดยเริ่มจาก 0 ใหม่ หรือคุณดูสำนวนสอบสวนแล้วคุณมีทางที่จะไปแก้ไขช่วยพวกเขาหรือเปล่า ผมไม่ทราบว่าคุณกำลังจะช่วยเขาหรือเปล่า แต่พฤติกรรมของคุณเป็นเรื่องที่น่าสงสัย และพฤติกรรมของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยเช่นกัน
“ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานครับ คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ท่านไม่รู้สึกบ้างเลยหรือ ท่านดูแล ปตท. อยู่ไม่ใช่หรือ ปตท. โดนโกง นั่นเป็นรัฐวิสาหกิจของประเทศไทยโดนโกง ท่านเป็นอดีตผู้พิพากษา ท่านต้องรู้ว่าเรื่องมันสาหัสสากรรจ์ขนาดไหน
“แล้วคุณเศรษฐา ทวีสิน คุณเน้นไม่ใช่หรือว่าเรื่องการโกง การคอร์รัปชัน คุณไม่เอา นี่ก็คือทิศทางความเป็นไปได้ของการจะช่วยเหลือพวกพ้อง ท่านนั่งอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร ท่านนายกรัฐมนตรี และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ท่านมีความสุขดีหรือ ว่าท่านทำเท่อยู่ทุกวันนี้ ท่านมีความสุขกับความเท่ของท่านใช่ไหม แต่เรื่องนี้ทำไมท่านไม่ลงไปล่ะ” นายสนธิกล่าว
1 ใน 3 ผู้ต้องหาลอบยิงสนธิ ลิ้มทองกุล คนใกล้ชิดของใคร?
นายสนธิ ได้กล่าวย้อนถึงเหตุการณ์ถูกลอบยิงเมื่อ 14 ปีที่แล้ว หลังเทศกาลสงกรานต์ 2552 ด้วยอาวุธปืนสงคราม 200 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ได้ตั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ขึ้นมาเป็นผู้สอบสวน ตามที่ได้ร้องขอไป เพราะเป็นรุ่นน้องอัสสัมชัญศรีราชา และเป็นคนซื่อตรงยิ่งไม่มีใครซื้อได้
พล.ต.อ.ธานี ได้ก็ระดมพลพรรคมือสืบสวนชั้นเด็ดของประเทศไทยในยุคนั้น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ก็ไปเป็นมือทำงาน มือสอบสวนสืบสวนที่เก่งมาก ปรากฏว่าเมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว ออกหมายจับคนหลายคน คนหนึ่งชื่อ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ (ปัจจุบันยังหลบหนี) อีกคนคือ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคมะเร็งไปแล้ว
สำหรับ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ อรรถพล ปาทาน เป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าวกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) แต่ว่าได้เข้าไปช่วยงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะว่านายวรวุฒิ มีความเชี่ยวชาญในการดักฟังโทรศัพท์ และอยู่ในดีเอสไอ ในยุคที่ พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง เป็นอธิบดีดีเอสไอด้วย
“นี่ผมไม่ได้พูดว่าคุณทวี เกี่ยวข้องกับขบวนการยิงผมนะ แต่ผมกำลังเล่าให้ฟัง ให้รู้หน่อย เรื่องพวกนี้ผมไม่เคยลืมหรอกคุณทวี ให้ตายสิ ผมไม่มีวันลืม คุณทวี และผมคิดว่าคุณอาจจะไม่เกี่ยวข้อง
“แต่ที่สำคัญ มันมีเส้นโยงใยว่าเขามาทำงานกับคุณ อยู่ดีเอสไอ แล้วในหลักการแล้ว ผมนี่อยู่ในวงการราชการมานาน จากกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด จะเข้าดีเอสไอได้ ต้องขอกันมา และอธิบดีดีเอสไอต้องเห็นด้วย ก็แสดงว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ที่มาอยู่กับคุณตอนนั้น และถูกหมายจับข้อหาร่วมกันยิงผมนั้น น่าจะได้รับการขอร้องให้ย้ายมาช่วยราชการโดยตัวคุณ เพราะคุณเป็นอธิบดีในยุคนั้น ผมแค่เล่าให้ฟังเฉยๆ ไม่ได้กล่าวหาอะไรคุณ คุณยุทธนา แพรดำ คุณก็รับทราบไว้ด้วย นั่นล่ะครับ ผมอยากจะเล่าให้ฟัง” นายสนธิกล่าว