สยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เดินหน้าเสริมแกร่งและยกระดับความเป็นเลิศด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคล (Human Resources - HR) ปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัว ยืดหยุ่นมากขึ้น และเปิดโอกาสคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพขึ้นเป็นผู้นำร่วมขับเคลื่อนองค์กรยุคใหม่ที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง เตรียมขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ มุ่งเป็นแพลตฟอร์มเพื่อการเติบโตที่ดีและมีประสิทธิภาพสำหรับทุกภาคส่วน (Well-growing platform) ที่พร้อมรับมือต่อทุกการเปลี่ยนแปลงสำหรับอนาคต (Future ready organization)
นางอัมพร โชติรัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “จากสถานการณ์โควิด-19 สยามพิวรรธน์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราก้าวผ่านวิกฤตมาได้ทุกยุคสมัยเพราะสามารถปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ โดยช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัว ยืดหยุ่น มี Mindset Skillset ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กรในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เตรียมความพร้อมด้วย Digital Capability และเป็น Data-led organization ตลอดจนการเปิดโอกาสให้บุคลากรที่มีคุณภาพขึ้นมาเป็นผู้นำรุ่นใหม่ ทั้งที่เติบโตจากภายในและผสมผสานความหลากหลายด้วยบุคลากรภายนอกจากหลากหลายสาขาที่มีความสามารถและมีความเชี่ยวชาญใหม่ๆ เข้ามาร่วมทีม เพื่อตอบโจทย์การทำธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง และสร้างการเติบโตได้สำเร็จ
ปัจจุบันมีพนักงานที่เป็นกลุ่มเจน Y และเจน Z จำนวน 67% ของพนักงานทั้งหมดกว่า 2,500 คน และในเวลา 5 ปีที่ผ่านมามีพนักงานเจน Z เพิ่มขึ้นประมาณ 6% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งเป็นไปตามแนวทางกลยุทธ์องค์กรที่ต้องการสร้างทีมที่มีศักยภาพ และผลักดันผู้บริหารคนรุ่นใหม่ (Middle Management) ให้ได้มีโอกาสก้าวเข้ามาทำโครงการใหญ่ๆ มากยิ่งขึ้น นับเป็นความท้าทายอีกหนึ่งสิ่งในยุคนี้ เพื่อสร้างความพร้อมให้กับองค์กรในการบริหารจัดการคนจากหลากหลายเจเนอเรชันให้ได้ทำงานร่วมกันและนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ และเติบโตไปพร้อมกัน
นอกจากความหลากหลายของคนในองค์กรแล้ว เพื่อเป็นการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต และให้สอดรับกับแผนการขยายธุรกิจไปอย่างกว้างไกล การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน คือหัวใจของการเติบโตที่ยั่งยืน บริษัทจึงมุ่งพัฒนาความสามารถและทักษะแห่งอนาคตให้แก่พนักงาน ตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงพนักงาน มีการออกแบบเส้นทางการเติบโตของ Talent ให้สอดรับกับกลยุทธ์องค์กรในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพด้านการจัดการกลยุทธ์องค์กร (Strategic Planning) การบริหารธุรกิจ (Business Management) ไปจนถึงภาวะผู้นำ (Leadership) เพื่อพร้อมสำหรับการแข่งขันในโลกอนาคต (Global Perspective)”
ความสำเร็จจากการปรับทัพองค์กรในช่วงที่ผ่านมาการันตีด้วยรางวัลมากมายจากสถาบันด้านการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลจากหลายเวทีทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ปี 2566 ได้รับรางวัล HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2023 ซึ่งเป็นปีที่สองติดต่อกันที่สยามพิวรรธน์ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชียจาก HR Asia และยังได้รับรางวัล Diversity, Equity & Inclusion Award จากสถาบันเดียวกัน สะท้อนถึงองค์กรที่โดดเด่นในด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียมและการมีส่วนร่วม รวมทั้งได้รับรางวัลชนะเลิศระดับโกลด์ในสาขา Excellence in HR Communication Strategy และ Excellence in CSR Strategy จาก HR Excellence Awards 2023 และรางวัลความเป็นเลิศทางธุรกิจระดับสากลจาก Enterprise Asia Linchpin of Asia Awards 2023 นอกจากนี้ ในปี 2565 บริษัทยังได้รับรางวัลที่แสดงถึงความเป็นเลิศในด้านการบริหารจัดการวิกฤต คือ รางวัล Excellence in Crisis Management and Recovery และ รางวัลระดับบรอนซ์ สาขา Excellence in Women Empowerment Strategy จากงาน HR Excellence Awards 2022
นายณัฐวุฒิ เกียรติไชยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าว “สยามพิวรรธน์ได้สร้างวัฒนธรรมองค์กรสำหรับการทำงานในโลกยุคใหม่ โดยการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานในทุกเจเนอเรชันให้ได้พัฒนาศักยภาพอย่างไร้ขีดจำกัด (Empower limitless possibilities) เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมต่อการขยายตัวธุรกิจขององค์กรในอนาคต โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์ 4 ด้าน ดังนี้
1. Future Workforce เตรียมความพร้อมตั้งแต่การรับสมัครพนักงาน หรือ Talent เข้ามาร่วมงาน โดยคัดสรรจาก Candidate ที่เป็น Profile ที่แตกต่าง หลากหลาย และมีความชำนาญในเรื่องใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้อง
กับธุรกิจรีเทลที่เปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นดิจิทัลยิ่งขึ้น อย่างเช่น ล่าสุดบริษัทได้พัฒนาและเปิดตัว ONESIAM SuperApp เรือธงในการทำธุรกิจแบบออมนิแชนเนล ทำให้มีกลุ่มพนักงานสายดิจิทัลและดาต้า (Data) เข้ามาเพิ่มมาผสมผสานและทำงานร่วมกับกลุ่มพนักงานรีเทลมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันกลุ่มนี้คิดเป็น 10% ของพนักงานทั้งหมด
2. Future Workplace ปรับเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานให้เหมาะกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของพนักงานในยุคปัจจุบัน ให้ความสำคัญต่อความหลายหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมของพนักงาน ด้วยการสร้างพื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-working Space) ในมุมต่างๆ ของสำนักงาน ใช้การออกแบบที่เน้นความทันสมัย เปิดโล่งเน้นความโปร่งใส สะท้อนการผสานการทำงานและการใช้ชีวิตร่วมกัน (Work-life Integration) พร้อมทั้งมีการดูแลพนักงานทั้งทางด้าน Physical และ Mental Well-being อย่างดีครบทุกด้าน นอกจากนี้ ในการบริการของ HR ยังนำเทคโนโลยี Chatbot “น้องอัญชัน” เข้ามาตอบข้อสงสัย ให้ความช่วยเหลือ และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับพนักงาน และลดระยะเวลาในการค้นหาข้อมูลที่จำเป็นต่างๆ
3. Future Skills เตรียมพร้อมพนักงานให้มีทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในปัจจุบันที่นอกเหนือจาก Functional Skill โดยสนับสนุนให้พนักงานพัฒนาทั้ง Digital Skill และ Human Skill ให้มีการเทรนนิ่งคอร์สใหม่ๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เช่น จัดการอบรมเรื่อง ChatGPT ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานทั้งองค์กร โดยล่าสุดได้เซ็น MOU กับ LinkedIn Learning แพลตฟอร์มการเรียนรู้ระดับโลก ซึ่งพนักงานสามารถเลือกเรียนรู้คอร์สออนไลน์ และพร้อม Upskill - Reskill ด้วยตนเองได้ทุกที่ทุกเวลา ได้มากกว่า 21,000 คอร์ส
4. Future Culture: ส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานแบบ Work as One พร้อมสร้าง Mindset ให้พนักงานในเรื่องทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ (Make the Impossible Possible) เพื่อให้กล้าคิด กล้าทำ และพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างไร้ขีดจำกัด ผ่านการสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจระหว่างพนักงานในองค์กร ด้วยการเปิดรับฟังเสียงของพนักงานผ่านแคมเปญ We Care We Dare ที่ส่งเสริมให้ผู้บริหารระดับสูง Engage กับพนักงานมากยิ่งขึ้นและเปิดเวทีให้พนักงานได้รับ Empowerment ในการทำงานด้วยศักยภาพที่มีอยู่อย่างสูงสุด
สยามพิวรรธน์มุ่งมั่นที่จะพัฒนาบุคลากร ให้มีความพร้อมต่อการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ และนำพาองค์กรก้าวเข้าสู่โลกอนาคตด้วยการปรับกระบวนการทำงาน สร้างทีมที่แข็งแกร่ง มีคุณภาพรับมือกับทุกสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง และเพื่อครองความเป็น Top of Mind เป็นที่หนึ่งในใจไม่เฉพาะลูกค้า และรวมถึงพนักงาน เพื่อเป็น Employer of choice สำหรับทุกคน