1.เศร้า! "ดีเจโก กรีนเวฟ" ดิ่งตึกโรงแรมดับ ส่งสัญญาณผ่านรายการ "จัดรายการวันสุดท้าย" วงจรปิดจับภาพ เดินเข้า-ออกห้อง 5 รอบก่อนเสียชีวิต!
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. เวลา 13.30 น. พ.ต.ท.กิตติเชษฐ์ กิติสาร สว.(สอบสวน) สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งเหตุชายตกจากที่สูงเสียชีวิต โดยตกลงมาที่ข้างบ้านเลขที่ 74 ซอยสุขุมวิท 20 แขวงและเขตคลองเตย กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรนิติเวช รพ.จุฬาฯ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านปูน 2 ชั้น ที่บริเวณประตูห้องครัวข้างบ้าน พบศพนายตฤณ เรืองกิจรัตนกุล อายุ 36 ปี หรือดีเจตฤณ หรือดีเจโก คลื่น 106.5 กรีนเวฟ สภาพศพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงขาสั้นลายขาวดำ มีบาดแผลกะโหลกศีรษะแตก
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบว่า ผู้เสียชีวิตเพิ่งมาเปิดห้องพักของโรงแรมที่เกิดเหตุได้ไม่นาน ก่อนตกจากดาดฟ้าของโรงแรมลงมาใส่บ้านดังกล่าว
จากการสอบสวนเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุทราบว่า บริเวณดังกล่าว ก่อนหน้านี้เมื่อ 10 ปี ก็มีเหตุลักษณะเดียวกันเกิดขึ้น โดยครั้งนั้นเป็นเจ้าหน้าที่โรงแรมที่ตกมาจากดาดฟ้าและร่วงลงมาที่บ้านของตน ครั้งนี้ตนไม่อยู่บ้าน มีเพียงลูกชายที่เป็นทนายความอยู่บ้านเพียงลำพัง และได้ยินเสียงดังมาจากบริเวณจุดเดียวกันกับเมื่อในอดีต เมื่อลูกชายออกมาดู พบร่างของผู้ชายที่ตกลงมาจากที่สูงนอนเสียชีวิตคาที่ นับเป็นครั้งที่สองที่เกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้น
เจ้าของบ้าน เผยด้วยว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้พูดคุยกับทางโรงแรมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าจะมีการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ มีคนหรือสิ่งของตกมาในบ้านของตนได้อย่างไร แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการแก้ไข กระทั่งมาเกิดเหตุซ้ำอีก อยากขอให้ทางโรงแรมหรือสถานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหาแนวทางและวิธีป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องหรือมีผลกระทบกับเพื่อนบ้านเป็นครั้งที่สาม ส่วนมองว่าเป็นเรื่องอาถรรพ์หรือไม่ ตนไม่ได้มองในมิตินั้น เพราะลักษณะของคนที่เสียชีวิตคล้ายมีการพุ่งออกมาจากตัวอาคาร
ด้านพนักงานโรงแรม ระบุว่า ขณะที่กำลังทำงาน ก็ได้ยินเสียงดังตุ๊บเสียงดัง บริเวณริมรั้วที่ติดกับเพื่อนบ้าน ทราบต่อมาว่าเป็นผู้ชายที่เสียชีวิต ไม่ทราบว่าชายคนดังกล่าวเข้าพักที่โรงแรมตั้งแต่เมื่อไหร่
ขณะที่ พ.ต.ท.กิตติเชษฐ์ กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าผู้เสียชีวิตมาเปิดห้องพักที่โรงแรมดังกล่าวคนเดียวตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. ช่วงเวลา 10.00 น. ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างสืบสวน ทั้งนี้ ยังพบทรัพย์สินผู้ตายอยู่บนดาดฟ้าชั้น 11
หลังเกิดเหตุดังกล่าว หลายคนที่รู้จักมักคุ้นหรือเคยร่วมงานกับดีเจโก ต่างรู้สึกช็อคกับเหตุการณ์ไม่คาดคิก พร้อมแสดงความอาลัยต่อการจากไปของดีเจโก
โดย “มดดำ คชาภา ตันเจริญ” ได้เผยผ่านรายการข่าวใส่ไข่ ระบุว่า ตนเองตกใจและเหวอ เพราะเพิ่งทราบข่าวก่อนเข้ารายการ รวมทั้งยังได้เผยข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า “เท่าที่คุยกับเพื่อนดีเจ มีคนบอกว่า เพิ่งเจอและได้คุยกับดีเจโกเมื่อเช้า และเท่าที่ทราบคือ เขาพูดในรายการว่า จะจัดรายการวันสุดท้ายแล้ว เขาว่าอย่างนั้น”
ด้านดีเจพุฒ พุฒิชัย ระบุว่า " RIP. นะโก ???? ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วยนะครับ"
ขณะที่ต้นหอม ศกุนตลา ระบุว่า "ตกใจและเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการได้รับข่าวการสูญเสียของ 1 ในครอบครัว เอไทม์ของเรา……..ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้อง หลับให้สบายนะโก !!! @djko1065"
ด้านดีเจมะตูม เตชินท์ ระบุว่า "ทักทายกันในทุกๆ เช้าแบบที่เคยเป็นมาตลอดเกือบ 10 ปี ใครจะคิดว่าเมื่อเช้าของวันนี้ จะเป็นเช้าสุดท้ายที่เราจะได้ทักทายกัน หลับให้สบายนะพี่โก หมดห่วงนะพี่ ทางครอบครัว Atime คงคิดถึงความน่ารัก ทะเล้นของพี่แน่นอนครับ?? และขอกราบแสดงความเสียใจกับทางญาติและครอบครัวดีเจโกอีกครั้งด้วยครับ?? Rest in peace"
ขณะที่โอปอล์ ปาณิสรา ระบุว่า "โก พี่เสียใจ เสียใจมากๆ เราเพิ่งคุยกันแท้ๆ?? โกคือเหตุผลที่พี่เปิดกรีนเวฟทุกเช้า โกคือความสุขของคนฟังในทุกๆ วัน ขอแสดงความเสียใจแทนครอบครัวและทุกๆคนที่รักโกนะคะ @djko1065 ??"
สำหรับดีเจโก เป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์โฆษณาธนาคารกสิกรไทย และมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง “รัก” คู่กับ จิ๊บ เบญจณัฎฐ์ อักษรนันทน์ รวมไปถึงมิวสิกวิดีโอ "ปอดแหก" ของศิลปิน ”ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์“
ดีเจโกเคยประกวดเวที หนุ่ม CLEO 2010 และ ได้รางวัล The Most Eigible Bachelor 2010 จัดโดยนิตยสารคลีโอ ดีเจโก เป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการเป็นดีเจดังแห่งคลื่น 94 EFM และกรีนเวฟ 106.5 FM ปัจจุบันเป็นดีเจคลื่นกรีนเวฟ 106.5 มีแฟนๆ ติดตามฟังเป็นจำนวนมาก เรียกว่าเป็นเสียงที่คุ้นเคยที่ต้องฟังในทุกๆ วัน และเคยได้รับรางวัล "นาฏราช" สาขาผู้จัดรายการเพลงและบันเทิงยอดเยี่ยม ประเภทรายการวิทยุ
ด้านชีวิตครอบครัว ดีเจโกแต่งงานกับแนน แฟนสาว และมีทายาทร่วมกันเป็นลูกชาย 1 คน อายุ 1 ขวบ และทำธุรกิจส่วนตัวเปิดร้านกาแฟและโฮมเมดเบเกอรี่ชื่อ Season House
ดีเจโก เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 36 ปี จากเหตุพลัดตกจากโรงแรมดังย่านสุขุมวิท เมื่อวันที่ 17 พ.ย. โดยยังไม่มีใครทราบสาเหตุที่แท้จริง มีแฟนๆ ออกมาโพสต์ว่า เช้าวันนั้น ดีเจโกได้จัดรายการ ด้วยเพลงและประโยคที่เศร้า “จัดรายการเป็นวันสุดท้าย”
การจากไปของดีเจโก ทำให้แฟนรายการจำนวนมากต่างร่วมกันไว้อาลัย ขณะที่ในโซเชียลมีการตั้งคำถามว่า "คนที่คอยส่งความสุข รอยยิ้ม เสียงหัวเราะให้ผู้คนทุกวัน ไม่เคยส่งสัญญาณแห่งความทุกข์เลย จึงไม่มีใครรู้เลยว่า ภายใต้รอยยิ้มของเขา ข้างในมีความสุขหรือไม่"
ทั้งนี้ มีรายงานว่า จากการสอบถามแม่ของ “ดีเจโก” ซึ่งเป็นคนที่เดินทางมาดูศพลูกชายที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง ยังคงติดใจสงสัย เพราะปกติลูกชายไม่ได้เล่าปัญหาอะไรให้ฟัง ไม่มีโรคประจำตัว เรื่องงาน หรือเรื่องเพื่อน ก็ไม่เคยมีปัญหา จึงไม่ได้ผิดสังเกตอะไร
โดยแม่บอกว่า ปกติลูกชายกลับบ้านทุกวัน ที่บ้านก็อยู่กันหลายคน โดยดีเจโกก็มีลูก 1 คน อายุ 1 ขวบ ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน “ดีเจโก” ได้ออกจากบ้าน ย่านเจริญกรุง บอกกับแม่ว่าจะไปค้างที่ทำงาน เพราะมีงานช่วงเช้ามืด ต้องไปจัดรายการแทน ก็ยังพูดคุยกันปกติ คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเพราะอะไรจึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เขาก็ไม่มีอาการผิดปกติอะไร ชีวิตครอบครัวก็มีความสุขดี หน้าที่การงานก็ราบรื่น สุขภาพก็แข็งแรง
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า จากการตรวจสอบของตำรวจ สน.ทองหล่อ หลังเข้าเก็บหลักฐานภายในโรงแรม โดยจุดที่คาดว่าน่าจะพลัดตกลงมาเป็นบริเวณดาดฟ้า ซึ่งพบโทรศัพท์มือถือ คีย์การ์ด บุหรี่ ไฟแช็ก และชุดคลุมอาบน้ำเปื้อนเลือดวางอยู่
โดยตำรวจตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเสื้อคลุมอาบน้ำเปื้อนเลือด ซึ่งเมื่อตรวจสอบศพพบว่า บริเวณข้อมือซ้ายมีบาดแผลคล้ายถูกของมีคม ประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิด บันทึกภาพตอนที่เดินเข้าออกห้องพัก บริเวณข้อมือซ้ายมีผ้าพันไว้ และเมื่อตรวจสอบในห้องพัก พบมีดขนาดเล็ก 1 เล่ม เปื้อนเลือด เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บไว้ตรวจสอบ
นอกจากนี้ยังมีจุดที่น่าสังเกตคือ ตลอดเวลาที่ดีเจโกอยู่ภายในโรงแรม มีการเดินเข้าออกห้องพักถึง 5 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลาห่างกันไม่มาก ซึ่งตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า วันเกิดเหตุ ดีเจโกเข้ามาที่โรงแรม เวลา 10.36 น. หลังจากนั้น เข้าไปที่ห้องพักเวลา 10.45 น.
กระทั่งเวลา 11.28 น. ดีเจโกเดินออกมาจากห้องพักรอบแรก ไปที่บันไดหนีไฟ จากนั้นเวลา 11.29 น. ดีเจโกออกจากห้องมารอบที่ 2 แล้วกลับเข้าห้องเวลา 11.31 น. จากนั้นเวลา 11.38 น. ดีเจโกเดินออกจากห้องไปทางบันไดหนีไฟอีก และกลับเข้าห้องในเวลา 11.39 น.
หลังจากนั้น เวลา 11.44 น. ไปที่ชั้น 15 แล้วก็กลับเข้าห้องเวลา 12.21 น. และสุดท้ายก็ออกจากห้องพักอีกในเวลา 12.33 น. ก่อนจะพบว่าเสียชีวิต
ทั้งนี้ ญาติได้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพดีเจโกที่ศาลา 3 วัดปริวาสราชสงคราม ระหว่างวันที่ 18-20 พ.ย. ก่อนจะมีพิธีฌาปณกิจในวันที่ 21 พ.ย.นี้
2.ศาลพิพากษาจำคุก "รุ้ง-ไมค์-ครูใหญ่" 9 เดือน ไม่รอลงอาญา ฐานจัดม็อบ "กลุ่มราษฎร" ก่อความวุ่นวายหน้าหอศิลป์ ปี 64 ก่อนให้ประกันตัวสู้คดี!
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดฟังคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ยื่นฟ้อง น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ระยอง และนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ เป็นจำเลย ในความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน, ความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง, พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง จากกรณีชุมนุมม็อบ ตีหม้อไล่เผด็จการ ที่บริเวณด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องไปจนถึงด้านหน้า สน.ปทุมวัน เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2564
คดีนี้ อัยการฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2564 จำเลยทั้งสามกับนักกิจกรรมอีก 8 ราย ได้ร่วมกันกระทำความผิด โดยทั้งสามได้ร่วมกันจัดการชุมนุมทางการเมืองในนามกลุ่ม #ราษฎร ในระหว่างที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่บริเวณด้านหน้าหอศิลป์ แยกปทุมวัน กทม. โดยไม่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ในระหว่างการชุมนุม ทั้งสามและกลุ่มผู้ชุมนุมยังได้ใช้โทรโข่งขยายเสียงปราศรัย อันเป็นการใช้เครื่องขยายเสียง
นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันตั้งเวทีและเก้าอี้บนถนนบริเวณหน้าหอศิลป์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจร มีการพ่นสีลงบนถนนหน้าห้างมาบุญครอง มีข้อความว่า #ราษฎรพ่อทุกสถาบัน ไม่เท่านั้น ผู้ชุมนุมราว 1,000 คน ยังได้เดินเท้าไปยัง สน.ปทุมวัน ทั้งสามซึ่งมีหน้าที่สั่งการในการชุมนุมได้ปล่อยให้ผู้ชุมนุมกีดขวางทางสาธารณะ จนเป็นอุปสรรคต่อการจราจร ทั้งสามและนักกิจกรรมรายอื่นยังได้ร่วมกันปราศรัยที่หน้า สน.ปทุมวัน เพื่อให้ปล่อยตัวแกนนำที่ถูกจับกุม
จากนั้น ผู้ชุมนุมได้กระจายตัวล้อม สน. พร้อมทั้งปาประทัด ขวดน้ำ และของแข็งเข้าไปในพื้นที่ สน. อันเป็นการมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยมีจำเลยทั้งสามเป็นผู้สั่งการ มีเจตนาทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังวางแนวป้องกันสถานที่ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ 7 ราย ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ผู้ชุมนุมยังได้ร่วมกันพ่นสีและกรองทรายที่เครื่องยนต์ใส่รถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณ สน.ปทุมวัน ซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการที่ใช้ในการสืบสวนคดีอาญาและใช้จับกุมผู้กระทำความผิด ทำให้เกิดความเสียหาย คิดเป็นค่าเสียหาย 155,586.50 บาท
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 มีความผิดตาม ป.อาญา ม.215, กีดขวางทางสาธารณะ และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 700 บาท จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกคนละ 9 เดือน ปรับคนละ 525 บาท ไม่รอลงอาญา ให้ยกฟ้องข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ทำร้ายเจ้าพนักงาน, ทำให้เสียทรัพย์ และ พ.ร.บ.ความสะอาด
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจำเลย เผยว่า จำเลยทั้งสามได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ซึ่งศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว โดยตีราคาประกันคนละ 25,000 บาท
3. กกต.ประเดิมแจกใบแดง "เกศกานดา" ส.ส.กทม. ปชป. หลังผู้ช่วยหาเสียงแจกเงินซื้อเสียง ส่งศาลฎีกาถอนสิทธิเลือกตั้งทั้งคู่ พร้อมดำเนินคดีอาญา!
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. ที่มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ น.ส.เกศกานดา อินช่วย ผู้สมัคร ส.ส.เขต 16 กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และนางดวงฤดี พันธุ์สมตน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 73(1) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง พร้อมดำเนินคดีอาญากับบุคคลทั้งสอง
เนื่องจากไต่สวนแล้วรับฟังได้ว่า ระหว่างวันที่ 17-19 เม.ย. 66 ที่หมู่บ้านร่มทิพย์ ซ.หทัยราษฎร์ ถ.หทัยราษฎร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร นางดวงฤดี ผู้ถูกร้องที่ 2 ซึ่งเป็นประธานหมู่บ้านร่มทิพย์ และเป็นผู้ช่วยหาเสียงของ น.ส.เกศกานดา ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้ไปพบปะและติดต่อผู้ร้องที่บ้าน เพื่อหารายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยจะให้เงินคนละ 500 บาท เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ น.ส.เกศกานดา
ต่อมาวันที่ 19 เม.ย. ผู้ร้องได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนางดวงฤดี ขอให้ผู้ร้องจดรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่งให้แก่นางดวงฤดี แล้วจะให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งรายชื่อละ 500 บาท พร้อมทั้งพูดขอให้ลงคะแนนให้แก่ น.ส.เกศกานดา ซึ่งปรากฏตามคลิปบันทึกเสียงการสนทนา จากนั้นวันที่ 22 เม.ย. ผู้ร้องได้ส่งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้แก่นางดวงฤดี จำนวน 4 รายชื่อ ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์
โดยนางดวงฤดี แจ้งว่า ให้มารับเงินสัปดาห์หน้า และวันที่ 25 เม.ย. 66 นางดวงฤดีให้เงิน 2,000 บาทแก่ผู้ร้อง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ น.ส.เกศกานดา ซึ่งปรากฏวิดีโอคลิปบันทึกเหตุการณ์ที่นางดวงฤดีเดินมาให้เงินแก่ผู้ร้องบริเวณรั้วหน้าบ้านของนางดวงฤดี เมื่อพิจารณาพยานหลักฐานดังกล่าวแล้ว เป็นการสนทนาเกี่ยวกับการจดรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยจะให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนละ 500 บาท เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้กับ น.ส.เกศกานดา ไม่ได้ปรากฏว่า มีการสนทนาเกี่ยวกับผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งแต่อย่างใด
อีกทั้งในวันเลือกตั้งผู้ร้องก็ไม่ได้ไปทำหน้าที่ผู้สังเกตการณ์เลือกตั้ง พร้อมกันนี้่ นางดวงฤดีได้ให้ถ้อยคำรับว่า คลิปบันทึกเสียงและวีดีโอคลิปประกอบคำร้องเป็นเสียงของตนเอง
ส่วน น.ส.เกศกานดา ให้ถ้อยคำว่า นางดวงฤดีเป็นผู้ช่วยหาเสียงของตนเอง มีหน้าที่แจกเอกสารแนะนำตัวผู้สมัครและร่วมเดินหาเสียงเลือกตั้งกับตน โดยในช่วงเวลาที่ตนไม่ได้หาเสียงเลือกตั้ง จะให้นางดวงฤดีหาเสียงเลือกตั้งเอง แสดงให้เห็นว่า บุคคลทั้งสองรู้จักสนิทสนมกันเป็นอย่างดี
ข้อกล่าวอ้างของ น.ส.เกศกานดา และนางดวงฤดี จึงไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวน กรณีจึงปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า น.ส.เกศกานดา ก่อหรือสนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้นางดวงฤดี ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้เงินดังกล่าวแก่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ซึ่งเป็นการทุจริตการเลือกตั้งอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73(1) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตเลือกตั้งที่ 16 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ น.ส.เกศกานดา ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของ กกต.ยังได้สั่งให้มีการกันผู้ร้องในคดีนี้ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการติดต่อจากนางดวงฤดี ให้จดรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. พ.ศ.2560 มาตรา 46 ประกอบระเบียบ กกต.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกันบุคคลไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี พ.ศ.2563 ข้อ 5 และข้อ 6 ด้วย
4. กองปราบฯ หอบสำนวน "กำนันนก" ฆ่า "สารวัตรศิว" ให้อัยการ แยกเป็น 2 สำนวน ผู้ต้องหา 28 ราย ด้านรองอธิบดีอัยการฯ ชี้ สำนวนสมบูรณ์พอสั่งฟ้องได้!
เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายปรีชา สุขสงวน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ได้นำทีมเปิดแถลงร่วมกับ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.กองปราบปราม หลังรับสำนวนคดีของนายประวีณหรือกำนันนก จันทร์คล้าย รวม 2 สำนวน จำนวน 7 ลัง กว่า 7,000 หน้า ซึ่งมีผู้ต้องหาทั้งหมด 28 ราย จากพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.
นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ทั้งสองคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากกรณี พ.ต.ต. ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจทางหลวง 1 กก.2 บก.ทล. ถูกนายธนัญชัย หมั่นมาก หรือหน่อง ท่าผา ใช้อาวุธปืนยิงถึงแก่ความตายขณะอยู่ในงานเลี้ยง ภายในบริเวณบ้านพักของกำนันนก โดยเหตุเกิดต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในงานเลี้ยงเป็นจำนวนมาก เมื่อคืนวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยทั้ง 2 สำนวนมีข้อเท็จจริง ดังนี้
1. สำนวนแรก มีผู้ต้องหาจำนวน 2 คน คือ นายธนัญชัยหรือหน่อง ท่าผา ผู้ต้องหาที่ 1 (ถูกวิสามัญฯ ถึงแก่ความตาย) ถูกกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน ส่วนกำนันนก ผู้ต้องหาที่ 2 ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่น และกำนันนก ยังถูกกล่าวหาในสำนวนที่ 2 ซึ่งส่งสำนวนพร้อมกัน (เป็นผู้ต้องหาที่ 27) ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติฯ โดยไม่ชอบ
ซึ่งในชั้นสอบสวน กำนันนกให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา นายอาทิตย์ เก้าลิ้ม ผู้ต้องหาที่ 28 ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิดหรือผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันไม่ใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้ที่พำนัก ซ่อนเร้น ช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติฯ โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
ทั้งนี้ ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 28 คน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาที่ 1 ถึงผู้ต้องหาที่ 6 ฝากขังตามหมายขังของศาลอาญา ครบฝากขังครั้งที่ 6 ในวันที่ 21 พ.ย. ส่วนกำนันนก ถูกฝากขังตามหมายขังของศาลอาญา ในอีกคดี ซึ่งครบฝากขังครั้งที่ 6 ในวันที่ 19 พ.ย. ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นำตัวมาส่งให้พนักงานอัยการ โดยสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้นัดให้มาฟังคำสั่งว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
นายประยุทธ์ กล่าวต่อว่า คดีนี้เป็นคดีสำคัญ สำนักงานคดีอาญา และสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้รายงานให้อัยการสูงสุดทราบ และเนื่องด้วยเป็นคดีที่สื่อมวลชนและประชาชนให้ความสนใจ เพราะการก่อเหตุ เป็นการกระทำที่อุกอาจ ผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเกิดเหตุต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก ถือเป็นคดีสำคัญตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งพนักงานอัยการที่รับผิดชอบภายใต้การควบคุมของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต จะเร่งรัดการตรวจสำนวนด้วยความละเอียด รอบคอบและรวดเร็ว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ด้านนายวัชรินทร์ ภาณุรัฒน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวน รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี และเป็นคดีแรกในประวัติศาสตร์ ที่ตำรวจกองบัญชาการสอบสวนกลางได้ทำหนังสือมาเชิญอัยการมาร่วมเป็นปรึกษาหารือในเรื่องของรูปแบบของคดี สำนวนและข้อหา ซึ่งเท่าที่ตนร่วมสอบสวนกับตำรวจเห็นว่า เบื้องต้นสำนวนมีความครบถ้วนสมบูรณ์ เพียงพอสั่งฟ้องผู้ต้องหาได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคณะทำงานอัยการจะพิจารณาสั่งให้สอบพยานเพิ่มเติมหรือไม่
5. ศาลให้ประกัน "ใบเตย" คดีฉ้อโกง Forex-3D ตีราคาประกัน 5 ล้าน กำหนดเงื่อนไขใส่กำไล EM-ห้ามออกนอก ปท. ด้านน้องชายเตรียมช่วย “ดีเจแมน” ต่อ!
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ศาลอาญาได้นัดไต่สวนคำร้องขอประกันตัว น.ส.สุธีวัน กุญชร หรือ ทวีสิน หรือ"ใบเตย" นักร้องชื่อดัง จำเลยคดีแชร์ Forex-3D คดีที่นายชาญวิทย์ ทวีสิน หรือลุคซ์ น้องชายใบเตย และนายอมร กุศล ทนายความ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ป็นเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราวใบเตย เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา
โดยศาลอาญาได้สั่งเบิกตัวจำเลยมารับการไต่สวนเพียงปากเดียว ก่อนจะมีคำสั่งในเวลาต่อมา อนุญาตให้ประกันตัวใบเตย โดยตีราคาประกัน 5 ล้านบาท พร้อมให้ใส่กำไล EM และกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล และให้มารายงานตัวตามกำหนด
หลังรับทราบคำสั่งศาลที่ให้ประกันตัว ใบเตยออกอาการดีใจและกอดกับครอบครัวที่มาให้กำลังใจ ก่อนจะถูกส่งตัวกลับไปยังทัณฑสถานหญิงกลางอีกครั้ง เพื่อปล่อยตัวในช่วงเย็นวันเดียวกัน
ด้านนายชาญวิทย์ ทวีสิน หรือลุคซ์ น้องชายใบเตย ให้สัมภาษณ์หลังศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวใบเตยว่า หลังศาลมีคำสั่ง ก็ยังไม่ได้พูดอะไรกับใบเตยมาก แค่ร้องไห้ดีใจด้วยกัน ยอมรับว่าเครียดมาก เมื่อวานประชุมกับทนายความด้วยความเครียด ถ้าไม่ได้ประกันตัววันนี้ ก็ไม่รู้จะสู้ยังไงแล้ว ขอขอบคุณทนายความที่ช่วยมาตลอดโดยที่ยังไม่เคยจ่ายค่าจ้าง ขอบคุณผู้พิพากษา และทุกกำลังใจที่ส่งให้น้องเวทมนต์ คุยกันแล้วว่าเราต้องใช้ความจริง ต้องใช้หลักฐานเข้าสู้ ส่วนใบเตยมีอาการเครียดมาก ตอนยื่นขอไต่สวนแล้วศาลนัดไต่สวน ก็มีความหวังมากๆ สุดท้ายวันนี้ก็โล่งใจ ส่วนคดีของนายพัฒนพล มินทะขิน หรือดีเจแมน เวลาคุยกันพี่แมนจะบอกตลอดว่าให้ช่วยพี่เตย ต้องช่วยพี่เตยให้เต็มที่ หลังจากนี้ก็จะเดินหน้าช่วยพี่แมนต่อไป
ขณะที่นายสุรศักดิ์ ทวีสิน พ่อของใบเตย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรมกับลูกสาว เพราะลูกเป็นผู้หญิง มีลูกมีหลานต้องดูแล ตอนไปเยี่ยมลูกที่เรือนจำ น้ำตาของพ่อไหลออกมาเพื่อลูกสาว วันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุด ขอบคุณผู้พิพากษาที่ไต่สวนและให้ความเป็นธรรมในวันนี้
ด้านใบเตย หลังได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด โดยนั่งอยู่ภายในรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน